โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ยายวอนทั้งน้ำตา ขอคืนผ้าไหม 56 ผืน ทำหล่นหายระหว่างอพยพเหตุปะทะ

Thairath - ไทยรัฐออนไลน์

อัพเดต 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา
ภาพไฮไลต์

ยายวัย 70 ปี ชาวอำเภอพนมดงรัก เล่าทั้งน้ำตา ผ้าไหม 56 ผืน มูลค่าเกือบ 1 แสนบาท หล่นหายระหว่างอพยพ วอนคนเก็บไปส่งคืน บอกเป็นของมีค่าที่เก็บสะสมมา ด้านคุณตาเสียใจจนช็อก

วันที่ 11 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านศรีสวาย ต.จีกแดก อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ หลังรับแจ้งว่ามีคุณยายวัย 70 ปี ทำผ้าไหมที่เก็บไว้ในกระสอบปุ๋ย ซึ่งเป็นผ้าไหมที่เก็บสะสมมาทั้งชีวิต หล่นหายจากท้ายรถกระบะ เมื่อวันที่ 24 ก.ค. 2568 ระหว่างอพยพไปที่ศูนย์พักพิง โดยลูกสาวคุณยายได้โพสต์ตามหา แต่ยังไร้วี่แวว ทำให้คุณยายเสียใจมากกินไม่ได้นอนไม่หลับ ขณะที่คุณตา สามีของยาย เสียใจจนช็อกต้องนอนโรงพยาบาล เพราะผ้าไหมที่หายไปมูลค่าเกือบ 1 แสนบาท และเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดที่ทั้งคุณยายและคุณตามีอยู่

คุณยายเสมอ วงศ์รัมย์ อายุ 70 ปี เจ้าของผ้าไหม เล่าทั้งน้ำตาว่า ผ้าไหมทั้งหมด 56 ผืน ยายเป็นคนเก็บใส่กระสอบเอง โดยเก็บเตรียมไว้ตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุปะทะกัน แต่วันนั้นยายตกใจมาก พอได้ยินเสียงปืนใหญ่ปะทะกัน ลูกเขยกับลูกสาวก็เก็บข้าวของที่เตรียมไว้ขึ้นรถกระบะ รวมทั้งกระสอบผ้าไหมด้วย แต่เนื่องจากความตกใจและความเร่งรีบ ทำให้ลูกเขยไม่ได้ปิดฝาท้ายรถ เลยไม่รู้ว่ากระสอบผ้าไหมตกหายที่ไหน ซึ่งผ้าไหมทั้งหมดในกระสอบ 56 ผืน เป็นสิ่งมีค่าที่ยายเก็บสะสมมา มีทั้งผ้าไหมที่ทอเองและผ้าไหมที่ได้มาจากการไปช่วยงานแต่งพรรคพวก ญาติพี่น้อง มันมีค่าที่สุดในชีวิตยาย ตอนนี้ยายไม่เหลืออะไรแล้ว ก็อยากจะฝากถึงคนที่เก็บไป ให้เห็นใจยายด้วย มันเป็นสมบัติที่ยายเก็บสะสมมา ขอให้ส่งคืนยายเถอะ

ด้าน นายเจริญ วงศ์รัมย์ อายุ 69 ปี สามีคุณยาย เล่าว่า รู้สึกเสียใจและเสียดายมาก แม้ยายจะปลอบว่าอย่าเสียใจไปเลย มันหายไปแล้ว ทำใจเถอะ แต่ตาก็ทำใจไม่ได้ เสียใจจนช็อก ลูกหลานต้องหามส่งโรงพยาบาล ระหว่างอยู่ที่ศูนย์พักพิง ไปนอนรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลถึง 2 คืน ก็อยากจะฝากถึงคนเก็บได้ ก็ขอคืนเถอะ ทั้งตาทั้งยายเสียใจมาก หากนำมาคืน ตามีน้ำใจให้แน่นอน ยังไงก็ขอคืนด้วย

