‘อาหารไทยมื้อพิเศษ’ ณ ห้องเทียร่า โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ
อาหารไทยมื้อพิเศษ จัดเฉพาะ วันเสาร์ที่ 16 สิงหาคม 2568 เวลา 19.00 น. เพียงรอบเดียวเท่านั้น ที่ห้องเทียร่า ซึ่งเป็นห้องจัดเลี้ยง หรือห้องประชุมขนาดเล็ก บนชั้น 39 M โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ
มองเห็นทิวทัศน์กรุงเทพฯ มุมสูง และวิวสวนสาธารณะ (ลุมพินี) ในอดีตชื่อ ‘เทียร่า’ เป็นห้องอาหารกรุกระจกโดยรอบแบบ 360 องศา ชั้นบนสุดของโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ แห่งเดิม ปัจจุบันยังคงอนุรักษ์ไว้ทว่าเปลี่ยนแปลงไปในรูปแบบใหม่
และเพื่อเป็นการเชิดชูวัฒนธรรมอาหารไทย โดยเป็นการโคจรมาพบกันของ เชฟชาวไทยฝีมือดีสองรุ่น นั่นคือ เชฟเอิร์ธ – ศริตวรรธน์ วันวิชิตกูร แห่ง ร้าน Saawaan ซึ่งเชฟเอิร์ธเป็นศิษย์เก่าของวิทยาลัยดุสิตธานี
และเชฟรสริน ศรีประทุม แห่ง ห้องอาหารพาวิลเลี่ยน โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ โดยเชฟผู้เชี่ยวชาญ อาหารไทย ทั้งสองเจนเนอเรชั่นจะจับมือกันรังสรรค์ ความอร่อย ตำรับไทย ร้อยเรียงอาหารไทยในสไตล์ของแต่ละท่านให้กลายเป็น เมนูมื้อค่ำ 6 คอร์ส ที่น่าประทับใจ
หมูหวานชวนชิม ได้ลิ้มรสความอร่อยในรอบสื่อมวลชน ไปเรียบร้อยแล้ว และพบว่า อาหารไทยมื้อพิเศษ นี้เป็น อาหารไทย ที่ควรค่าแก่การรอคอยจริงๆ
เชฟทั้งสองได้นำเสนอวัฒนธรรมทางด้านอาหาร และนำเสนอเทคนิคการปรุงอาหารตำรับไทย พร้อมกับออกมาเล่าเรื่องราวได้อย่างเพลิดเพลินน่าประทับใจ
ประสบการณ์ ความอร่อย เริ่มด้วยอาหารขนาดพอดีคำเพื่อเปิดต่อมรับรส ซึ่งเชฟรสริน และ เชฟเอิร์ธ นำเสนอรวมกันเป็น 4 คำ คือ เมี่ยงลิ้นจี่กุ้งย่างไข่ผำ ลาบเหนือเห็ดนางรมหวลงมะเขือเทศดองน้ำเคย หอยต้มน้ำมะพร้าว และต้มยำกุ้งในสไตล์บิสกิต
เชฟเอิร์ธ จะเป็นผู้ดูแล คอร์สแรก นำเสนอปูม้าดองมะม่วง ซึ่งเป็นการเชิดชูวิธีการหมักดองของอาหารไทย ซึ่งเชฟเลือกใช้ปูม้าจากจังหวัดระนอง นำเนื้อปูม้าไปดองในน้ำปลา และสาหร่ายทะเล ห่อด้วยเนื้อมะม่วงสุก และเนื้อมะม่วงห่าม เพื่อให้เกิดรสสัมผัสที่หลากหลายในหนึ่งคำ
Cold-RAW
ราดด้วยซอสที่ทำจากมะม่วง 5 สายพันธุ์ผสมกับน้ำนมมะม่วงหิมพานต์ เป็นการเปิดต่อมรับรส เพื่อจะได้รับรสอาหารคอร์สต่อๆ ไปได้อย่างเต็มรส
Lobster with torch ginger flower salad
คอร์สที่สอง เป็น ล็อบสเตอร์จากภูเก็ตย่าง เสิร์ฟพร้อมยำดอกกะเจียว เป็นเมนูที่เชฟรสรินตั้งใจนำเสนอถึงวัตถุดิบของไทยที่เป็นระดับพรีเมี่ยม นั่นคือ ล็อบสเตอร์จากทะเลอันดามัน เชฟนำล็อบสเตอร์มาดองในน้ำบูดู 1 คืน จากนั้นนำล็อบสเตอร์ไปซูวี (Sous Vide) จากนั้นนำล็อบสเตอร์ไปย่าง แล้วนำเสิร์ฟพร้อมยำดอกกระเจียว ซึ่งดอกกระเจียวเป็นดอกไม้ที่งอกงามในช่วงฤดูฝนเพียงปีละครั้ง
