หุ้นยังมีแรง! เฝ้าชายแดน มี4หุ้นราคาดิ่งรอดีด?

หุ้นวิชั่น- ตลาดหุ้นไทย Flow ของนักลงทุนที่ยังไหลเข้ามาในหุ้นใหญ่ และการเก็งงบช่วงสุดท้ายของตลาด น่าจะหนุนให้ตลาดหุ้นเดินหน้าต่อไปได้ เป้าอาจไปถึง 1300จุด อย่างไรก็ตาม คงต้องดูว่า การลงนามข้อตกลงกับประเทศกัมพูชา(GBC) นั้น จะออกมาในทางใดด้วย

กลยุทธ์ กรอบเวลาในการลงทุนของนักลงทุนที่คาดว่า จะสั้นลง คือจะมีการสลับ Sector/หุ้น บ่อยขึ้น การเลือกหุ้นเข้าลงทุน จึงเป็นแบบตัวที่ขึ้นมาไม่มาก(4 หุ้นพร้อมดีด) (STA*, AMATA*, SCGP, LH*) หรือหุ้นที่ตลาดเล่นกันอยู่แล้ว (DELTA*, AOT, TRUE*, SCB, KBANK) (ที่มา- บล.ดาโอ)

วันนี้ (7 ส.ค.) เป็นวันแรกที่ภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ประกาศ ณ วันที่ 1 ส.ค. 68 จะเริ่มบังคับใช้อย่างเป็นทางการ ประเด็นหลักตามต่อยังเป็นเรื่องของภาษีระหว่างอินเดีย ที่อาจถูกเก็บสูงถึง 25% เนื่องจากอินเดียยังซื้อน้ำมันจากรัสเซียต่อเนื่องในสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน และประเด็นระหว่างจีนที่อยู่ระหว่างหารือขยายเวลาการเก็บภาษีนำเข้า ทั้งนี้ไทยได้เรท 19% ตลาดรับรู้ไปเรียบร้อยแล้ว และ non-tariff ไม่ได้มีผลกับหุ้นในตลาดมาก

มาตรการการค้าของสหรัฐฯ อินเดีย ยังโดนกดดัน โดยเพิ่มภาษีจาก 25% เป็น 50% จากประเด็นการนำเข้าน้ำมันของอินเดียจากรัสเซีย ขณะที่ ภาษีนำเข้า Chip ที่จะปรับเป็น 100% (ยกเว้น Apple) มีความชัดเจน แต่เรามองว่า สหรัฐฯ ยังไม่ตัดสินใจขั้นสุดท้าย ยังมีการเจรจาได้อีก ตลาดจะไม่รับรู้อะไรมากนัก แต่จะรบกวนการลงทุนหุ้น Tech หรือหุ้น Chip ทั่วโลก

ผลการประชุม GBC คาดจะมีรายงานเป็นทางการวันนี้ ตามข่าวคือผลออกมาดี …. ทั้งนี้ มองผลการประชุม ถ้าจะออกมาดีต่อตลาด จะต้องตกลงกันได้แบบไม่มีประเด็นค้างคา หากยังค้างคาหรือข้อตกลงไม่ลงตัว จะเป็นชนวนก่อความขัดแย้งต่อไปได้อีก และจะมีการใช้กำลังทางการทหารร่วมด้วย จะมีผลลบต่อตลาด โดยเฉพาะกลุ่มที่มีธุรกิจในกัมพูชา และกลุ่มท่องเที่ยว

การรายงานตัวเลขเงินเฟ้อไทยวันนี้ คาดการณ์หดตัว 0.4% จากครั้งก่อนหดตัวที่ 0.3% ซึ่งคาดว่าแนวโน้มจะแย่ลงกว่าการรายงานครั้งก่อน ซึ่งตัวเลขเงินเฟ้อครั้งนี้ จะมีผลต่อการประชุมกนง.ในวันที่ 13 ส.ค.นี้ด้วย

หากตัวเลขออกมาไม่ดี คาดกนง.อาจพิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยลงได้ ซึ่งจะบวกต่อหุ้นกลุ่มหนี้สูง และกลุ่มไฟแนนซ์ แต่จะลบต่อหุ้นกลุ่มธนาคาร

ตัวเลขเงินเฟ้อ Headline CPI เดือนก.ค.หดตัว 0.7% ต่ำกว่าคาดที่หดตัว 0.4% ปัจจัยหลักจากการปรับลดลงของราคาผัดสด น้ำมันดิบ และราคาพลังงาน หากมองในด้าน Core CPI ที่ยังคงขยายตัวได้ 0.84% ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจที่ขยายตัวต่อได้ จึงยังไม่ใช้ภาวะเงินฝืด …. ตลาดหุ้นไม่ได้มองประเด็นนี้มีนัยสำคัญ

กกร. เพิ่มคาดการณ์ GDP ปีนี้โต 1.8-2.2% จากเดิมคาดไว้ที่ 1.5-2.0% รวมทั้งปรับเพิ่มประมาณการส่งออก

ไทยปีนี้ เป็น 2-3% จากเดิม -0.5 ถึง 0.3% หลังส่งออกฉายแววเกินคาด

14 ส.ค. 68 กำหนดส่งงบสุดท้าย โดย DAOL ประเมินกำไรตลาด 2Q/25 ไว้ที่ 2.5 แสนล้านบาท -2% YoY; -10%qoq (1Q/25 ที่ 2.82 แสนล้านบาท) …. สัปดาห์นี้ บริษัทจดทะเบียนที่จะประกาศงบฯ ในวันนี้ ได้แก่ DOHOME, BCP, CPAXT, OR, CBG, NER, ONEE, QH, SAT, SEAFCO, SNNP, SPRC, TCAP

Event วันนี้ :ตัวเลขส่งออกของจีน (คาดการณ์ 5.8% เท่ากับเดือนก่อน)

ดัชนีฯ จะต้องยืนเหนือ 1250จุด เกิน 3วัน เวลานี้ตลาดกำลังพยายามกลับมา เป็น “ขาขึ้น” จากนี้ ตามดูตัวแปรสำคัญ คือ มาตรการค้าสหรัฐฯกับประเทศต่างๆ รวมถึงสถานการณ์กัมพูชา

กลยุทธ์ กรอบเวลาในการลงทุนของนักลงทุนที่คาดว่า จะสั้นลง คือจะมีการสลับ Sector/หุ้น บ่อยขึ้น การเลือกหุ้นเข้าลงทุน จึงเป็นแบบตัวที่ขึ้นมาไม่มาก (STA*, AMATA*, SCGP, LH*) หรือหุ้นที่ตลาดเล่นกันอยู่แล้ว (DELTA*, AOT, TRUE*, SCB, KBANK)

หุ้นในพอร์ตวันนี้ นำ TTB, GULF, BDMS* ออก และนำ ITC, TRUE*, CRC, SCGP เข้ามาในพอร์ต หุ้นในพอร์ตประกอบด้วย ITC(20%), TRUE*(10%), CRC(20%), SCGP(10%), THAI*(10%), MTC*(10%), ADVANC(10%)