นายสุรัตน์ โกสา อายุ 43 ปี ลูกเขยของคุณยาย ซึ่งเป็นคนขับรถเล่าว่า วันนั้นเริ่มเหตุการณ์ปะทะกันวันแรก ทั้งเด็กทั้งคนแก่ก็ตกใจกลัว ร้องกันระงมทำให้ต้องรีบเร่งออกจากพื้นที่ รวมทั้งข้าวของก็เต็มรถไปหมด ทำให้ไม่ได้ปิดฝาท้ายรถ ก็ตั้งใจว่าจะวิ่งออกไปสักพักพอพ้นวิถีกระสุนก็จะจัดเรียงของใหม่แล้วค่อยปิดฝาท้าย พอวิ่งออกไปสักพักก็จอด เก็บของแล้วก็ปิดฝาท้ายรถ ตอนนั้นก็ยังไม่ได้สังเกตว่ามีอะไรตกหล่น แต่พอไปถึงศูนย์พักพิง เก็บของลงรถถึงได้รู้ว่ากระสอบผ้าไหมหายไป ทีแรกคิดว่าลืมเอาขึ้นรถ แต่พอวันหลังกลับมาดูที่บ้าน จึงได้รู้ว่ากระสอบผ้าไหมหายไปแล้วจริงๆ รู้สึกเสียดายและสงสารแม่มาก

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ยายวอนทั้งน้ำตา ขอคืนผ้าไหม 56 ผืน ทำหล่นหายระหว่างอพยพเหตุปะทะ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก Thairath - ไทยรัฐออนไลน์

ไวยาวัจกรวัดพระบาทน้ำพุ เผย "หลวงพ่ออลงกต" ไม่กังวลเพราะทำงาน 365 วันอยู่แล้ว

56 นาทีที่แล้ว

รพ.จุฬาภรณ์แนะคนเกิดก่อนปี 2535 ฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบบี ลดเสี่ยงมะเร็ง

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

วันจันทร์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ.2568

สำนักข่าวไทย Online

เขมร ซิ่งจยย.เสยท้ายชาวบ้าน เจ็บ 3

THE PATTAYA NEWS
วิดีโอ

WMO เตือน ‘คลื่นความร้อนสุดขั้ว’ กระทบผู้คนทั่วโลก

สวพ.FM91

นักตบลูกยางสาว กลับถึงไทย พร้อมลุยต่อศึกชิงแชมป์โลก 2025

สำนักข่าวไทย Online
วิดีโอ

ครูยืนยันดำเนินคดีนักเรียน ม.5 ทำร้ายร่างกาย

Thai PBS

อาจารย์รามคำแหง โชว์วิจัยท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์-ธรรมชาติเชิงบวก บนเวที GSTC2025 ที่ฟิจิ

สยามรัฐ

กรมอุตุฯ เปิดรายชื่อ 47 จังหวัด พรุ่งนี้ฝนถล่ม พื้นที่สีแดงเจอหนักสุด

มุมข่าว

ไข้ชิคุนกุนยา คืออะไร !? ระบาดหนัก 10 จังหวัดในไทย

INN News

ข่าวและบทความยอดนิยม

กองทัพเผยยอดเก็บกู้ “จรวด-ระเบิด-กระสุนปืนใหญ่” ที่กัมพูชาโจมตีไทย 408 รายการ

Thairath - ไทยรัฐออนไลน์

กลาโหมกัมพูชาแถลงโต้ ผบ.ทภ.2 กล่าวอ้างยึดปราสาทตาควาย ชี้เป็นการยั่วยุ-ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง

Thairath - ไทยรัฐออนไลน์

“จิรายุ” ย้ำ ไทยไม่รับเขตอำนาจศาลโลก เตรียมยื่นหลักฐานฟ้อง ICC เอาผิดกัมพูชา

Thairath - ไทยรัฐออนไลน์
ดูเพิ่ม
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...