อย่าเก็บ 4 สิ่งนี้ใน "ตู้เย็น" เพราะอาจกลายเป็นต้นตอมะเร็ง ยิ่งเก็บนาน ยิ่งอันตราย!
อย่าเก็บ 4 สิ่งนี้ในตู้เย็นนานเกินไป เพราะอาจกลายเป็นต้นเหตุของมะเร็ง ยิ่งเก็บนาน ยิ่งอันตราย!
ตู้เย็นเป็นอุปกรณ์ที่ดีมาก แต่ไม่ได้ปลอดภัยอย่างที่คุณคิด
หลายคนคิดว่าแค่ใส่ทุกอย่างลงตู้เย็นก็จะ “แช่แข็งความเสี่ยง” ได้ใช่ไหม? ความจริงไม่ใช่แบบนั้น เพราะบางอาหารที่คุณคิดว่าปลอดภัย กลับกลายเป็นแหล่งสะสมของสารก่อมะเร็งได้หากเก็บไว้นานเกินไป
และนี่คือ 4 ประเภทอาหารเหล่านี้ไม่ควรเก็บในตู้เย็นนาน เพราะยิ่งเก็บนานก็ยิ่งอันตราย บางอย่างอาจเพิ่มความเสี่ยงโรคมะเร็งด้วย
1. ผักใบปรุงสุกที่เก็บในตู้เย็นข้ามคืน
หลายคนมักประหยัดโดยการทำผักจานใหญ่แล้วเก็บไว้ อุ่นกินในวันถัดไป แม้จะดูประหยัด แต่แท้จริงอาจทำให้ร่างกายได้รับสารไนไตรต์
ตามคำกล่าวของแพทย์โภชนาการ ไนไตรต์เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของไนเตรตในผักผลไม้ระหว่างเก็บรักษา ไนไตรต์เองไม่เป็นอันตราย แต่เมื่อรวมกับโปรตีนในร่างกาย จะกลายเป็นไนโตรซามีน
องค์การอนามัยโลกจัดให้ไนโตรซามีนเป็นสารก่อมะเร็งชนิด 2A ซึ่งก่อมะเร็งในสัตว์และสงสัยว่าก่อมะเร็งในมนุษย์ด้วย
โดยเฉพาะผักใบที่มีไนเตรตสูง เช่น ผักโขม เซเลอรี และผักบุ้ง ปริมาณไนไตรต์จะเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเก็บในตู้เย็นนาน งานวิจัยพบว่าไนไตรต์ในผักโขมสามารถเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าหลังจากเก็บในตู้เย็นข้ามคืน 24 ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม การอุ่นซ้ำในช่วงเวลานี้จะช่วยคงระดับไนไตรต์ให้อยู่ในระดับที่เสถียรได้
อย่าปลอบใจตัวเองด้วยคำพูดว่า "ครอบครัวฉันกินเมนูนี้มานานแล้วก็ไม่เคยมีปัญหา" เพราะมะเร็งไม่ใช่โรคที่เกิดขึ้นทันที แต่มันสะสมในร่างกายอย่างเงียบ ๆ นานเป็นสิบปี
คำแนะนำคือ ให้ปรุงอาหารในปริมาณพอดี และพยายามปรุงผักใบให้สุกใหม่ก่อนรับประทาน หากมีอาหารเหลือ ควรเก็บไม่เกิน 24 ชั่วโมง และหลีกเลี่ยงการอุ่นซ้ำเกิน 3 ครั้ง เพราะจะทำลายคุณค่าทางโภชนาการจนเกือบหมด
2. เนื้อแปรรูปที่กินแล้วนำกลับไปเก็บในตู้เย็น
คุณมักจะมีแฮม ไก่ต้ม หรือเนื้อสัตว์แปรรูปอื่นๆ ในตู้เย็นใช่ไหม? หลายคนซื้อเพราะสะดวกและเก็บไว้กินทีละน้อย แต่เนื้อแปรรูปเหล่านี้แม้ดูเหมือนปลอดภัย กลับเป็น “ฆาตกรเงียบ” ที่อันตรายจริง ๆ
มีงานวิจัยชัดเจนว่าการบริโภคเนื้อแปรรูปและเนื้อแดงเพิ่มความเสี่ยงโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ปี 2015 องค์การอนามัยโลกจึงจัดให้เนื้อแปรรูปเป็นสารก่อมะเร็งกลุ่ม 1 ระดับเดียวกับบุหรี่และแอลกอฮอล์
การแช่เย็นและอุ่นซ้ำบ่อย ๆ เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดสารอะมินไฮโดรคาร์บอนและไฮโดรคาร์บอนอะโรมาติกหลายวง ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับมะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งตับอ่อน และมะเร็งลำไส้ใหญ่
นอกจากนี้ ไนไตรต์กับโปรตีนยังทำปฏิกิริยากันอย่างเงียบ ๆ ในระหว่างการอุ่นซ้ำ คุณอาจคิดว่าแค่อุ่น แต่จริง ๆ คือ “การสะสมสารพิษ”
คำแนะนำคือ อย่าเก็บเนื้อปรุงสุกไว้นาน ควรกินให้หมดภายใน 3 วันหลังเปิดแพ็ค และหลีกเลี่ยงการอุ่นซ้ำ หากไม่สามารถกินหมดในครั้งเดียว ควรแบ่งส่วนแล้วแช่แข็ง อย่าเอาออกจากตู้เย็นแล้วเก็บกลับเข้าไปอีกครั้ง
3. ข้าวสุกเก็บในตู้เย็นเกิน 24 ชั่วโมง
คุณอาจไม่รู้ว่าข้าวสวยก็อาจกลายเป็น “รังเชื้อแบคทีเรีย” ได้ โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อนที่ร้อนชื้น แบคทีเรีย Bacillus cereus จะเจริญเติบโตได้ดี แบคทีเรียชนิดนี้ทนความร้อนและความเย็นได้สูง พบได้ทั่วไปในอากาศ เมล็ดข้าว และสภาพแวดล้อมในครัว
คุณอาจคิดว่าการหุงข้าวแล้วเก็บเข้าตู้เย็นปลอดภัย แต่ความจริงมันเป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะกับการเจริญเติบโตของแบคทีเรียนี้อย่างบังเอิญ
งานวิจัยพบว่าข้าวที่เก็บในตู้เย็นนานเกิน 24 ชั่วโมงจะมีสารพิษจาก Bacillus cereus สูง ซึ่งสามารถทำให้ระบบทางเดินอาหารระคายเคืองอย่างรุนแรง ตั้งแต่ท้องเสีย อาเจียน ไข้สูง สูญเสียน้ำ และอาจถึงขั้นช็อกจากพิษได้
แบคทีเรียชนิดนี้ทนความร้อนได้ และไม่ตายแม้ถูกความร้อนถึง 100°C เวลาคุณอุ่นข้าวในวันถัดไป แค่ทำให้ “ซากแบคทีเรีย” ร้อนขึ้น แต่สารพิษยังคงอยู่และอาจทำให้เกิดอาการขาดน้ำได้
คำแนะนำคือ ควรหุงข้าวใหม่เมื่อใกล้เวลารับประทาน และไม่เก็บอาหารเหลือเกิน 24 ชั่วโมง หากมีอาหารเหลือมาก ควรแช่แข็งทันที แทนที่จะเก็บในตู้เย็นธรรมดา
4. น้ำผลไม้คั้นสดและผลไม้ปอกเก็บในตู้เย็นข้ามคืน
เริ่มจากน้ำผลไม้คั้นสด กระบวนการคั้นทำลายเนื้อผลไม้ ทำให้มีน้ำตาลปล่อยออกมาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับทำให้สารต้านอนุมูลอิสระในผลไม้ถูกออกซิไดซ์อย่างรวดเร็ว วิตามินซีและฟลาโวนอยด์ ซึ่งเป็นสารที่มีประโยชน์ตามธรรมชาติ จะเสื่อมสลายอย่างรวดเร็วเมื่อสัมผัสกับอากาศและแสง
ยิ่งกว่านั้น หากเก็บน้ำผลไม้คั้นไว้นานเกินไป โดยเฉพาะเกิน 12 ชั่วโมงในตู้เย็น น้ำผลไม้จะกลายเป็นแหล่งเหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและเชื้อรา แม้คุณอาจไม่เห็นหรือไม่ได้กลิ่น แต่จุลินทรีย์เหล่านี้ยังคงเติบโตอยู่ในนั้น
โดยเฉพาะน้ำผลไม้คั้นสดที่ไม่มีสารกันเสีย จะเสี่ยงต่อการเจริญเติบโตของเชื้อรา Aspergillus ซึ่งบางชนิดสามารถผลิตสารอะฟลาทอกซิน สารก่อมะเร็งตามธรรมชาติที่มีความเป็นพิษสูงและเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงโรคมะเร็งตับ
คำแนะนำคือ ควรดื่มน้ำผลไม้ทันทีหลังคั้น หลีกเลี่ยงการเก็บข้ามคืน และควรกินผลไม้ที่ปอกแล้วให้เร็วที่สุด อย่าเพียงแค่ห่อด้วยพลาสติกแล้วเก็บในตู้เย็นเพราะความสะดวกเท่านั้น
ตู้เย็นไม่ใช่อุปกรณ์ “หยุดเวลา”
หลายคนเชื่อมั่นเกินไปว่าการแช่เย็นจะทำให้ของสดไม่เสีย แต่จริงๆ แล้ว ตู้เย็นเพียงช่วยชะลอการเน่าเสียเท่านั้น ไม่ใช่การฆ่าเชื้อหรือกำจัดสารพิษ และไม่สามารถเก็บอาหารได้นานอย่างไม่จำกัด
ช่องแช่เย็นมักอยู่ที่ประมาณ 4°C ซึ่งไม่สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้ เพียงแต่ชะลอการเจริญเติบโตของมันเท่านั้น แม้ในอุณหภูมิต่ำ แบคทีเรียบางชนิดก็ยังเติบโตช้าได้ และสารพิษบางชนิดยังทนความเย็นได้ดี อาหารที่ดูไม่เปลี่ยนสีหรือกลิ่นไม่ได้หมายความว่ายังปลอดภัย
ตู้เย็นเพียงเลื่อนเวลาให้ของสดเสียช้าลงเท่านั้น อย่าให้ความคิด “ประหยัดนิดหน่อย” กลายเป็น “สูญเสียชีวิต” อย่าพึ่งพาตู้เย็นเกินไป และอย่าปล่อยให้สุขภาพเป็นเรื่องของโชคชะตา!