ปริศนาระเบิด PMN 2 เขมรบึ้ม 3 ทหารไทย Vs “รัฐบาลเฉย” ?
เหตุการณ์ 3 ทหารไทยลาดตะเวน ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบ “ทุ่นระเบิดสังหารPNN2” ของเขมร ตามที่มีการระบุเบื้องต้น บริเวณฐานมรกต ช่องบก เมื่อวานซืน (16ก.ค.)ที่ยังถกเถียงกันอยู่ว่าเป็น “ระเบิดใหม่” หรือ “ระเบิดเก่า” ที่ถือเป็นประเด็นสำคัญอีกครั้ง ที่ต้องการการตัดสินใจ สั่งการดำเนินการจาก “รัฐบาลอิ๊งค์2” แม้จะ อยู่ในจังหวะไร้ผู้นำประเทศตัวจริง
“นายกอิ๊งค์ แพทองธาร ชินวัตร” ที่วันนี้ (18ก.ค.)จูงมือ “บิ๊กเล็ก-ณัฐพล นาคพาณิชย์”รมช.กลาโหม” ไปเยี่ยมอาการบาดเจ็บของ “3 พลทหาร”ในนาม รมว.วัฒนธรรม ที่ได้รับมอบหมายจาก ครม. เพราะ เจ้าตัวอยู่ระหว่างถูกศาลรัฐธรรมนูญ สั่ง พักงานจากคดีคลิปเสียงฮุนเซน แถม “ครม.อิ๊งค์2” ที่เพิ่งปรับใหม่แบบการเมืองล้วนๆ เพื่อเตะ “พรรคภูมิใจไทย” ออกไป และแบ่งเก้าอี้ พรรคร่วมแต่ไร้ซึ่งรมว.กลาโหม มีเพียง “บิ๊กเล็ก-ณัฐพล นาคพาณิชย์” รมช.กลาโหม มาทำหน้าที่คุมเหล่าทัพแบบคั่นเวลารอ ไม่นับรวม รมว.ต่างประเทศ “มาริษ เสงี่ยมพงษ์” ที่ถูกวิจารณ์บทบาทต่อ ศึกใกล้และศึกไกล อย่าง “ศึกเขมร” และ “ศึกภาษีทรัมป์” มาตลอด
โดยเหตุการณ์ ทุ่นระเบิดสังหาร PMN2 ที่ถูกวางของเขมรจนมีทหารไทย3นายได้รับบาดเจ็บ เกิดขึ้นในจังหวะก่อนหน้านี้มีความพยายามยั่วยุจากฝั่งเขมรทุกรูปแบบกับทหารไทยที่ดูแล 3 ปราสาท เช่นเหตุการณ์ “สาวเขมร”ชี้หน้าด่าทหารไทยที่ปราสาทตาเมือนธม ที่ต่อมาทราบว่า เป็นหลานอดีตผู้นำคนหนึ่งของเขมร โดยเหตุการณ์นี้นอกจากการวิเคราะห์ความสำคัญที่ไทย
จะใช้ปม “ระเบิด PMN2”ที่ถือเป็น “ระเบิดใหม่”ที่ถูกนำมาวางกับดักในพื้นที่ปัญหา ไม่ใช่ตกค้างจากสมัย “เขมรแดง”
แล้วยัง มีประเด็นความกังวล ถึงความพยายามทำให้ “กำลังพล” กองทัพภาคที่2 ภายใต้การนำของ “แม่ทัพกุ้ง พลโท บุญสิน พาดกลาง” แม่ทัพภาคที่ 2 ที่เฝ้าตามจุดอันตรายรวมถึง บรรดา“คนไทย” อาจเกิดอาการ“หมดความอดทน”กับการยั่วยุ เกิดการกระทบทั่งรุนแรงมากขึ้น อันจะนำสู่ทิศทางที่เขมรต้องการแม้กองทัพ ฝ่ายความมั่นคงไทยพยายามดึง เขมร เข้าสู่การพูดคุยบนโต๊ะเจรจา GBC ซึ่งเป็น ระดับทวิภาคีปลายเดือนส.ค.68 ที่เขมรยังปฏิเสธ
อย่างที่วันนี้ “ม็อบคปท.– ศปปส. – กองทัพธรรม มีการเดินเท้าชุมนุมหน้ากระทรวงต่างประเทศ ยื่นหนังสือเรียกร้องให้ไทยประท้วงเขมรเรื่องนี้ โดย ตั้งข้อสังเกตถึงการทำงานของกระทรวต่างประเทศและรัฐบาล โดยแสดงความไม่พอใจขั้นตอนที่ล่าช้าในสอบข้อเท็จจริงระเบิดใหม่หรือเก่า การดำเนินการของ “รักษานายกอ้วน”ที่ถูกมองว่านิ่งเฉย รวมถึงเรียกร้องให้ กต. เรียกเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย ประท้วง ต่อเขมร
