รวบแล้ว “เสือปุ่น” หัวหน้าแก๊งปล้นเงิน 3.4 ล้าน กลางห้างดัง
สำนักข่าวไทย Online
อัพเดต 19 กรกฎาคม 2568 เวลา 5.21 น. • เผยแพร่ 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา • สำนักข่าวไทย อสมทกรุงเทพฯ 18 ก.ค. – สืบนครบาลจับ “เสือปุ่น” หัวหน้าแก๊งปล้นเงิน 3.4 ล้าน กลางห้างดัง พร้อมสมุน หลังหนีซุกบ้านเช่าย่านลำลูกกา จ.ปทุมธานี เร่งล่าอีก 1 ยังหลบหนี
กรณีคนร้าย 7 คน แก๊งเสือปุ่น ใช้อาวุธปืนและมีด ก่อเหตุปล้นเงินสด 3.4 ล้านบาท จากผู้มาซื้อคริปโตฯ เหตุเกิดที่ลานจอดรถชั้น 1 ห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่ง เมื่อคืนวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา
ความคืบหน้าล่าสุด พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผบก.สส.บช.น.) พร้อมด้วย พ.ต.อ.สิทธิศักดิ์ นาคามาตย์ ผู้กำกับการสืบสวนสอบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น.) และตำรวจ บก.สส.บช.น. ร่วมกันจับกุม นายวรวัฒน์ หรือ เสือปุ่น อายุ 43 ปี ซึ่งเป็นหัวหน้าแก๊ง พร้อมนายบอล อายุ 35 ปี ลูกสมุน ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ในข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป โดยจับกุมได้ที่บ้านเช่าในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี หลังหนีมากบดานกว่า 2 สัปดาห์ พร้อมของกลางปืนสั้นพกแบบแม็กกาซีนขนาด .365 เครื่องกระสุน 29 นัด เงินสด 3,000 บาท รถเก๋งทะเบียนปลอม กระเป๋าแบรนด์เนม 2 ใบ และวัตถุคล้ายระเบิด จึงนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ไปสอบสวนที่ บก.สส.บช.น.
พ.ต.อ.สิทธิศักดิ์ กล่าวว่า การจับกุมในครั้งนี้ ชุดสืบสวนเฝ้าติดตามมาสักระยะหนึ่งแล้ว แต่ต้องวางแผน เพื่อความปลอดภัยขณะเข้าทำการจับกุม ตอนนี้ผู้ต้องหายังให้การวกวน จับใจความได้เพียงว่า ทั้งสองคนผลัดกันขับรถ เปลี่ยนที่พักไปมา เพื่อให้ยากต่อการติดตามจับกุม และยอมรับว่ามีการแบ่งเงินกัน แต่ยังไม่ได้ให้รายละเอียดเรื่องของสัดส่วน รวมทั้งการวางแผนก่อเหตุ ซึ่งคืนนี้จะทำบันทึกจับกุม แล้วส่งตัวให้พนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน ดำเนินคดีตามกฎหมาย
เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การว่า สาเหตุที่ลงมือปล้นเงิน เพราะคิดว่าเป็นเงินเทา ผู้เสียหายจะไม่กล้าแจ้งความ ส่วนเงินที่ได้ไปกว่า 1 ล้านบาท นำไปซื้อยาเสพติด ตระเวนกินเที่ยว และย้ายที่พักหลบหนีตำรวจไปเรื่อยๆ กระทั่งเงินหมด เหลือเงินติดตัวเพียง 3,000 บาท ส่วนกระเป๋าแบรนด์เนมที่พบ เสือปุ่นอ้างว่าเพื่อนให้มา
สำหรับคดีนี้ยังเหลือผู้ต้องหาอีก 1 ราย คือ นายรุ่งนิรันดร์ หรือ โบ้ อายุ 32 ปี ที่ยังหลบหนีการจับกุม ตำรวจอยู่ระหว่างเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดี
ขณะที่เจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด (EOD) เข้าตรวจสอบวัตถุคล้ายระเบิด MK2 ของกลาง ซึ่งผลการตรวจสอบพบว่าเป็นระเบิดจริง โดยเจ้าหน้าที่ EOD ได้ทำการเก็บกู้ให้ปลอดภัย ก่อนนำระเบิดของกลางดังกล่าวส่งให้พนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน เพื่อทำบันทึก และนำส่งให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เพื่อตรวจพิสูจน์ยืนยันตามขั้นตอนต่อไป.-419-สำนักข่าวไทย