Soup-BOILED (ต้มกะทิเนื้อเค็ม)
คอร์สที่สาม เป็นซุป เชฟเอิร์ธนำเสนอ ต้มกะทิเนื้อเค็ม ซึ่งเป็นเมนูที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากคุณย่า และเป็นเมนูโปรดของเชฟเอิร์ธที่คุณย่าทำให้รับประทานตั้งแต่เด็ก
เป็นอาหารที่สะท้อนถึงพื้นเพของเชฟ เพราะเป็นอาหารของทางภาคใต้ เชฟเลือกใช้เนื้อชาร์โรเลส์ซึ่งเป็นเนื้อระดับพรีเมี่ยมจากฝรั่งเศส เชฟปรับประยุกต์วิธีต้มน้ำซุป
โดยมีน้ำซุปส่วนหนึ่งปรุงตามอย่างดั้งเดิมของคนไทย และน้ำซุปอีกส่วนหนึ่ง ได้จากการน้ำเนื้อไปเคี่ยวด้วยไฟอ่อนๆ เป็นเวลานาน จากนั้นนำน้ำซุปทั้งสองกรรมวิธีมาผสมกัน ให้รสชาติที่โดดเด่นแตกต่าง
Sweet and Sour Red Curry
คอร์สที่สี่ เป็นอาหารจานหลัก แกงเทโพปลากะมงจั๊กจั่น เสิร์ฟพร้อมข้าวมันโคลนดอกฟักทอง ซึ่งรังสรรค์โดยเชฟรสริน เชฟต้องการเพิ่มความเปรี้ยวหวานให้เข้าไป จึงใช้กระท้อนปุยฝ้ายมาเป็นวัตถุดิบเสริมรสชาติ ส่วนสีดำของข้าวมันโคลน ได้มาจากหมึกของปลาหมึก
คอร์สที่ห้า ยังคงเป็นอาหารจานหลัก แต่นำเสนอโดยเชฟเอิร์ธ เป็นเมนูที่ดูธรรมดา แต่รสชาติกลมกล่อมมาก นั่นคือ แกงไก่หยวกกล้วย เป็นการสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเชฟที่จะใช้วัตถุดิบให้เกิดประโยชน์สูงสุด นั่นคือ
ใช้ทั้งหยวกล้วย หัวปลีกล้วย ไฮไลต์คือ ข้าวมันที่หุงและเสิร์ฟในหัวปลี ซึ่งเมี่อรับประทานคู่กับไก่ และน้ำแกง ยิ่งเสริมให้เกิด ความอร่อยครบรส
Avocado mousse
ปิดท้ายมื้อค่ำสุดพิเศษด้วย ขนมหวานซึ่งมี 2 รายการ คือ มูสอะโวคาโด เสิร์ฟพร้อมน้ำมันโหระพา และโยเกิร์ตกรานิต้า จากนั้นตามด้วยไอศครีมน้อยหน่า และข้าวเม่าสอดไส้กล้วยเล็บมือนางทอด
Chef Rosarin Sugar apple sorbet and deep-fried banana roll
Petit Four
เสิร์ฟพร้อม ชา หรือ กาแฟ เพื่อสร้างความสดชื่นให้ต่อมรับรสนั้น จะมาพร้อมกับขนมชิ้นเล็กๆ ขนาดพอดีคำ (petit four) ประกอบไปด้วย ลิ้นจี่ ช็อกโกแลตชาไทย ส้มฉุนเมอแรง และ ขนมหันตรา
เชฟเอิร์ธ-ศริตวรรธน์ และ ‘เชฟรสริน ศรีประทุม’
Chefs from Saawaan and Dusit
มื้อค่ำมื้อพิเศษที่รังสรรค์ด้วยความรัก และความภูมิใจของเชฟชาวไทยทั้งสองท่านนี้ มีเพียงค่ำคืนเดียวเท่านั้น ในวันเสาร์ที่ 16 สิงหาคม นี้ เวลา 19.00 น. ณ ห้องเทียร่า ชั้น 39M ต้องบอกว่าได้อิ่มตากับทัศนียภาพของกรุงเทพฯ ที่งดงามจากมุมสูง อิ่มท้องไปกับผลงานสร้างสรรค์ของเชฟ และภูมิใจไปกับความพิถีพิถัน และละเมียดละไมของวัฒนธรรมของ อาหารไทย
ส่วนราคานั้นอยู่ที่ 2,950++ บาท ต่อท่าน สำหรับอาหารค่ำ 6 คอร์ส และ 1,950++ บาท ต่อท่าน สำหรับการจับคู่ไวน์กับอาหาร (wine pairing)
สอบถามข้อมูลได้ที่ โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ โทร 0 2200 9000 อีเมล dtbk@dusit.com สำรองที่นั่งผ่านทางออนไลน์ dusit.com/bangkok