ก่อนปะทะ “ช่องอานม้า” กำลังทหารไทยไม่เคยเข้าไปยึดพื้นที่บริเวณอนุสาวรีย์ “ตาอม”
ฝ่ายกัมพูชาวางกำลังตรึงพื้นที่ไว้อย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด!! กำลังทหารของไทยไม่เคยเข้าไปยึดพื้นที่บริเวณอนุสาวรีย์ “ตาอม”
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า บันทึกเหตุการณ์พิพาทบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา วันที่ 2 สิงหาคม 2568
ตามรายงานจากศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ได้สรุปเหตุการณ์บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ดังนี้
จากการตรวจพบการใช้อากาศยานไร้คนขับ หรือ “โดรน” ปรากฏในพื้นที่ต่าง ๆ ซึ่งส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในห้วงสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา กองทัพบกจึงยกระดับมาตรการรับมือภัยคุกคามดังกล่าวอย่างเข้มงวด หลังพบความพยายามบินตรวจการณ์พื้นที่ตั้งทางทหาร โดยได้บูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วน พร้อมทั้งอ้างอิงประกาศของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ลงวันที่ 29 กรกฎาคม 2568 ที่กำหนดห้ามบินโดรนทุกประเภท ทุกวัตถุประสงค์ และทั่วทุกพื้นที่ของราชอาณาจักร เพื่อป้องกันผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ทหารและหน่วยงานด้านความมั่นคงที่ได้รับมอบหมาย มีอำนาจในการใช้ระบบต่อต้านโดรน (Anti-Drone System) และสามารถดำเนินการทำลายโดรนจากภาคพื้นดินได้ทันที หากตรวจพบการละเมิดข้อห้ามดังกล่าว
ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการปฏิบัติในพื้นที่ “ช่องอานม้า” ก่อนเกิดเหตุปะทะจนถึงวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 กำลังทหารของไทยไม่เคยเข้าไปยึดพื้นที่บริเวณอนุสาวรีย์ “ตาอม” ได้ เนื่องจากฝ่ายกัมพูชาวางกำลังตรึงพื้นที่ไว้อย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด
เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2568 กองทัพกัมพูชาได้นำคณะทูตทหารจาก 13 ประเทศเข้าไปสังเกตการณ์ในพื้นที่ โดยพบว่าพื้นที่บริเวณอนุสาวรีย์ “ตาอม” ขณะนั้นมีกำลังทหารไทยควบคุมพื้นที่ทั้งหมดแล้ว โดยฝ่ายไทยได้ยึดแนวเส้นปฏิบัติการเป็นหลักได้เรียบร้อย ในพื้นที่ “ช่องอานม้า” เพื่อป้องกันเหตุปะทะและรักษาเสถียรภาพในพื้นที่อ่อนไหว ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงแนวทางปฏิบัติร่วมกันไว้ คือ การจัดให้มีจุดประสานงานร่วมบริเวณอนุสาวรีย์ “ตาอม”
สรุปสถานการณ์ผู้ได้รับผลกระทบ (ยอดสะสมถึงวันที่ 2 สิงหาคม 2568)
1. พลเรือน
เสียชีวิต: 17 ราย
บาดเจ็บสาหัส: 12 ราย
บาดเจ็บปานกลาง: 13 ราย
บาดเจ็บเล็กน้อย: 13 ราย
รวมทั้งสิ้น: 55 ราย
2. ทหาร
เสียชีวิต: 15 นาย
บาดเจ็บ: 199 นาย
รวมทั้งสิ้น: 214 นาย
สถานการณ์อพยพ
มีการอพยพประชาชนจากพื้นที่เสี่ยงเข้าสู่ศูนย์พักพิงใน 4 จังหวัด
ศูนย์อพยพจำนวน 653ศูนย์
รวมผู้อพยพทั้งสิ้น 101,606 คน
เมื่อวันที่ (1 ส.ค. 68) กองทัพบกและกระทรวงการต่างประเทศ นำเอกอัครราชทูต อุปทูตจาก 11 ประเทศ คณะทูตทหารจาก 23 ประเทศ และสื่อมวลชนไทย-ต่างประเทศ ลงพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา จ.อุบลราชธานีและศรีสะเกษ เพื่อรับฟังบรรยายสรุป ตรวจสอบ และสังเกตการณ์ผลกระทบต่อพลเรือนไทยจากการโจมตีด้วยอาวุธระยะไกลของกัมพูชา
โดยคณะและสื่อมวลชน เห็นชัดถึงผลกระทบต่อพลเรือน พร้อมตั้งคำถามว่า เหตุใดจึงต้องโจมตีพื้นที่ที่ไม่มีเป้าหมายทางการทหาร ขณะที่ฝ่ายกัมพูชาล้ำแดนไทยเกือบ 30 กิโลเมตร ย้ำจากความเป็นจริง ไทยดำเนินการอย่างโปร่งใส บนพื้นฐานหลักฐานและหลักมนุษยธรรม สร้างความเข้าใจข้อเท็จจริงต่อประชาคมระหว่างประเทศอย่างชัดเจน
#เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS