อังเคิลวัย 70 ร้องสื่อ ซื้อตุ๊กตายางหวังแก้เหงา โดนหลอกเสียไปครึ่งแสน แขนไม่ได้จับ
หนุ่มโสดวัย 70 ร้องเรียนผ่านสื่อ กดสั่งตุ๊กตายางหวังช่วยคลายเหงา สุดท้ายโดนหลอก โอนเงินไปร่วมครึ่งแสน แถมแขนตุ๊กตายังไม่ได้เห็น
เรื่องนี้เป็นของ นายโทนี่ (นามสมมติ) ชายวัย 70 ปี อดีตผู้รับเหมาต่างชาติ ได้ออกมาร้องเรียนขอความเป็นธรรม หลังถูกหลอกสั่งซื้อตุ๊กตายางสาวสวยลูกครึ่งจนเสียเงินไปกว่า 51,000 บาท เขานำหลักฐานสลิปโอนเงินและแชทกับเพจเฟซบุ๊ก “ตุ๊กตายางสาวซิลิโคนส่งทั่วไทย” เข้าแจ้งความกับตำรวจไซเบอร์ที่จังหวัดอุดรธานีในวันนี้ (4 ก.ค.) เพื่อเตือนภัยไม่ให้ใครตกเป็นเหยื่ออีก
นายโทนี่เล่าว่า ตนเองเคยทำงานเป็นผู้รับเหมาในต่างประเทศนานกว่า 30 ปี เพิ่งกลับมาอยู่บ้านเกิดที่จังหวัดอุดรธานีได้เพียง 3 เดือน ด้วยความที่เป็นโสดและเลิกกับภรรยามาเกือบ 22 ปี ทำให้บางครั้งรู้สึกเหงา จึงคิดอยากสั่งซื้อตุ๊กตายางมาไว้ที่บ้านเพื่อแก้เหงา
เขาค้นหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตจนพบเพจ “ตุ๊กตายางสาวซิลิโคนส่งทั่วไทย” ซึ่งมีตุ๊กตายางหลายแบบหลายราคา เขาถูกใจตุ๊กตายางสาวสวยลูกครึ่งเอเชีย-ฝรั่ง รูปร่างดี ซึ่งตรงสเปกของเขามาก เพจตั้งราคาไว้ที่ 40,000 บาท โดยอ้างว่าเป็นของแท้นำเข้าจากญี่ปุ่น ทำจากซิลิโคนแท้
เมื่อนายโทนี่ทักแชทไปสอบถาม แอดมินเพจรีบตอบกลับทันที โดยบอกว่าเขาโชคดีมากที่ตุ๊กตายางตัวนี้มี “ออปชั่นพิเศษ” คือ “จิมิดึงดูดได้ มีเสียงร้องเวลาใช้งาน แถมใช้งานได้ 3 ทาง ปาก ตูด จิมิ” และเสนอส่วนลด 50% เหลือเพียง 20,000 บาท เนื่องจากเป็นช่วงโปรโมชัน นายโทนี่ไม่รีรอตัดสินใจโอนเงิน 20,000 บาท เข้าบัญชีชื่อ นางละเมียด ธนาคารไทยธนชาต เมื่อวันที่ 26 มิถุนายนที่ผ่านมา ด้วยความหวังจะได้ตุ๊กตายางมาอยู่ข้างกายยามเหงา
หลังจากโอนเงินงวดแรก ทางเพจแจ้งว่าจะจัดส่งสินค้าจากต่างประเทศภายใน 3-4 วัน และจะโทรแจ้งเมื่อของถึงไทย เมื่อครบ 4 วัน เพจก็โทรมาแจ้งว่าของมาถึงแล้ว แต่ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเป็นค่าส่งอีก 2,000 บาท และค่าภาษีท่าเรืออีก 6,000 บาท นายโทนี่เริ่มเอะใจ แต่ก็ยอมโอนเงินเพิ่มให้
วันต่อมาก่อนกำหนดส่งของ เพจก็โทรมาอีก แจ้งว่าต้องจ่ายค่ากล่องและค่าประกันอีก 8,000 บาท นายโทนี่เริ่มสงสัยมากขึ้นว่าอาจถูกหลอก จึงทักแชทไปถาม ทางร้านยืนยันว่าไม่โกงแน่นอน และส่งภาพบัตรประชาชนของ นายณัฐวุฒิ อายุ 29 ปี (ระบุที่อยู่จังหวัดกาญจนบุรี) มาให้ดูเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ซึ่งทำให้เขาเชื่อใจและยอมโอนเงินไปอีก
แต่เรื่องยังไม่จบเพียงเท่านี้ ยิ่งใกล้วันนัดรับสินค้า เพจก็โทรมาแจ้งว่าถูกตำรวจจับที่ท่าเรือและขอเงินเพิ่มอีก 7,000 บาท โดยอ้างว่าหากไม่โอน ทั้งสองฝ่ายจะถูกดำเนินคดี นายโทนี่ตัดสินใจโอนเพิ่มเพื่อตัดรำคาญ แต่ไม่ถึงชั่วโมง เพจก็โทรมาอีก แจ้งว่าตำรวจขอเงินเพิ่ม 9,000 บาท และต้องเคลียร์กับนักข่าวอีก 15,000 บาท สรุปแล้ว จากราคาโปรโมชัน 20,000 บาท นายโทนี่ต้องจ่ายเงินรวมทั้งสิ้น 51,000 บาท เขาจึงเชื่อมั่นว่าถูกหลอกแน่นอนแล้ว
นายโทนี่จึงนำเรื่องราวนี้มาร้องเรียนผ่านสื่อมวลชน โดยกลับมาทบทวนและเชื่อว่าเขาถูกหลอกเอาเงินไปแล้ว แม้เงินที่เสียไปจะไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเขา แต่เขาไม่อยากให้ผู้อื่นต้องตกเป็นเหยื่อและรู้สึกเจ็บปวดเช่นเดียวกับเขา ส่วนบัตรประชาชนที่คนร้ายส่งมานั้น ไม่ตรงกับชื่อบัญชีที่โอนเงิน ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นบัตรประชาชนของบุคคลอื่น
นายโทนี่บอกด้วยว่า สาเหตุที่ต้องการตุ๊กตายาง เพราะขณะทำงานต่างประเทศ เขาก็มีไว้ใช้เพื่อแก้ปัญหาทางสุขภาพ และเมื่อกลับมาอยู่เมืองไทยได้เพียง 3 เดือน ก็อยากมีไว้แก้เหงา เพราะตนเป็นคนไม่มีครอบครัว ไม่มีภรรยา และไม่อยากมีภาระกับผู้หญิงที่มีชีวิต จึงตัดสินใจซื้อตุ๊กตายาง เพื่อแก้ไขปัญหา
สำหรับตุ๊กตายางนั้น ในต่างประเทศถือเป็นเรื่องปกติ เพื่อนๆ ของเขาหลายคนก็แก้ปัญหาด้วยวิธีนี้ หากจะไปซื้อบริการผู้หญิง เขาก็กลัวจะติดโรคทางเพศสัมพันธ์ เพราะตอนนี้มีโรคอันตรายมาก ที่มีเงินเท่าไหร่ก็รักษาไม่หาย ไม่สามารถช่วยเหลือได้ ปัจจุบันตุ๊กตายางถูกพัฒนาให้สวยและมีออปชั่นต่างๆ ดีมาก นายโทนี่กล่าวว่าเขาไม่อายที่มาเปิดเผยเรื่องนี้ และไม่อยากให้คนอื่นโดนหลอก ซึ่งจริงๆ แล้วตุ๊กตายางในต่างประเทศมีร้านค้าเปิดเผยไม่ใช่เรื่องน่าอายเลย
อ้างอิง : 1
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง