ประโยชน์ “แคร์รอต” ต้านมะเร็ง เคล็ดลับปรุงให้ได้เบตาแคโรทีนสูงสุด
แคร์รอต จัดเป็นผัก และเป็นส่วนของรากต้นแคร์รอตที่อยู่ใต้ดิน เป็น พืชในแถบเอเชียตะวันออกและเอเชียกลาง นิยมรับประทานทั่วโลก เพราะมีรสชาติหวานกรอบ ซึ่งจริงแล้วแคร์รอต มีหลากหลายขนาดทั้งเล็กและใหญ่ หลายสี เช่น สีเหลือง สีม่วง แต่ที่นิยมรับประทานนั้นจะเป็นแคร์รอตสีส้ม นำมาประกอบอาหารได้อย่างหลากหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็นของคาวหรือของหวาน รวมไปถึงเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพด้วย
12 ผักที่ไม่ควรกินดิบ เป็นพิษมากกว่าประโยชน์ แนะปรุงสุกปลอดภัยกว่า!
ประโยชน์“หัวไชเท้า” ผักวิตามินซีสูง เปิดสาเหตุทำไมกินดิบดีกว่า
แคร์รอต อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่มีประโยชน์ เช่น เบตาแคโรทีน วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินซี วิตามินอี ธาตุแคลเซียม ธาตุโพแทสเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก และยังมีสารสำคัญคือสาร “ฟอลคารินอล” (falcarinol) ซึ่งช่วยต่อต้านเซลล์มะเร็ง เป็นต้น
ประโยชน์ของแคร์รอต
- บำรุงสายตา เพราะในแคร์รอตอุดมไปด้วยสารเบต้าแคโรทีน หนึ่งในวิตามินที่ร่างกายต้องการอีกทั้งมีประโยชน์ที่ช่วยในเรื่องของการบำรุงสายตาของเราด้วย
- ช่วยป้องกันมะเร็ง โดยเฉพาะการก่อตัวของมะเร็งปอด ซึ่งมีฤทธิ์ต้านมะเร็งได้เป็นอย่างดี
- เพิ่มประสิทธิภาพให้กับระบบไหลเวียนของเลือด สารในแคร์รอตจะเข้าไปกำจัดไขมันที่เกาะสะสมอยู่ในเส้นเลือด ซึ่งช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น
- รักษาระดับน้ำตาลในเส้นเลือด เนื่องจากในแคร์รอตมีสารแคโรทีนอยด์ ที่จะเข้าไปช่วยรักษาสมดุลระดับน้ำตาลในเส้นเลือดของคุณนั่นเอง
- ปรับปรุงระบบย่อยอาหาร เสริมสร้างประสิทธิภาพการทำงานให้กับระบบย่อยอาหาร ซึ่งช่วยให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้มากขึ้น
- บำรุงผิว ในแคร์รอตชุ่มช่ำไปด้วยน้ำ เมื่อคุณทานเข้าไปก็เท่ากับว่าร่างกายได้รับน้ำเพิ่มมากขึ้นด้วย ไม่เพียงเท่านั้น ยังช่วยบำรุงเส้นผมด้วย
- เสริมความแข็งแรงของฟัน ในระหว่างที่คุณกำลังกัด ขบ เคี้ยวแคร์รอต ถือเป็นการเสริมสร้างสุขภาพฟันให้ดีขึ้นด้วย
- เพิ่มประสิทธิภาพให้กับภูมิคุ้มกัน มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย อีกทั้งมีคุณสมบัติในการสร้างเนื้อเยื่อ ทำให้แผลหายเป็นปกติรวดเร็วมากขึ้น ไม่ว่าจะกินแบบดิบ ๆ หรือผ่านการปรุงสุกมาแล้วก็ตาม
- มีฤทธิ์ขับพยาธิ ช่วยในการขับถ่ายพยาธิได้เช่นเดียวกัน อีกทั้งยังเป็นการรักษาที่ไม่มีสารเคมีตกค้างในร่างกายด้วย
- ของว่างเพื่อสุขภาพ คนส่วนใหญ่มักจะคิดว่าแคร์รอตสามารถนำไปประกอบอาหารคาวได้เพียงอย่างเดียว ซึ่งจริง ๆ แล้วแคร์รอตสามารถนำมาทำขนมได้เหมือนกัน เช่น ขนมปังโฮลวีทแคร์รอต เค้กแคร์รอต หรือ เบบี้แคร์รอตจิ้มกับดริปซอสก็เป็นตัวเลือกที่ดีเลย
วิธีทานแคร์รอตให้ได้ประโยชน์สูงสุด
มีคำแนะนำว่าควรปรุงให้สุก เนื่องจากแคร์รอตมีผนังเซลล์ที่แข็ง การรับประทานแบบดิบ ๆ จะได้รับประโยชน์ไม่เต็มที่ และมีคำแนะนำว่าควรรับประทานแคร์รอตร่วมกับอาหารที่มีไขมัน เนื่องจากเบตาแคโรทีนละลายได้ดีในไขมัน จึงทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมสารเบต้าแคโรทีนได้มากกว่าครึ่งจากการรับประทานปกติ
มีงานวิจัยล่าสุดออกมาว่าไม่ควรหั่นแคร์รอตเป็นชิ้น ๆ ก่อนนำมาปรุงอาหาร เพราะจะทำให้สูญเสียประสิทธิภาพของสารฟอลคารินอล ดังนั้นถ้าอยากให้สารอาหารครบถ้วนก็ไม่ควรนำแคร์รอตไปหั่นก่อนการปรุงอาหาร แต่ควรนำมาหั่นหลังปรุงอาหารเสร็จแล้วจะดีกว่า แคร์รอต มีประโยชน์มากมายหลากหลาย แต่อย่าลืมทานอาหารให้หลากหลายและครบ 5 หมู่ควบคู่ไปด้วย