ประมวลภาพ ม็อบรวมพลังแผ่นดินฯ ประสานเสียงชี้เจรจาหยุดยิง ทำไทยเสียเปรียบ นัดครั้งหน้าเดินขบวนบุกทำเนียบฯ ขับไล่รัฐบาล
วันนี้ (2 สิงหาคม) บรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มคณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตยในช่วงค่ำ แกนนำต่างทยอยขึ้นเวทีปราศรัย ท่ามกลางผู้ชุมนุมที่เดินทางเข้ามาร่วมรับฟังโดยรอบพื้นที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
ขณะที่แกนนำได้เน้นย้ำถึงสถานการณ์การสู้รบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา และมองว่าการเจรจาตกลงหยุดยิงโดยไม่มีเงื่อนไข ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ของ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ทำให้ไทยเสียเปรียบทางการทหารในการยึดพื้นที่ปราสาทตาควาย พร้อมเรียกร้องให้ แพทองธาร ชินวัตร ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
‘แก้วสรร-ขวัญสรวง’ ตั้ง 4 ปมคำถาม เสนอเปลี่ยนตัวรัฐบาล
แก้วสรร อติโพธิ อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) และ ขวัญสรวง อติโพธิ อาจารย์พิเศษประจำคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขึ้นปราศรัยโดยตั้ง 4 คำถามสำคัญ คือ 1. ฮุน เซน จะหยุดหรือไม่ เพื่อรักษาบัลลังก์ตระกูลฮุน 2. ทักษิณ กับ ฮุน เซน ทะเลาะกันจริงหรือไม่ 3. อนาคตจะยกระดับเป็นสงครามได้หรือไม่ และ 4. อะไรที่ไทยต้องทำ
พร้อมย้ำว่า สิ่งที่ต้องทำคือการเปลี่ยนตัวผู้นำรัฐบาล เพื่อไม่ให้บ้านเมืองพัง ยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องการเมือง ไม่ใช่เรื่องของอำนาจ และเน้นย้ำให้ระบอบทักษิณต้องพ้นออกไป ให้แพทองธารลาออกจากตำแหน่ง
‘สมชาย’ ถามขจัด ‘ข้าศึก’ หรือ ‘ไส้ศึก’ ก่อน
ด้าน สมชาย แสวงการ อดีต สว. ระบุว่า เรามีไส้ศึกในทำเนียบรัฐบาล ในการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในการประชุมคณะรัฐมนตรี และในการสั่งให้ทหารหยุดยิง เพราะกองทัพไทยที่มีแสนยานุภาพอันดับหนึ่งในอาเซียน แต่กลับถูกกัมพูชาที่ด้อยกว่า 20 เท่า ตบหัว เนื่องจากถูกสั่งให้ยุติการปะทะในเวลาเที่ยงคืนของวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 จึงขอให้ประชาชนตัดสินใจรบระหว่างข้าศึกกับไส้ศึก และเชื่อว่า คำสั่งให้ยุติการสู้รบในการเจรจามาจาก สทร.
สมชายยังระบุด้วยว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการรบของ 2 ตระกูล ที่ทะเลาะกันเรื่องผลประโยชน์ เกาะกูด และแหล่งน้ำมันในอ่าวไทย ขณะเดียวกัน พวกตนได้ไปยื่นร้องศาลรัฐธรรมนูญให้ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หยุดปฏิบัติหน้าที่ เนื่องจากใช้อำนาจหน้าที่โดยไม่ชอบ เชื่อว่าไม่เกินกลางเดือนสิงหาคม ศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินให้แพทองธารออกไป และมั่นใจว่าวันที่ 9 กันยายนนี้ ทักษิณจะกลับไปติดคุกในคดีรักษาตัวชั้น 14 แน่นอน
“เราควรชนะในศึกสงครามไทย-กัมพูชา เพราะการเมืองอ่อนแอถึงที่สุด การเมืองรู้เห็นเป็นใจ การต่างประเทศอ่อนด้อยที่สุด วันนี้กองทัพที่รบอยู่แนวหน้ามีความเป็นเอกภาพ มีกำลังสนับสนุนเป็นพี่น้องประชาชนชาวไทยทั้ง 76 ล้านคน เราไม่มีทางแพ้ ถ้าได้รัฐบาลที่เข้มแข็ง ถ้าได้การต่างประเทศและการเมืองที่ดูแลอย่างรักชาติ วันนี้ระบอบ ฮุน-ชิน ทำลายความมั่นคงแห่งรัฐ ทำลายทหาร ทำลายการเมือง ทำลายเศรษฐกิจ และทำลายสังคม ผมเชื่อพวกเราทุกคนไม่ยอม ให้ประเทศไทยเสียแม้แต่ตารางนิ้วเดียว” สมชายกล่าว
‘เจษฎ์’ เสนอจัดระเบียบรัฐบาลใหม่ อย่าแสดงความอ่อนแอ
เจษฎ์ โทณะวณิก นักวิชาการด้านกฎหมาย กล่าวว่า ในการเจรจายุติการต่อสู้ของไทย-กัมพูชา ไม่มีใครไปเจรจาแบบที่ ภูมิธรรม ทำ พร้อมเสนอให้จัดระเบียบรัฐบาลใหม่ ให้ไทยเป็นส่วนหนึ่งของเวทีโลก อย่าแสดงความอ่อนแอ ให้ยกเลิก MOU43, MOU44 และทวิภาคี ไม่มีการเจรจากับกัมพูชา รวมถึงปฏิเสธการยกร่างรัฐธรรมนูญที่จะแก้ไขทุกหมวด
“ไม่ว่าประเทศเราจะเล็ก หรือประเทศเราจะใหญ่ แต่เราเป็นปึกแผ่นมาช้านาน ไม่เคยเสียเอกราชให้ใครนับแต่ราชวงศ์จักรีปกครองบ้านเมืองนี้ สถาบันพระมหากษัตริย์ที่เรามีอยู่ทำให้บ้านเมืองเราไม่เคยแพ้ใคร วันนี้ ณ ที่แห่งนี้ธรณีเป็นพยานว่า เราจะไม่แพ้ จะไล่ศัตรูออกจากบ้านเรา ทั้งพรรคเพื่อไทย พรรคร่วมรัฐบาล และพรรคประชาชนที่ย่ำยีทหารอยู่ทุกวันที่ต้องการให้เรารักษาเขมร เพราะเซาะกร่อนบ่อนทำลายบ้านเมืองเราจนพินาศเหมือนกัน ไล่พวกมันออกไป” เจษฎ์กล่าว
‘จตุพร’ ชี้เจรจายุติหยุดยิงในช่วงเสียเปรียบ ทำไทยเสียดินแดน
จตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน ขึ้นกล่าวปิดการชุมนุมว่า คืนนี้เป็นคืนแห่งความเศร้าสลด เพราะในการปราศรัยเมื่อคืนวันที่ 28 มิถุนายน ตนได้ประกาศว่าในรัชกาลที่ 10 จะต้องไม่เสียดินแดนแม้แต่ตารางนิ้วเดียว แต่บัดนี้ประเทศเราที่มีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และไม่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กลับไปเจรจาที่ประเทศมาเลเซีย ในวันที่ 28 กรกฎาคม วันเฉลิมพระชนมพรรษา รัชกาลที่ 10 โดยมีผลลัพธ์ คือ การเสียดินแดน
ส่วนตัวเชื่อว่า กัมพูชารู้เห็นกับจีน มาเลเซีย และสหรัฐอเมริกา ใน 3 ข้อตกลง โดยเฉพาะการเจรจาหยุดยิงในเที่ยงคืน ทำให้ไทยเสียเปรียบกัมพูชาและไม่สามารถมองว่าภูมิธรรมเป็นคนไทยได้อีกต่อไป พร้อมเสนอว่า ในเมื่อกัมพูชายังไม่ยอมยุติการโจมตี ให้ฉีกสัญญาไปยึดปราสาทตาควาย เพราะหากไม่ทำจะขับไล่ภูมิธรรมเช่นกัน
“ถ้าเรามีผู้นำมีรัฐบาลที่เขาเอาชาติ เอาบ้าน เอาเมือง ใครมันจะโง่ไปเจรจาหยุดยิงทั้งที่รู้ว่ายุทธภูมิหนึ่งเรากำลังเสียเปรียบ เราชนะสิบยุทธภูมิ แต่ยุทธภูมิหนึ่งเราเพลี่ยงพล้ำ เราต้องจัดการที่ปราสาทตาควายจะเสียเวลา 2 วัน 3 วัน ก็ไม่มีปัญหา แต่การจงใจจะหยุดยิงวันนั้น มันคือการทำลายหัวใจคนไทยทั้งชาติ ยากที่จะให้อภัย” จตุพรกล่าว
จตุพรกล่าวด้วยว่า ตั้งแต่กรณีปราสาทตาควาย ภูมิธรรมยังไม่ได้ออกมาขอโทษประชาชนและแสดงความรับผิดชอบใดๆ เราจะทนให้รัฐบาลพาประเทศนี้ไปสู่ความเสียหายได้อย่างไร ทั้งนี้ภารกิจของเราคือการแสดงพลัง ตนรู้ว่าทุกคนอยู่ในสถานะที่ยากลำบาก แต่เราจะลำบากกว่านี้ ถ้าเราสิ้นชาติ ไม่มีบ้านเมือง เสียอธิปไตย
“ตั้งแต่เขา (ทักษิณ) กลับมา มีอะไรดีกับบ้านเมืองไหม เขาไม่มา เราจะมีปัญหากับกัมพูชาที่เขาดีกันที่สุดหรือไม่ วันนี้กลายเป็นหายนะของชาติ เรื่องบ่อนนี้ยอมถอย แต่เรื่องผลประโยชน์ข้างหน้า ถ้าพี่น้องคนไทยเราไม่มีความแข็งแรงจริงๆ เราสู้พวกนี้ไม่ได้ เราจึงต้องแสดงพลังอีกครั้งใหญ่จะไม่หยุดอยู่กับที่ จะเดินไปยังเป้าหมาย ครั้งหน้าคือการออกมานัดขับไล่รัฐบาลเจอกันอนุสาวรีย์ฯ เดินไปทำเนียบรัฐบาล”
จากนั้น คณะรวมพลังแผ่นดินฯ ได้ขึ้นเวที ร่วมร้องเพลงเราสู้ เพลงบ้านเกิดเมืองนอน และเพลงสรรเสริญพระบารมี ก่อนปิดการชุมนุม