วิธีเอาตัวรอด หากต้องเบรคกรถฉุกเฉิน! รู้ก่อนโดนชน
อุบัติเหตุกับการขับรถเป็นของคู่กันหากคุณตั้งอยู่ในความไม่ประมาท แต่คนอื่นประมาทก็มักจะเกิดเหตุได้เสมอ โดยเฉพาะเรื่องของเบรคฉุกเฉินในสถานการณ์ที่หลีกเลี่ยงได้ยาก แล้วถ้าเกิดคุณตในสถานการณ์ที่คันหน้าเบรคกกันต่อๆ กันแล้วจะทำให้คันหลังรู้ว่าเรากำลังเบรคอย่างรุนแรงต้องทำอย่างไร วันนี้ Sanook Auto มีคำแนะนำให้ลองใช้งานกัน
วิธีเอาตัวรอดหากรถคันหน้าเบรคกฉุกเฉินกระทันหัน
ก่อนอื่นเราขอแยกเป็นกรณีรถรุ่นใหม่ๆ มีระบบไฟเบรคกฉุกเฉินกับรถรุ่นเก่าที่ไม่มีให้ทำความเข้าใจได้ง่ายขึ้นก่ก่อนครับ
ไฟเบรคฉุกเฉิน หรือ ESS (Emergency Stop Signal) คืออะไร?
ESS หรือ Emergency Stop Signal คือระบบสัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติเมื่อเบรกกะทันหัน เป็นระบบความปลอดภัยเชิงป้องกัน (Active Safety) ที่ติดตั้งมาในรถยนต์รุ่นใหม่ๆ หน้าที่หลักของมันมีเพียงหนึ่งเดียว คือ "ลดความเสี่ยงการถูกชนท้าย" โดยการส่งสัญญาณเตือนผู้ขับขี่รถคันหลังให้รู้ตัวล่วงหน้าอย่างรวดเร็วที่สุดเมื่อรถของเรากำลังเบรกอย่างรุนแรง
ข้อดีของ ESS คือ
ลดอุบัติเหตุได้จริง: เพิ่มเวลาให้คนข้างหลังตอบสนองได้เร็วขึ้น
ทำงานอัตโนมัติ: คุณไม่ต้องละมือจากพวงมาลัยหรือละสมาธิจากการควบคุมรถไปกดปุ่มใดๆ
เป็นสัญญาณที่เข้าใจตรงกัน: การกะพริบถี่ๆ เป็นที่เข้าใจกันในระดับสากล
ถูกต้องตามกฎหมาย: เพราะเป็นระบบมาตรฐานของรถ ไม่ใช่การเปิดไฟผ่าหมากพร่ำเพรื่อ
หลักการทำงานของระบบ ESS ที่คุณต้องรู้
ระบบ ESS ไม่ได้ทำงานทุกครั้งที่คุณแตะเบรก แต่มันจะทำงานเมื่อเข้าเงื่อนไขฉุกเฉินจริงๆ เท่านั้น โดยมีขั้นตอนการทำงานง่ายๆ ดังนี้
ตรวจจับสถานการณ์: กล่องควบคุม (ECU) ของรถจะคอยตรวจสอบความเร็วของรถและแรงในการเหยียบเบรกของคุณอยู่ตลอดเวลา
ประมวลผล: เมื่อคุณขับรถด้วยความเร็วที่กำหนด (ส่วนใหญ่มักจะสูงกว่า 50-60 กม./ชม.) แล้วเหยียบเบรกอย่างรุนแรงและรวดเร็วจนระบบเบรก ABS ทำงาน ระบบจะถือว่าเป็น "การเบรกฉุกเฉิน"
ส่งสัญญาณเตือน: ทันทีที่เข้าเงื่อนไข ไฟฉุกเฉิน (ไฟผ่าหมาก) จะกะพริบขึ้นมาเองโดยอัตโนมัติด้วยความถี่สูง (ถี่กว่าการกดเปิดปกติ) ซึ่งเป็นสัญญาณสากลที่ดึงดูดสายตาและบอกให้คนข้างหลังรู้ทันทีว่านี่ไม่ใช่การเบรกธรรมดา
หยุดทำงานอัตโนมัติ: เมื่อคุณคลายแป้นเบรก หรือเมื่อรถหยุดนิ่งแล้ว ระบบไฟกะพริบถี่ๆ นี้จะหยุดทำงานเอง เพื่อป้องกันความสับสน
กรณีนี้รถบางคันอาจจะมีแต่ไม่ได้อยู่ที่ไฟกระพริบ แต่เป็นไฟเบรกแบบกระพริบถี่ๆ ก็เป็นสัญญาณเตือนว่ามีเหตุที่จะต้องเบรคเช่นเดียวกัน
แล้วถ้ารถไม่มีระบบ ESS ต้องทำอย่างไร?
