ศบ.ทก. แถลงผลนำคณะทูตลงพื้นที่ ‘เห็นใจ’ ฝ่ายไทย เห็นความโหดร้ายจากการโจมตีของกัมพูชา เชื่อผลตอบรับเป็นบวก
วันนี้ ( 1 สิงหาคม) ที่ห้องประชุมนภาอาสน์ กองบิน 21 อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี นิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ และพล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษก ศบ.ทก.ด้านความมั่นคง แถลงการณ์ประเด็นสำคัญเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา
นิกรเดช กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศและกองทัพบก นำโดย รัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ และพล.ท. อานุภาพ ศิริมณฑล รองเสนาธิการทหารบก รองเสนาธิการทหารบก ได้นำคณะทูตจำนวน 10 คน จาก 11 ประเทศ และผู้ช่วยทูตทหาร จำนวน 18 คน จาก 23 ประเทศ พร้อมด้วยสื่อมวลชนไทย และต่างประเทศกว่า 150 คน เข้าร่วมการสังเกตการณ์ในพื้นที่ชายแดน ซึ่งได้รับผลกระทบจากการโจมตีอย่างไม่เลือกเป้าหมาย และไม่คำนึงถึงหลักมนุษยธรรม โดยฝ่ายกัมพูชา
วัตถุประสงค์ของการลงพื้นที่ครั้งนี้ ในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศในฐานะผู้ดูแลคณะทูตและสื่อมวลชน คือ การนำเสนอข้อเท็จจริงต่อสาธารณะ ซึ่งจากการลงพื้นที่ดังกล่าว ทั้งสื่อไทยและต่างประเทศจะเป็นช่องทางสำคัญในการเผยแพร่ข้อมูลให้ประชาคมโลกได้รับทราบ และมาเฝ้าสังเกตการณ์ รวมถึงการประเมินผลจากการปะทะในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อให้คนเหล่านั้นได้เห็นกับตา
การลงพื้นที่ครั้งนี้ ฝ่ายไทยมุ่งเน้นการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อนำเสนอข้อเท็จจริงต่อประชาคมโลกเกี่ยวกับความเสียหายต่อบ้านเรือน โรงพยาบาล โรงเรียน และพื้นที่สาธารณะ ที่ถูกกัมพูชาโจมตีในพื้นที่ซึ่งไม่ใช่เป้าหมายทางทหาร อันเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ กฎหมายมนุษยธรรม หลักสิทธิมนุษยชน และอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก และต้องอพยพไปอยู่ในศูนย์พักพิงกว่า 150,000 คน
สถานที่แรก คือ ร้านสะดวกซื้อภายในสถานีเติมน้ำมัน จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งได้รับความเสียหายจากการโจมตีด้วยจรวด ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 8 ราย ในจำนวนนี้มีแม่และลูก 3 คนรวมอยู่ด้วย สถานที่ที่สองคือ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านสำเม่ง ซึ่งได้รับความเสียหายจากการโจมตี และสถานที่สาม คือ ศูนย์พักพิงชั่วคราวในอำเภอกันทรารมย์ ที่ดูแลประชาชนกว่า 5,000 คน
ในการสังเกตการณ์ทุกพื้นที่ สื่อมวลชนสามารถติดตามและถ่ายทอดสดได้ ขณะที่คณะทูตมีโอกาสพบปะพูดคุยกับครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบโดยตรง และเห็นความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงผลกระทบทางจิตใจที่ประชาชนต้องอพยพออกจากบ้านของตนเอง นอกจากนี้ คณะทูตและผู้ช่วยทูตทุกคนได้แสดงความขอบคุณต่อรัฐบาลไทยที่จัดการลงพื้นที่อย่างจริงใจและโปร่งใส
นิกรเดชย้ำว่า ประเทศไทยดำเนินการทุกอย่างอยู่ในกรอบกติกา และยึดมั่นในหลักการและกฎหมายระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด ซึ่งประชาคมโลกได้เห็นแล้วจากการลงพื้นที่ครั้งนี้ ตนเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า “ความจริงจะชนะทุกอย่าง”
ขณะที่ พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ในฐานะโฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) กล่าวว่า วันนี้ได้มีการเยี่ยมชมสถานที่จริงในจังหวัดอุบลราชธานีและศรีสะเกษ ซึ่งสถานการณ์ตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม-1 สิงหาคม ถือว่าอยู่ในความสงบ ทั้งสองฝ่ายยังคงตรึงกำลังในที่มั่นของตนเอง ส่วนสถานภาพของผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ ในเวลา 09.00 น. ยังเป็นยอดคงเดิม
ส่วนยอดผู้อพยพ ในศูนย์พักพิงต่างๆ 5 จังหวัด มีศูนย์ให้บริการ 667 แห่ง และปิดทำการลดลงไป 1 แห่ง รองรับผู้อพยพได้ 395,858 คน ปัจจุบันมีจำนวนผู้อพยพทั้งสิ้น 167,121 คน ลดลง 21,277 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ประเมินว่าสามารถกลับบ้านได้ ทั้งนี้ในสถานการณ์ภาพรวมอยู่ในความปลอดภัย
