‘กองทัพบก’ แจงจัดหา ‘ยานเกราะ’ จากต่างประเทศเพราะต้องผ่าน ‘combat approved’ คุณภาพสูง
เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. ที่รัฐสภา พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ. ชี้แจง กมธ.พิจารณางบประมาณปี 2569 ว่า งบประมาณการจัดหาเฮลิคอปเตอร์แบล็กฮอว์ก 4,900 ล้านบาท เป็นโครงการผูกพัน ซื้อในระบบ Foreign Military Sales หรือ FMS จากสหรัฐ ไม่มีผู้แทนบริษัทใดๆ เป็นการซื้อตรงจากรัฐบาลสหรัฐ เป็นความต่อเนื่องระบบงบประมาณ ซึ่งกำลังทยอยส่งมอบให้ ทบ.
พล.อ.พนา กล่าวว่า สำหรับโครงการยานเกราะล้อยาง เช่น BTR3, VN-1, สไตรเกอร์ หรือ ยานเกราะรุ่นเก่า V150 การพัฒนาเหล่าทหารราบและทหารม้าที่เป็นกำลังรบหลัก เราพัฒนาจากการเดินเท้ามาเป็นการใช้ยานเกราะ จากเดิมเป็นยานยนต์สายพานมาเป็นยานยนต์ล้อ ในตระกูล VN-1 และ BTR3 สไตรเกอร์ เป็นยานเกราะล้อยางทั้งสิ้น เพราะเป็นยานรบน้ำหนักเบา ประหยัดน้ำมัน มีคล่องตัว แต่กำจัดในเรื่องภูมิประเทศ สู้ยานเกราะสายพานไม่ได้ในบางพื้นที่ โดย ทบ. ซื้อตั้งแต่อดีตมาหลากชนิด เรามีระบบซ่อมบำรุงต่อเนื่อง
พล.อ.พนา กล่าวต่อไปว่า สำหรับยานเกราะ VN-1 ที่ซื้อมา ตอนนี้รถส่วนใหญ่ยังใช้การได้ค่อนข้างสมบูรณ์ ส่วน BTR3 ในการซ่อมบำรุงต่างๆ เป็นไปตามขั้นตอน รถต้นแบบที่เราส่งไปซ่อมบำรุง สามารถนำส่งให้ ทบ. เรียบร้อยแล้ว 6 คัน ตามสัญญา ซึ่ง ทบ. ได้มีการตรวจรับเรียบร้อยแล้ว และจะขยายผล หลังรถต้นแบบซ่อมและใช้งานได้ดี โดยต่อไปจะซ่อมรถที่เหลือ เพื่อให้ความพร้อมรบกลับมา ส่วนการดูแลยานรบอย่างอื่นที่เก่า เรามีแผนซ่อมบำรุง อันไหนที่เราซ่อมได้ ก็จะซ่อมต่อไป ให้ใช้งานดี ตามจำนวนที่เรามีความจำเป็นเร่งด่วนใช้งาน ไม่ใช่มี 100 คัน ต้องซ่อม 100 คัน แต่เราเน้นความจำเป็น ตามภัยคุกคามในช่วงเวลานั้นๆ
ผบ.ทบ. กล่าวต่อว่า ส่วนการพิจารณาผู้ประกอบการ ปัจจุบัน ทบ. ต่อเนื่องมานาน เราจัดหายานพาหนะ รถยนต์บรรทุกต่างๆ จากผู้ผลิตภายในประเทศมานานแล้ว แต่ส่วนใหญ่เป็นรถยนต์บรรทุกขนาด 1 ส่วน 4 ตัน ซึ่งมีเป็นพันคัน ประจำการใน ทบ. ที่ทำการซื้อ จ้างประกอบ ในไทยใช้ทั่วประเทศ ทั้งรถพยาบาล รถลาดตระเวนติดอาวุธ เป็นต้น ทั้งหมดนี้เป็นอุตสาหกรรมภายในประเทศ จ้างหลายบริษัทมาต่อเนื่อง และมีการซ่อมบำรุงเครื่องยนต์ของไทย
ทั้งนี้ ผบ.ทบ. กล่าวอีกว่า สำหรับยานรบที่มีเทคโนโลยีสูงขึ้น หน่วยที่มีความพร้อมรบ หน่วยยานเกราะที่ผ่าน มีการพิจารณา “combat approved” ชนิดยานรบนั้นๆ เป็นหลัก เพราะฉะนั้นการที่ ทบ. ไม่ได้ซื้อยานเกราะล้อยางจากผู้ผลิตในประเทศ เราพิจารณาจากความเหมาะสมในการใช้งาน ยุทธวิธีกองกำลังทางบก สำหรับการเข้าพื้นที่ด้านตะวันออก ไม่ใช่เพิ่งมารับผิดชอบตอนนี้ แต่เราผิดชอบมานานแล้ว เพราะเป็นภูมิประเทศเปิด ใช้ยานเกราะชนิดนี้ได้ ส่วนใหญ่ซื้อจากต่างประเทศ เพราะมีการใช้งาน และทดสอบ combat approved ที่มีคุณภาพสูง การออกรบระยะไกล หากต้องออกไปพื้นที่นอกประเทศ หากเราใช้ยานรบที่ไม่ได้มีการพิสูจน์ความน่าเชื่อถือเท่าที่ควร อาจเป็นอันตรายอย่างยิ่งกับภารกิจและกำลังพล
ผบ.ทบ. กล่าวต่อว่า ไม่ใช่ว่า ทบ. ไม่สนใจพิจารณาของในประเทศ ซึ่งที่ผ่านมามียานเกราะจากบริษัทภายในประเทศที่ให้เราไปทดสอบ เช่น พื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ และพื้นที่หน่วยพร้อมรบเคลื่อนที่เร็วในหลายพื้นที่ เรามีผลการทดสอบชัดเจน มีการรายงานชัดเจนถึงสิ่งบกพร่องต่างๆ ไปยังผู้ผลิตให้รับทราบ และผู้ผลิตก็จะนำไปพัฒนา แต่ต้องอาศัยกาลเวลาเดินไปด้วยกัน หากในอนาคตทำได้ดี ก็จะพิจารณายานรบภายในประเทศ เพราะมีเรื่องระบบอาวุธ ระบบการป้องกันวัตถุระบบ ระบบการขับเคลื่อน จึงไม่ใช่ว่าไม่อยากใช้
พล.อ.พนา กล่าวต่อว่า ส่วนโครงการห้องปฏิบัติการ รร.นายร้อย จปร. มูลค่า 56 ล้านบาท เป็นนโยบายที่ตนมอบให้กับทางส่วนการศึกษา รร.นายร้อย จปร. ภายหลังเราเห็นพัฒนาการของสงครามที่ยูเครน-รัสเซีย สงครามฮามาส-อิสราเอล เรามีนวัตกรรมที่จำเป็นทางการทหาร เช่น อากาศยานไร้คนขับ เครื่องมือต่อต้านอากาศยานไร้คนขับ และเทคโนโลยีอื่นๆ โดยระบบงบประมาณของเราเริ่มจัดหา แต่ยังไม่เพียงพอ เช่น กองทัพภาคที่ 2 ที่ปฏิบัติงานในครั้งนี้ ทาง ทบ. ต้องให้กองทัพภาคที่ 2 เป็นผู้ผลิตนวัตกรรมเกี่ยวกับโดรนที่ต้องใช้งาน เพราะเราไม่สามารถที่จะรอเวลาในการจัดหามาตอบสนองเหตุการณ์ได้ ซึ่งโครงการห้องปฏิบัติการ รร.นายร้อย จปร. ถือเป็น ‘แหล่งต้นน้ำ’ ที่เรามีผู้มีความรู้ร่วมกันหลายส่วนทั้งภาครัฐ เอกชน มหาวิทยาลัย และอาจารย์ รร.นายร้อย จปร. ที่เกินครึ่งอยู่ในกองวิศวกรรม และเรามีมีกองวิศวกรรมสรรพาวุธ ที่คิดค้นนวัตกรรมต่างๆ และซ่อมบำรุงยานเกราะบางส่วนด้วย.