ลือ iPhone แบตเตอรี่ของ iPhone 17 Air บางกว่าเดิม แต่แลกกับความจุน้อยลง
หลังจากมีเรื่องลือเกี่ยวกับ ภาพแบตเตอรี่ที่คาดว่าเป็นของ iPhone 17 Air แต่กลับกลายเป็นของ iPhone 17 Pro แทน ล่าสุดนี้เราก็ได้เห็นภาพของจริงที่คาดว่าเป็นแบตเตอรี่ของ iPhone 17 Air กันแล้ว จาก Naver ของเกาหลีใต้ ซึ่งเผยให้เห็นดีไซน์และแนวทางใหม่ที่ Apple อาจกำลังมุ่งไปในปีหน้า
จากภาพที่หลุดออกมา แบตเตอรี่ของ iPhone 17 Air มีลักษณะเป็นรูปตัว L และหุ้มด้วยแผ่นโลหะเหล็ก ซึ่งดูคล้ายกับของ iPhone 17 Pro แต่จุดที่แตกต่างและน่าสนใจที่สุดคือ "ความบาง" และ "ความจุ" ที่ลดลงอย่างน่าใจหาย
ความบาง…ที่ต้องแลกมา
รายงานล่าสุดระบุว่าแบตเตอรี่ของ iPhone 17 Air มีความหนาเพียง 2.49 มม. (เมื่อรวมเคสโลหะแล้ว) ซึ่งบางเฉียบขนาดที่เทียบเท่ากับการนำบัตรเครดิตมาซ้อนกันเพียง 3 ใบเท่านั้น การลดขนาดแบตเตอรี่ลงอย่างมากนี้ เป็นไปเพื่อให้สอดคล้องกับข่าวลือที่ว่า iPhone 17 Air จะเป็น iPhone ที่บางที่สุดที่เคยมีมา ด้วยความหนาของตัวเครื่องเพียง 5.5 มม.
แต่ความบางเฉียบนี้ต้องแลกมาด้วยความจุแบตเตอรี่ที่ลดลงอย่างน่าตกใจ:
iPhone 17 Air (รุ่นใหม่): คาดการณ์ความจุประมาณ ~2,900 mAh
iPhone 16 Plus (รุ่นที่จะถูกแทนที่): มีความจุถึง 4,674 mAh
จะเห็นได้ว่าความจุนั้นหายไปเกือบ 40% ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากแนวทางของรุ่น Plus ที่เน้นเรื่องแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนานเป็นพิเศษ
การมีแบตเตอรี่ความจุต่ำกว่า 3,000 mAh นั้นสร้างความกังวลไม่น้อย เพราะ iPhone รุ่นสุดท้ายที่มีแบตเตอรี่ระดับนี้คือ iPhone 13 mini (ปี 2021) ซึ่งใช้กับหน้าจอขนาดเล็กเพียง 5.4 นิ้ว แต่สำหรับ iPhone 17 Air มีข่าวลือว่าจะมาพร้อมหน้าจอขนาดยักษ์ถึง 6.9 นิ้ว
คำถามสำคัญคือ Apple จะทำให้แบตเตอรี่ขนาดเล็กนี้ใช้งานได้ยาวนานตลอดวันกับหน้าจอขนาดใหญ่ได้อย่างไร?
ความหวังหนึ่งอาจอยู่ที่เทคโนโลยีแบตเตอรี่แบบใหม่ที่เรียกว่า ซิลิคอน-คาร์บอน (Silicon-Carbon หรือ Si/C) ซึ่งมีคุณสมบัติในการอัดแน่นพลังงานได้สูงกว่า (Higher Energy Density) แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนในปัจจุบัน และอาจเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยชดเชยความจุที่หายไปได้
อย่างไรก็ตาม ข่าวลือนี้ชี้ให้เห็นทิศทางที่ชัดเจนว่า Apple อาจกำลังให้ความสำคัญกับการสร้างสรรค์ดีไซน์ที่ "บางเฉียบ" เป็นพิเศษในรุ่น iPhone 17 Air ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญจากตระกูล Plus อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของโมเดลนี้จะขึ้นอยู่กับว่า Apple สามารถพัฒนานวัตกรรมด้านแบตเตอรี่และประสิทธิภาพการจัดการพลังงานของชิปเซ็ตและซอฟต์แวร์ได้ดีเพียงใด เพื่อให้ผู้ใช้ยังคงได้รับประสบการณ์การใช้งานที่น่าพอใจโดยไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเตอรี่หมดระหว่างวัน ต้องรอติดตามกันต่อไปในอนาคตครับ