เช่นเดียวกับ “สมชาย แสวงการ” อดีตสว.ที่โพสFB ว่า รัฐบาลไทยอย่าเพิกเฉย กับการวางกับระเบิดของกัมพูชา หากเป็นการวางใหม่ นั่นก็เท่ากับว่ากัมพูชาละเมิดอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งทางการไทยควรเก็บหลักฐานและดำเนินการทางการทูต ไม่ปล่อยไปเฉย ๆ ทั้งนี้ ในระดับนานาชาตินั้นมีอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล หรือสนธิสัญญาออตตาวา (Ottawa Treaty) ที่ไทยให้สัตยาบันต่ออนุสัญญานี้เมื่อปี 1998
สิ่งที่น่าสนใจก็คือ กัมพูชาก็เป็นภาคีของอนุสัญญานี้ และให้สัตยาบันตั้งแต่ปี 1999 เช่นกัน ดังนั้นถ้ากัมพูชาใช้กับระเบิด สิ่งที่กองทัพไทยควรทำก็คือเก็บหลักฐานทั้งภาพถ่าย ตำแหน่งที่พบ รวมถึงเก็บกู้กับระเบิดเหล่านั้นและเก็บไว้เป็นหลักฐานเพื่อดำเนินการทางการทูตต่อไป เพราะแม้ว่าการละเมิดสนธิสัญญาออตตาวาจะไม่ต้องขึ้นศาลโลก หรือไม่ถูกบังคับด้วยกฎหมายระหว่างประเทศอื่น ๆ แต่สามารถนำไปใช้เพื่อผลในการกดดันทางการทูตได้
ซึ่งปกติแล้วชาติภาคีของสนธิสัญญาออตตาวา จะมีการจัดประชุมขึ้นทุกปี โดยในปีนี้จะจัดขึ้น ที่เจนิวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ หากไทยสามารถแสดงหลักฐานต่าง ๆ ว่ากัมพูชาละเมิดสนธิสัญญานี้ในการประชุม ก็จะสามารถนำไปดำเนินการทางการทูต ตามที่เห็นสมควรต่อได้ อย่างน้อยที่สุดคือการทำให้ที่ประชุม ระบุว่ากัมพูชาเป็นประเทศที่ละเมิดสนธิสัญญาออตตาวา
ขณะที่ “พล.อ.ณัฐพล” กล่าวว่า อยู่ระหว่างการตรวจสอบในฐานะผอ.ศบ.ทก. ไม่สามารถพูดตามความเชื่อได้ ต้องดูตามพยานหลักฐาน แต่ยอมรับว่าในพื้นที่ปัจจุบันยังมีระเบิดเก่าอยู่ แต่หากพิสูจน์ได้ว่าเป็นระเบิดใหม่ ยืนยันว่าจะไม่หยุดนิ่ง เพราะทั้ง 2 ประเทศอยู่ในอนุสัญญาออตตาวา หากเป็นระเบิดใหม่ก็จะถือว่าผิดอนุสัญญาดังกล่าว ให้เวลาการตรวจสอบเบื้องต้น 2-3 วัน
เพราะเข้าใจว่าทุกคนอยากทราบข้อเท็จจริง ซึ่งตนได้เร่งเรื่องการตรวจสอบขอให้ทุกคนรอผลการตรวจสอบ โดยยอมรับว่ามีความเป็นไปได้อาจเป็นระเบิดใหม่ เพราะก็มีข่าวเรื่องนี้มาเหมือนกัน
และหากเป็นระเบิดใหม่จะมีเทคโนโลยีที่ไม่สามารถตรวจพบได้ อย่างเช่นระเบิดพลาสติก จากนี้ต้องเข้มงวดเรื่องการลาดตระเวนเพิ่มขึ้น โดยสั่งการไปยังแม่ทัพภาคที่ 2 ให้กำชับผู้ปฏิบัติการในพื้นที่ใช้ความระมัดระวัง
โดยก่อนหน้านี้(16ก.ค.) “พล.ท.บุญสิน” ระบุ ว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่ถูกกำหนดเป็น CHA หมายถึง พื้นที่ที่ได้รับการยืนยันแล้วว่า มีทุ่นระเบิด โดยหน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรม 3
(นปท.3) ทำการกวาดล้างเรียบร้อยไปแล้ว ซึ่งในการกวาดล้าง พบเฉพาะ TYPE 72 ซึ่งเป็นทุ่นระเบิดสังหารบุคคลชนิดหนึ่ง ถือว่าผิดกฎหมายตามอนุสัญญาออตตาวา เพราะบริเวณดังกล่าวเป็นที่ตั้งของเขมรแดงในอดีต ส่วนทุ่นระเบิดที่กำลังพลเหยียบครั้งนี้ น่าจะเป็น PMN 2 ซึ่งเป็นทุ่นระเบิดสังหารบุคคล และเป็นทุ่นระเบิดใหม่ น่าจะมีการวางใหม่มากกว่า ตรวจสอบเบื้องต้นคาดว่า เป็นประเภท DH10.
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook: https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews