โครงการดาวเทียมของจีนกำลัง “แข่งกันเอง” เพื่อแย่งชิงจรวดที่ไม่เพียงพอ
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 11 ส.ค. ว่าความพยายามในการเร่งติดตั้งกลุ่มดาวเทียม “กัวหวัง” จำนวน 13,000 ดวงภายใน 10 ปีของรัฐบาลจีน นำไปสู่การเข้มงวดทรัพยากรในการปล่อยดาวเทียมดวงอื่น ๆ จนส่งผลให้โครงการอีกมากมาย ต้องตกอยู่ในสภาวะที่ไม่แน่นอน
โครงการกลุ่มดาวเทียม 15,000 ดวง “เฉียนฟาน” ของเทศบาลนครเซี่ยงไฮ้ ไม่ได้ถูกปล่อยเพิ่มอีก นับตั้งแต่เดือน มี.ค. ที่ผ่านมา หลังเคยส่งขึ้นสู่วงโคจรไปแล้ว 90 ดวง ทางเลือกของเทศบาลคือการพึ่งพาบริษัทเอกชนอย่างเซี่ยงไฮ้ หยวนซิน แซทเทิลไลท์ เทคโนโลยี ด้วยการออกประมูลการปล่อยดาวเทียมครั้งที่ 2 ของปี เพื่อปล่อยจรวด 7 ลำ ที่บรรทุกดาวเทียม 94 ดวงขึ้นสู่วงโคจร
สัญญาดังกล่าวมีมูลค่า 1,400 ล้านหยวน (ราว 6,325 ล้านบาท) และมีกำหนดให้ต้องปล่อยดาวเทียมทั้งหมด ภายในเดือน มี.ค. 2569
การประมูลครั้งแรกของหยวนซินเมื่อเดือน ก.พ. ปีนี้ มีเป้าหมายที่จะปล่อยดาวเทียม 162 ดวงในการปล่อยจรวด 9 ครั้ง แต่เนื่องจากมีผู้ยื่นประมูลไม่ถึง 3 ราย กระบวนการดังกล่าวจึงต้องถูกยกเลิก
ขณะที่นักสังเกตการณ์อวกาศให้ความเห็นว่า ความแตกต่างระหว่างภารกิจปล่อยจรวดของกัวหวังและเฉียนฟาน ชี้ให้เห็นถึง “ปัญหาคอขวด” ในการปล่อยจรวดของจีน
อุปสรรคดังกล่าวคือการขาดแคลนจรวด “ที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่” ซึ่งแตกต่างจากจรวดฟอลคอน 9 ของสเปซเอ็กซ์ ที่สามารถปล่อยดาวเทียมได้ถึง 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ ขณะที่จีนยังคงพึ่งพาจรวดแบบใช้แล้วทิ้ง ที่มีความจุต่ำกว่า และรอบการทำงานช้ากว่า
ผู้เชี่ยวชาญเตือนอีกว่า หากจีนยังไม่มีระบบนำจรวดกลับมาใช้ใหม่ได้ ข้อจำกัดในการเข้าถึงจรวดในประเทศจะยังคงดำเนินต่อไป และโครงการดาวเทียมจำนวนมากจะยังคงต้องแข่งขันกันเองเพื่อ “แย่งชิง” โอกาสในการปล่อยจรวด.
เครดิตภาพ : AFP