สำหรับผู้ที่ใช้รถรุ่นที่ยังไม่มีระบบ ESS นี่คือสิ่งที่คุณควรทำและไม่ควรทำในสถานการณ์เบรกฉุกเฉิน จะต้องทำมีดังนี้
ตั้งสติและเบรกให้มั่นคง: สิ่งสำคัญที่สุดคือการหยุดรถให้ได้โดยไม่เสียการควบคุม เหยียบเบรกให้แน่นและมั่นคง ปล่อยให้ระบบ ABS (ถ้ามี) ทำงานไป ไม่ต้องย้ำเบรก
จับพวงมาลัยให้มั่น: สองมือของคุณต้องอยู่บนพวงมาลัยตลอดเวลา เพื่อเตรียมพร้อมควบคุมทิศทางหากจำเป็น เพื่อไม่ให้รถเสียหลัก
เหลือบมองกระจกหลัง (ถ้าทำได้): ใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาทีเหลือบมองกระจกหลังเพื่อประเมินสถานการณ์รถคันหลัง ไม่ใช่การจ้อง แต่เป็นการเหลือบมองเพื่อเก็บข้อมูลว่าเขามีปฏิกิริยาอย่างไร
หากการเหลือบมองกระจกหลังทำให้คุณเห็นว่ารถคันหลังมาเร็วและไม่น่าจะหยุดทัน ให้มองหา "ช่องทางปลอดภัย" เช่น ไหล่ทางด้านซ้าย เพื่อเตรียมหักหลบหากจำเป็น (ทำเมื่อมั่นใจว่าปลอดภัยเท่านั้น)
เทคนิคที่ดีที่สุดคือการป้องกันไม่ให้เกิดสถานการณ์นั้นๆ ด้วยการ "เว้นระยะห่างจากคันหน้าให้ปลอดภัยอยู่เสมอ" การมีระยะห่างที่มากพอ จะทำให้คุณมีเวลามากขึ้นในการเบรกอย่างนุ่มนวล ซึ่งปลอดภัยกว่าการเบรกแบบหัวทิ่ม
ส่วนการให้สัญญาณกับคันหลังถ้าไม่มีไฟ ESS หรือเบรคฉุกเฉิน การกดไฟกระพริบเตือน คันหลังตั้งแต่ระยะไกลๆ ก็จะทำให้คันหลังรู้สถานการณ์ข้างหน้าได้เช่นเดียวกัน แต่ถ้าผ่านพันไปแล้ว ต้องกดปิดไฟกระพริบออก เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด ด้วยเช่นเดียวกัน
อ่านเพิ่มเรื่องไฟฉุกเฉิน
- แล้วอย่าหาทำ! เปิดไฟกระพริบ เวลาฝนตกหนัก ส่งผลร้ายกว่าที่คิด
- เฉลยแล้ว ทำไมถึงห้ามเปิดไฟฉุกเฉิน ข้ามแยก รู้ก่อนเกิดอุบัติเหตุ
- ไฟฉุกเฉินห้ามเปิดตอนไหนบ้าง?
สุดท้ายนี้การที่รถมีอุปกรณ์บอกคันหลังว่าจะเกิดอะไรขึ้นเป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าจะดีกว่า ถ้าเราขับรถเคารพกฏจราจรให้เคร่งครัดด้วยเช่นเดียวกันครับ