‘ณเดชน์’ ชี้ข้อดีใช้ดาราพากย์เสียง เตือนชาวเน็ตติงอย่างมีสติ อย่าคิดลบจนเป็นนิสัย
เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่มักจะถูกหยิบยกมาถกเถียงกันในวงการบันเทิง สำหรับการที่นักแสดงมากฝีมือมารับหน้าที่พากย์เสียง ซึ่งมักจะมีทั้งกระแสชื่นชมและกระแสวิพากษ์วิจารณ์อยู่เสมอ เช่นเดียวกันกับพระเอกเบอร์ต้นของวงการอย่าง ณเดชน์ คูกิมิยะ ที่ได้รับหน้าที่พากย์เสียงหนึ่งในตัวละครของภาพยนตร์ "Jurassic World Rebirth" จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์พูดถึงกันอย่างมากมาย
ล่าสุดในงาน ใจขังเจ้า Fin meeting ณเดชน์ได้ออกมาเปิดใจถึงเรื่องนี้ พร้อมทั้งให้ข้อคิดในมุมมองของตัวเอง โดย ณเดชน์ เผยว่า
“ผมว่าเป็นโอกาสที่ดีที่นักแสดงได้มีบทบาทในการทำงานพากย์เสียง เป็นประสบการณ์และศาสตร์ใหม่ๆ ที่เราได้เรียนรู้ ถึงแม้ว่าจะมีดราม่าอะไรก็ตาม แต่ผมเชื่อว่าอย่าหยุด เราคือคนบันเทิงด้วยกัน เพราะฉะนั้นการให้โอกาสพื้นที่ในการทำงานด้วยกันโดยที่คนอื่นไม่ได้เดือดร้อน อันนี้เป็นสิ่งที่ควรจะให้โอกาส ได้ทดลองทำและมีประสบการณ์ใหม่ๆ ในชีวิต ผมว่ามันไม่ได้มีอะไรที่เสียหายกับการได้มีโอกาสได้ทำ”
“การแสดงด้วยน้ำเสียง หรือน้ำเสียงที่เราใช้ แม้กระทั่งตัวละคร เราสามารถที่จะดีไซน์เสียงให้แตกต่างกันได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นในเรื่องของวอยซ์ โปรเจกต์ การใช้ช่องเสียงมันเป็นศาสตร์หนึ่งที่เราในฐานะนักแสดง สามารถที่จะเรียนรู้ได้เหมือนกัน และยิ่งเราได้มาทำงานพากย์ เรายิ่งได้รู้วิธีการพูดการใช้เสียง เพราะฉะนั้นมันก็จะเป็นไอเท็มที่มากๆ ที่เราจะใช้ในการปรับการแสดงได้”
ณเดชน์ เผยต่อว่า“สมมุติว่าถ้าผมพากย์จูราสสิคเป็นเรื่องแรก ผมว่าผมก็คงไม่รอดเหมือนกัน ซึ่งเราก็มีวอยซ์ไดเรกเตอร์ นักพากย์เองก็ยังต้องมีคนคุมเสียงเช่นเดียวกัน ก็จะมีไดเรกเตอร์ที่คอยกำกับควบคุมโทนเสียง บุคคลเหล่านี้ช่วยให้เราก้าวข้ามผ่านไปได้ ถามว่ากดดันไหมในฐานะที่เราเป็นนักแสดง แล้วต้องมาพากย์เสียงซึ่งเป็นงานที่ไม่ถนัด ผมว่าได้เปรียบนะครับ ถ้าเราเป็นนักแสดงแล้วเรามีโอกาสได้พากย์เสียง ถึงแม้ว่าเสียงอาจจะไม่ได้มีเสน่ห์หรือลักษณะที่คล้ายกับนักพากย์ แต่ผมเชื่อว่าอารมณ์ลึกๆ แล้ว นักแสดงเข้าใจอารมณ์ของตัวละคร มันก็จะมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน ไม่ใช่ว่าพี่ๆ นักพากย์ไม่ได้เข้าใจเรื่องของอารมณ์ พี่ๆ เขามืออาชีพอยู่แล้ว แต่ผมว่าวิธีการทำน้ำเสียงอย่างนี้ จะเป็นอารมณ์ประมาณไหน ผมว่ารสชาติใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นจากการพากย์เสียงของนักแสดงมันเป็นอีกรสชาติหนึ่ง เรื่องของอินเนอร์ก็มีส่วน แต่ผมว่าการพากย์เสียงมันเป็นศาสตร์ของมันอยู่แล้ว มันไม่ใช่เรื่องง่ายหรอกครับ เรารับงานใหม่ๆ มันก็มีความท้าทายความกดดันอยู่แล้ว”
ณเดชน์ พูดอีกว่า “สำหรับคำวิจารณ์ของผมก็คงมี แต่ผมคงไม่ได้ยิน (หัวเราะ) เป็นกำลังใจให้ทุกคนครับ เวลาโดนกระแสสังคมวิพากษ์วิจารณ์มันไม่มีใครไม่เครียดหรอกครับ ไม่ว่าใครก็ตามแม้กระทั่งคนธรรมดาที่โดนคนในโซเชียลมีเดียด่าหรือวิพากษ์วิจารณ์ เขาก็เก็บมาคิดมาเครียดเหมือนกัน เพราะฉะนั้นเราอาจจะต้องมองในมุมของคนที่เป็นคนด้วยกัน ว่าการที่เราไปพูดหรือใส่ร้ายอะไรให้มันเกินความเป็นจริงโดยที่เราไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง มันก็เป็นสิ่งที่เราไม่ควร เพราะฉะนั้นการที่เราไปวิพากษ์วิจารณ์ที่ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องงาน ผมว่าเป็นสิ่งที่เราต้องคำนึง เพราะไม่งั้นมันจะติดเป็นนิสัย พอติดเป็นนิสัย เราก็จะรู้สึกว่ามัน คันไม้คันมือและขอที่จะได้พูด ซึ่งจริงๆ แล้วเราต้องกลับมาดูตัวเองว่าทำไมเราถึงวิพากษ์วิจารณ์อะไรที่มันเกินขอบเขต อันนี้ต้องระวัง เพราะมันจะติดตัวไปจนแก่ แล้วมันเป็นพลังลบ มันจะทำให้เราจมอยู่กับห้วงความรู้สึก แล้วเมื่อไหร่ที่มันไม่มี ก็จะกระหายและก็อาจจะกลายเป็นคนที่มองคนในแง่ร้ายหรือว่าอยากเป็นคนที่จะสบถกับความรู้สึกลึกๆ ของตัวเองครับ”
ขอบคุณภาพจาก : kugimiyas