ส่วนสถานการณ์เจ็บป่วย มีแพทย์ พยาบาลประจำศูนย์อพยพดูแลอย่างต่อเนื่อง และได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน จัดกิจกรรมสันทนาการ เพื่อคลายเครียดและผ่อนคลาย ซึ่งในวันนี้เด็กๆ ได้มอบภาพให้กับทูตานุทูตที่มาเยี่ยมส่วนศูนย์พักพิงด้วย
ส่วนการเยี่ยมชมวันนี้ได้ไปเยี่ยมชมที่สถานีน้ำมัน ปตท. บ้านผือ จังหวัดศรีสะเกษ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลชำเม็ง ให้ได้เห็น ผลกระทบจริง ที่เกิดจากการโจมตีของฝ่ายกัมพูชาอย่างไร้เป้าหมาย ซึ่งมีหลายแห่งได้รับผลกระทบ เนื่องจากละเมิดอนุสัญญาเจนีวา อย่างร้ายแรงและละเมิดสิทธิมนุษยชนต่างๆ ซึ่งคณะทูตานุทูตได้รับทราบว่าไทยได้ทำการปกป้องอธิปไตยตนเอง โดยไม่มีเจตนารุกราน
ทั้งนี้ในส่วนของการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งจะกำหนดในวันที่ 4-7 สิงหาคม ได้รับการยืนยันว่า สถานที่จัดการประชุมจะจัดที่ประเทศมาเลเซีย โดยในวันที่ 4-6 สิงหาคม จะเป็นการประชุมฝ่ายเลขานุการทั้งสองฝ่าย เพื่อหารือประเด็นต่างๆ ที่จะนำมาพูดคุยในเวที GBC ในวันที่ 7 สิงหาคม ซึ่งจะเป็นการประชุมหลัก โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของทั้งสองประเทศ ซึ่งในส่วนของประเทศไทยนำโดย พล.อ. ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ทูตต่างชาติที่ร่วมลงพื้นที่ในวันนี้ นอกจากการกล่าวขอบคุณแล้ว ได้มีท่าทีสนับสนุนประเทศไทยอย่างไรบ้าง นิกรเดชตอบว่า ทูตต่างชาติไม่ได้เพียงแค่กล่าวขอบคุณ แต่ยังได้เห็นกับตาถึงความโหดร้ายที่เกิดขึ้นกับประชาชน ครอบครัว และเด็ก ๆ การลงพื้นที่ครั้งนี้จึงมีความสำคัญ เพราะไม่เพียงแต่ได้เห็นสถานที่ที่เสียหายเท่านั้น แต่ยังได้พบและพูดคุยกับญาติผู้เสียชีวิต รวมถึงประชาชนที่ต้องอพยพออกจากบ้านของตนเองด้วย
แต่หากถามว่าพวกเขารู้สึกอย่างไร ตนสามารถยืนยันได้ว่า พวกเขาเห็นใจเรา เพราะไม่มีเหตุผลใดที่ประชาชนเหล่านี้จะต้องตกเป็นเหยื่อ และไม่มีเหตุผลที่ประเทศไทยจะเป็นฝ่ายริเริ่มความขัดแย้ง ทั้งยังแสดงท่าทีสนับสนุนสิ่งที่ประเทศไทยดำเนินการ พร้อมชื่นชมการดูแลครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบที่เป็นไปอย่างเป็นระบบ โปร่งใส และคำนึงถึงความปลอดภัย
พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวเสริมว่า ในส่วนของฝ่ายทหาร ทูตทหารตั้งข้อสังเกตว่า ไม่เข้าใจเหตุผลของการโจมตีเป้าหมายพลเรือน เช่น สถานีบริการน้ำมัน เพราะเมื่อพิจารณาจากแผนที่ พื้นที่ดังกล่าวไม่ได้อยู่ใกล้เป้าหมายทางทหารเลย แม้จะไม่สามารถให้คำตอบที่ชัดเจนได้ แต่ได้เห็นจากการลงพื้นที่แล้วว่า บริเวณใกล้เคียงไม่มีเป้าหมายทางทหารอยู่เลย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าท่าทีของคณะทูตที่เดินทางมาในวันนี้เป็นไปในทิศทางที่ดีหรือไม่ นิกรเดชกล่าวว่า ทุกประเทศมีท่าทีเชิงบวกทั้งหมด โดยผู้แทนจาก 11 ประเทศ ในฐานะคณะทูตที่ได้พูดคุยกับตน ต่างแสดงความเห็นอกเห็นใจ และยืนยันว่าประเทศไทยเป็นฝ่ายถูกกระทำ เพราะไม่มีเหตุผลใดที่ประเทศไทยจะเป็นผู้ริเริ่ม
ยืนยันว่าประเทศไทยดำเนินการตามหลักการ แต่สิ่งที่กัมพูชาดำเนินการไม่อยู่บนหลักการ และไม่เคารพกฎหมายระหว่างสิทธิมนุษยชน ในวันนี้เป็นวันที่ทูตทุกคน ได้เห็นความจริงทุกอย่างในพื้นที่ เป็นการตอกย้ำว่าสิ่งที่รัฐบาลไทยพูดมาโดยตลอด ว่าเราพูดความจริง เชื่อว่า จะได้ได้รับการตอบรับที่ดี
ส่วนขั้นตอนหลังจากที่ทูตได้ลงพื้นที่ในวันนี้นั้น นิกรเดชกล่าวว่า ขั้นตอนถัดไป คือการประชุม GBC ที่จะจัดขึ้นที่ประเทศมาเลเซีย ระหว่างวันที่ 4-7 สิงหาคม ซึ่งเป็นสิ่งที่คาดหวังว่าจะนำไปสู่การเจรจาในทิศทางบวก และลดผลกระทบที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารที่ถูกต้องและมีข้อเท็จจริง ผ่านทาง Facebook ศูนย์เฉพาะกิจชายแดนไทยกัมพูชา – Team Thailand ซึ่งอัปเดตข้อมูลอย่างต่อเนื่องทุกวินาที พร้อมเชิญชวนทุกคนร่วมเป็นทีมไทยแลนด์ สนับสนุนการปกป้องอธิปไตยชาติไทย