Superman เปิดตัวกอบกู้ศรัทธา DC ทำรายได้ทั่วโลกทะลุ 7 พันล้านบาท กดปุ่มรีเซ็ตจักรวาลหนังอย่างสมศักดิ์ศรี แม้รายได้ในจีนไม่เปรี้ยงอย่างที่คิด
Superman ผลงานจากวิสัยทัศน์ใหม่ของ James Gunn ได้เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่สมการรอคอย โดยทำรายได้จากการขายตั๋วในสหรัฐอเมริกาและแคนาดาในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาไปถึง 122 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3.956 พันล้านบาท) นับเป็นการเปิดศักราชใหม่ให้กับ DC Studios ที่กำลังพยายาม ‘กอบกู้ศรัทธา’ จากแฟนๆ ทั่วโลก
DC และ Warner Bros. ต่างคาดหวังกับ Superman ไว้สูงมาก หลังจากที่ภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่เรื่องก่อนหน้าอย่าง Joker: Folie à Deux, The Flash และ Shazam! Fury of the Gods ต่างประสบความล้มเหลวบนตารางบ็อกซ์ออฟฟิศ
แต่ Superman ซึ่งเขียนบทและกำกับโดย James Gunn ถือเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกภายใต้การนำทัพอย่างเต็มตัวของ Gunn และ Peter Safran สองหัวเรือใหญ่แห่ง DC Studios ที่มีเป้าหมายในการ ‘กดปุ่มรีเซ็ต’ และวางรากฐานใหม่ให้กับจักรวาลภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ของค่าย
การเปิดตัวด้วยรายได้ระดับนี้ถือว่าสูงเป็นอันดับสามของปี 2025 และเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของ DC ที่ทำรายได้เปิดตัวเกิน 100 ล้านดอลลาร์นับตั้งแต่ Wonder Woman ในปี 2017
“นี่เป็นชัยชนะที่สวยงามสำหรับ DC Studios” Jeffrey Goldstein หัวหน้าฝ่ายจัดจำหน่ายของ Warner Bros. กล่าว “เราจำเป็นต้องได้รับความไว้วางใจจากฐานแฟนคลับกลับคืนมา และพวกเขาก็ชัดเจนกับเราว่าเราต้องถอยกลับมาหนึ่งก้าวและสร้างตัวเองขึ้นมาใหม่”
ในด้านตัวเลข Superman ทำรายได้เปิดตัวในตลาดต่างประเทศ 78 แห่งไปอีก 95 ล้านดอลลาร์ (ราว 3.08 พันล้านบาท) ทำให้รายได้รวมทั่วโลกในช่วงเปิดตัวอยู่ที่ 217 ล้านดอลลาร์ (ราว 7.037 พันล้านบาท)
แม้ตัวเลขในต่างประเทศจะดูไม่ร้อนแรงเท่าในบ้าน โดยเฉพาะในจีนที่ทำรายได้ไปเพียง 6.6 ล้านดอลลาร์ (ราว 214 ล้านบาท) ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าอาจเป็นเพราะภาพลักษณ์ของ Superman ที่เป็นเหมือน ‘สัญลักษณ์ของอเมริกา’ อย่างชัดเจน
เมื่อเทียบกับภาพยนตร์ในจักรวาลเดียวกัน Superman เปิดตัวได้สูงกว่า Man of Steel (2013) ที่ทำไว้ 116 ล้านดอลลาร์ แต่ยังไม่สามารถทำลายสถิติของ Batman v Superman: Dawn of Justice (2016) ที่เปิดตัวไว้สูงถึง 166 ล้านดอลลาร์ได้
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่แตกต่างอย่างชัดเจนคือเสียงตอบรับจากนักวิจารณ์ โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับคะแนนจาก Rotten Tomatoes สูงถึง 82% และได้เกรด A- จากผู้ชมใน CinemaScore ซึ่งถือว่าดีที่สุดนับตั้งแต่ยุคของ Christopher Reeve
ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังต้องเผชิญกับการแข่งขันที่แข็งแกร่ง โดย Jurassic World Rebirth แชมป์เก่าจากสัปดาห์ที่แล้ว ตกลงมาอยู่อันดับสองด้วยรายได้ 40 ล้านดอลลาร์ (ราว 1.3 พันล้านบาท) ขณะที่ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์อย่าง F1 จาก Apple Studios ตามมาเป็นอันดับสามด้วยรายได้ 13 ล้านดอลลาร์ (ราว 421 ล้านบาท) ในสัปดาห์ที่สามของการเข้าฉาย
หมายเหตุ : ใช้อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ 32.43 บาท ณ วันที่ 15 กรกฎาคม 2568
ภาพ: rblfmr / Shutterstock
อ้างอิง: