บอร์ดอีอีซี ถกปม "สนามบินอู่ตะเภา" สั่ง สกอพ. เจรจาเอกชน ก่อนออก NTP
วันที่ 25 กรกฎาคม 2568 นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) หรือบอร์ดอีอีซี ครั้งที่ 3/2568 โดยมี นายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เป็นเลขานุกา โดยที่ประชุมฯ กพอ. มีมติรับทราบปัญหาอุปสรรค และข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นภายหลังการลงนามสัญญาร่วมทุน โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก
โดยมีผลกระทบต่อความเป็นไปได้ทางการเงินของโครงการฯ และอาจมีผลให้เอกชนคู่สัญญาไม่สามารถดำเนินโครงการได้ รวมถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อภาครัฐ จึงเห็นชอบให้เสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบปัญหาอุปสรรคดังกล่าว และมอบหมายให้ สกพอ. เจรจาเพื่อแก้ไขปัญหาอุปสรรคทั้งหมดบนพื้นฐานความสมเหตุสมผล เพื่อให้สามารถดำเนินโครงการฯ และเกิดการลงทุนได้จริง
สำหรับความคืบหน้าโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา และเมืองการบินภาคตะวันออก ล่าสุดเกิดประเด็นปัญหาความล่าช้า หลังจาก สกพอ. ยังไม่สามารถออก Notice to Proceed หรือ NTP ซึ่งเป็นเอกสารที่จะออกให้แก่ผู้รับเหมา เพื่อแจ้งให้ทราบถึงการเริ่มต้นโครงการก่อสร้างอย่างเป็นทางการให้กับ บริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่นจำกัด (UTA) ได้ แม้จะผ่านมา 5 ปีมาแล้ว
แม้ว่าทาง UTA ในฐานะผู้ได้รับสัมปทานในโครงการนี้ จะออกมาประกาศแล้วว่า จะไม่รอโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน แต่การเจรจาระหว่าง UTA และอีอีซี ภายใต้เงื่อนไขให้ก่อสร้างไปก่อน โดยที่ยังไม่มีไฮสปีดเทรน 3 สนามบินก็ยังไม่ได้ข้อยุติ ทำให้ที่ผ่านมามีการเลื่อนออก NTP มาเป็นระยะ จากเดิมวางไว้ว่าจะเป็นวันที่ 18 มิถุนายน ที่ผ่านมา จนล่าสุดวางไว้เมื่อวันที่ 15 กรกฏาคม 2568 ก็ยังไม่สามารถออก NTP ได้
ขณะเดียวกันที่ประชุมยังอนุมัติให้ บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ประกอบกิจการพลังงาน ตามอำนาจมาตรา 37 (4) แห่งพระราชบัญญัติเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. 2561 ในเขตส่งเสริม เมืองการบินภาคตะวันออก (EECa) โดยการอนญาตเป็นไปตาม หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขของกฎหมายว่าด้วยการประกอบกิจการพลังงาน
ทั้งนี้การอนุญาตดังกล่าว ครอบคลุมถึงเรื่องต่าง ๆ ดังนี้
1.การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar) ขนาดกำลังผลิตติดตั้ง 18 เมกะวัตต์
2.การจำหน่ายไฟฟ้า ขนาดความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด 15 เมกะวัตต์ ให้แก่กิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ ระยะเวลา 25 ปี
3.การอนุญาตประกอบกิจการโรงงานผลิตพลังงานไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar) ลำดับที่ 88 (1)
4.การอนุญาตให้ผลิตพลังงานควบคุม (พ.ค.2) เป็นระยะเวลา 4 ปี