‘หมอตุลย์-หมอวรงค์’ ตั้งข้อสงสัย ‘คดีทักษิณ-ชั้น 14’ ลัดขั้นตอนถวายฎีกาหรือไม่?
เมื่อวันที่ 30 ก.ค. ที่ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ อาจารย์ประจำคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พร้อมด้วย นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี กล่าวก่อนเข้าฟังการไต่สวนกรณี การพักรักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยในวันนี้ถือเป็นนัดที่ 7 ซึ่งฝ่ายจำเลยได้เสนอ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี มาเป็นพยาน
นพ.ตุลย์ เปิดเผยว่า มีข้อสังเกตว่านายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในปีนั้น ได้ลาออกจากตำแหน่งวันที่ 17 มี.ค. 66 ก่อนที่นายวิษณุ ต้องมาทำหน้าที่รักษาการ 5 เดือน ตนสังเกตว่า นายวิษณุ เป็นหนึ่งในขบวนการช่วยเหลือ นายทักษิณให้ออกจากเรือนจำมาอยู่โรงพยาบาลตำรวจชั้น 14 หรือไม่ นอกจากกระบวนการต่างๆ ที่เกิดขึ้นในกระบวนการยุติธรรม 5 เดือน ก่อนวันที่ 22 ส.ค. 66
จุดที่สำคัญที่สุดคือ ขั้นตอนการถวายฎีกา ตามปกติจะถวายส่วนบุคคลจากผู้ต้องขัง จะต้องผ่านผู้บัญชาการเรือนจำ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม และถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม วันที่ 31 ส.ค. 66 ใช้เวลาเพียง 9 วัน ในราชโองการอภัยโทษมีคำว่าได้รับโทษมาแล้ว 10 วัน แสดงว่ามีการถวายฎีกาตั้งแต่วันที่ 22 ส.ค. 66 นายทักษิณยังไม่ป่วย ยังอยู่ในเรือนจำ นี่คือการลัดขั้นตอนผ่านใครบ้าง ปกติต้องผ่านเลขาฯ ครม. ถึงสำนักพระราชวัง และผ่านการกลั่นกรององคมนตรี ขั้นตอนสำคัญในการขออภัยโทษ ผู้ต้องขังมีความสำนึกผิดหรือยัง
“ทุกคนเป็นพยานให้กับตนว่าหลังจาก นายทักษิณออกจากเรือนจำ ได้มีการปราศรัยหลายครั้ง ไม่แสดงในสำนึกในความผิดที่ก่อ ทูลเท็จต่อองค์พระมหากษัตริย์ มีการลัดขั้นตอน และคนอายุ 70 ปี ป่วยในเรือนจำมีมากมาย ทำไม นายวิษณุ ต้องเจาะจงทำให้คนนี้คนเดียว ถือว่าเป็นการเลือกปฏิบัติหรือไม่ กสม. จะสอบอยู่ ตนขอตั้งคำถามไปถึง นายวิษณุ วันนี้จะมาให้การช่วยพยานในฐานะอะไร ได้ลัดขั้นตอนถวายฎีกาช่วย นายทักษิณหรือไม่”
ด้านหมอวรงค์ กล่าวว่า ทนายฝ่ายจำเลยมีข้อกังวลใจประเด็นหนึ่ง นายทักษิณได้เข้าสู่กระบวนการติดคุกจริงหรือไม่ จากการไต่สวนตั้งแต่ขั้นแรก มีการถามผู้บัญชาการเรือนจำ แต่ศาลจะวินิจฉัยเอง การนำ นายวิษณุ มาวันนี้ มาชี้ให้เห็นว่า นายทักษิณ เดินในคุกแล้ว นี่คือข้อกังวลใจของทนายฝ่ายจำเลย ตนฟังคำแถลงของ นายวิษณุ ไม่คิดว่าจะอยู่โรงพยาบาลนาน “นายวิษณุ พยายามตีกรรเชียงหนีออกจากกระบวนการ”
หากฟังการไต่สวนทั้งหมดตั้งแต่เริ่มต้น ถึงวันที่ 25 กรกฎาคม 68 ทั้งหมด 6 รอบ เขามีกระบวนการอย่างไรในการช่วยเหลือนักโทษรายนี้ ตั้งแต่อ้างว่าป่วยหนักไปอยู่โรงพยาบาล แต่คำสัมภาษณ์ของ นายวิษณุ ทำให้เข้าใจว่าจะอยู่โรงพยาบาลไม่กี่วัน "นายวิษณุ ดวงตาอาจจะเห็นธรรมแล้ว จะตีกรรเชียงหนี แต่ทุกอย่างก็ต้องฟังศาลในวันนี้"
นพ.ตุลย์ ระบุอีกว่า นายวิษณุ บอกว่าได้รับรายงานเที่ยงคืน วันที่ 22 ส.ค. 66 นักโทษคนหนึ่งเพิ่งเจ็บป่วยแม้จะเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี ต้องรายงานในขณะนั้นหรือไม่ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลตำรวจยังได้รับรายงานตอนเช้า ผบ.เรือนจำ ต้องแจ้งอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และปลัดกระทรวง ส่งถึงรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม ใครที่โทรฯ ไปรายงานถึงบ้าน ดูพิรุธกระบวนการถวายฎีกาตั้งแต่วันที่ 22 ส.ค. 66 นี่คือพิรุธอย่างยิ่ง เขาลืมตัวไป และรู้ด้วยว่า นายทักษิณป่วยตั้งแต่เที่ยงคืน เข้าโรงพยาบาลตำรวจ ที่ผ่านมาตนเชื่อว่าองค์คณะศาลฎีกาได้รับข้อมูลมากเพียงพอที่จะตัดสินว่า นายทักษิณได้รับการลงโทษตามหมายขังครบถ้วนหรือไม่ คาดว่าถวายฎีกาแต่ตั้งแต่วันที่ 23 ส.ค. 66 และไม่ถือว่าได้รับการบริหารโทษแม้แต่วันเดียว
เมื่อถามว่า มองอย่างไรหลักฐานทั้งหมดที่เป็นเรื่องใหญ่ที่สุดและชัดที่สุด หมอวรงค์ เผยว่า คดีนี้เป้าหมายคือ การบังคับคดีเป็นไปตามเป้าหมายหรือไม่ นายทักษิณติดคุกหรือไม่ แม้จะเจ็บป่วย แต่ศาลพยายามดูว่าป่วยหนักป่วยวิกฤติหรือป่วยฉุกเฉินจึงหรือไม่ และศาลดูต่อเนื่องว่านอนโรงพยาบาล 180 วัน สมผลหรือไม่ มีการผ่าตัดแทรกในระยะเวลา ศาลเห็นว่าจำเป็นต้องนอนต่อเนื่องหรือไม่ เหตุผลในการไปโรงพยาบาล หากทำแบบผิวเผินก็พอฟังได้ แต่สงสัยทำไมไม่ส่งไปโรงพยาบาลราชทัณฑ์ คำตอบย้อนแย้ง และเหตุผลนอนต่อเนื่อง เป็นชาวบ้านทั่วไปก็กลับไปนอนที่บ้านได้ เพราะการผ่าตัดไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล.