โรคนี้มีอยู่จริง! แพทย์ชี้ ‘โรคแพ้น้ำอสุจิ’ มักโดนวินิจฉัยผิดพลาด
ข้อมูลของคลินิกคลีฟแลนด์แห่งสหรัฐระบุว่า อาการแพ้น้ำอสุจิ (Semen allergy) หรือที่เรียกว่า ภาวะภูมิตอบสนองไวเกินไปต่อพลาสมาน้ำอสุจิ (Seminal plasma hypersensitivity - SPH) เป็นปฏิกิริยาต่อโปรตีนที่พบในน้ำอสุจิของผู้ชายที่หาได้ยาก
SPH ได้รับการจัดว่าเป็น ภาวะภูมิไวเกินชนิดที่ 1 (Type 1 hypersensitivity) ซึ่งมีลักษณะเฉพาะคือการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันที่รวดเร็วและรุนแรงเกินไปต่อสารก่อภูมิแพ้ ทำให้น้ำอสุจิกลายเป็นสารก่อภูมิแพ้ที่อยู่ในประเภทเดียวกับถั่วลิสงและสะเก็ดรังแคสัตว์เลี้ยง
สำหรับผู้ที่เป็นโรคนี้ เมื่อสัมผัสน้ำอสุจิจะมีอาการตั้งแต่ช่องคลอดหรืออวัยวะเพศภายนอกแสบร้อน คัน แดง และบวม ไปจนถึงเกิดลมพิษ หายใจถี่ วิงเวียนศีรษะ และแม้กระทั่งเกิดอาการภูมิแพ้รุนแรงเฉียบพลัน (Anaphylaxis) ที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
นักศึกษามหาวิทยาลัยคนหนึ่งในโคโลราโดที่เป็นโรค SPH รายงานว่าการมีเพศสัมพันธ์ทางปากนำไปสู่อาการอักเสบและใบหน้าเป็นอัมพาตชั่วคราว เธอกล่าวว่าความรุนแรงของผลข้างเคียงขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำอสุจิที่เธอได้รับ
ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าภาวะนี้ ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้หากเกิดภาวะแพ้รุนแรง มักถูกรายงานไว้น้อยกว่าความเป็นจริง
มีการบันทึกถึงผู้ป่วยโรค SPH เป็นครั้งแรกในปีค.ศ. 1967 เมื่อผู้ป่วยหญิงคนนี้ต้องเข้าโรงพยาบาลเนื่องจากมี “อาการแพ้อย่างรุนแรง” ต่อการมีเพศสัมพันธ์
แต่เดิมเชื่อว่ามีผู้หญิงไม่ถึง 100 คนทั่วโลกที่ป่วยเป็นโรคนี้ แต่งานวิจัยในยุคหลังบ่งชี้ว่าอัตราการเกิดภาวะนี้สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก นักวิจัยอย่างไมเคิล แคร์รอลล์ ชี้ว่า มีหลายกรณีของโรค SHP ที่ไม่มีการรายงาน หรือได้รับการวินิจฉัยผิดพลาด รวมถึงถูกเหมารวมว่าเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ หรือถูกมองว่าเป็นเพียงภาวะภูมิตอบสนองไวทั่วไป
แคร์รอลล์เขียนบทความเผยแพร่ใน The Conversation เมื่อสัปดาห์นี้โดยชี้ว่า ผลการศึกษาล่าสุดในปีที่แล้วยิ่งตอกย้ำว่า โรค SPH พบได้บ่อยและมักถูกวินิจฉัยผิดมากกว่าที่เคยเชื่อกัน โดยปัจจุบันเชื่อว่าภาวะแพ้น้ำอสุจินี้ส่งผลกระทบต่อประชากรในอัตราส่วน 1 ต่อ 40,000 คน
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าสารก่อภูมิแพ้หลักของโรคนี้ไม่ใช่เซลล์อสุจิโดยตรง แต่เป็นโปรตีน PSA (Prostate-specific antigen) ที่อยู่ในพลาสมาน้ำอสุจิ ที่น่าสนใจคือมีการเชื่อมโยงกับการแพ้ขนสัตว์เลี้ยงด้วย โดยโปรตีน Can f 5 ที่พบในสะเก็ดรังแคสุนัขมีโครงสร้างคล้ายกับโปรตีน PSA ของมนุษย์ ทำให้ผู้หญิงที่แพ้ขนสุนัขอาจมีโอกาสแพ้น้ำอสุจิได้สูงขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีรายงานกรณีการแพ้อาหารผ่านทางน้ำอสุจิ เช่น กรณีของลูซี แบงค์ส ดาราสาวจากเว็บไซต์โอนลีแฟนส์ที่มีอาการแพ้ถั่วลิสงจากการสัมผัสกับน้ำอสุจิของคู่นอน ซึ่งตอกย้ำถึงความซับซ้อนของปฏิกิริยาภูมิแพ้ที่อาจเกิดขึ้นได้
แม้จะพบได้ยาก แต่ผู้ชายก็สามารถมีอาการแพ้น้ำอสุจิของตนเองได้เช่นกัน ภาวะนี้เรียกว่า กลุ่มอาการป่วยหลังการถึงจุดสุดยอด (Post-Orgasmic Illness Syndrome - POIS) ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยมีอาการอ่อนเพลียรุนแรง คล้ายเป็นไข้ อารมณ์แปรปรวน คัดจมูกและคันตา หลังการหลั่งน้ำอสุจิ อาการเหล่านี้สามารถคงอยู่ได้นานหลายวัน และเชื่อว่าเกิดจากการตอบสนองของภูมิต้านทานตนเองหรือปฏิกิริยาภูมิแพ้เช่นกัน
สำหรับการตรวจหาและวินิจฉัยโรค SPH นั้น ทำได้ด้วยการทดสอบการสะกิดผิวหนัง ส่วนการรักษานั้น แม้ถุงยางอนามัยจะช่วยลดความเสี่ยง แต่สำหรับบางคู่ การแพ้ทั้งน้ำอสุจิและถุงยางอนามัยยิ่งทำให้ปัญหาซับซ้อนขึ้น
ด้านการรักษาสำหรับผู้ที่ต้องการมีบุตรก็อาจจำเป็นต้องใช้ยาแก้แพ้ก่อนมีเพศสัมพันธ์ ยาแก้อักเสบหลังมีเพศสัมพันธ์ หรือการบำบัดเพื่อลดความไวต่อสิ่งเร้าด้วยน้ำอสุจิที่เจือจางแล้ว และในกรณีที่รุนแรง อาจต้องพึ่งพาการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) โดยใช้อสุจิที่ล้างแยกพลาสมาออกไป เพื่อลดความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดอาการแพ้
ที่มา : nypost.com
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES