รายงานชี้หยวนสะสมบทบาทสกุลเงินสากล เตือนสเตเบิลคอยน์ผูก$คุกคามการเงินโลก
ผลศึกษาใหม่พบหยวนมีอิทธิพลมากขึ้นและช่วยกำหนดระเบียบการเงินโลกใหม่อย่างค่อยเป็นค่อยไป ขณะที่ความพยายามของวอชิงตันในการผลักดันสเตเบิลคอยน์ที่ผูกกับดอลลาร์เพื่อครอบงำระบบการเงินดิจิทัลอาจนำไปสู่ความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจและการเงินโลก
รายงานของมหาวิทยาลัยเหรินหมินที่เผยแพร่ในงานอินเตอร์เนชันแนล โมเนเทอรี ฟอรัมประจำปี 2025 ที่เหรินหมินร่วมกับมหาวิทยาลัยหนานไคจัดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ (27 ก.ค.) ระบุว่า บทบาทของหยวนในเวทีโลกยังคงเพิ่มขึ้นแม้ไม่สม่ำเสมอ และยังคงมีส่วนร่วมในการปรับปรุงระเบียบการเงินโลกอย่างช้าๆ โดยดัชนีความเป็นสากลของหยวนซึ่งติดตามการใช้สกุลเงินทั่วโลก เพิ่มขึ้นราว 11% เป็น 6.06% ในปีที่ผ่านมา
ส่วนดอลลาร์มีคะแนน 51.13% ลดลงจาก 51.52% ในปี 2023 ขณะที่ยูโรลดลงถึง 3.8% อยู่ที่ 24.07%
หยวนได้คะแนนสูงกว่าทั้งเยนและปอนด์ที่อยู่ที่ 4.47% และ 3.69% ตามลำดับ รายงานฉบับนี้ยังคาดว่า หยวนจะทิ้งห่างสองสกุลนี้มากขึ้น
เซาธ์ ไชน่า มอร์นิง โพสต์รายงานว่า พัฒนาการนี้เป็นผลมาจากการที่จีนสนับสนุนการใช้เงินหยวนทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทุ่มเทความพยายามในการจัดการความเสี่ยงจากการไหลเวียนของเงินทุนข้ามพรมแดน
ผู้จัดทำรายงานระบุว่า ผลกระทบจากปัจจัยทางภูมิเศรษฐศาสตร์ไม่ได้กดดันเฉพาะภาคเศรษฐกิจจริงและตลาดการเงินของจีนเท่านั้น แต่ยังทำให้ระบบการค้าและการลงทุน ห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก และตลาดการเงินระหว่างประเทศสะดุด
“การส่งเสริมความเป็นสากลของหยวนและการใช้ประโยชน์จากการดำเนินการนี้เพื่อผลักดันการปฏิรูประบบการเงินโลกคือกลยุทธ์สำคัญในการลดความเสี่ยงทางภูมิเศรษฐศาสตร์”
รายงานเพิ่มเติมว่า แนวโน้มขาขึ้นของหยวนยังคงไม่เปลี่ยนแปลง และกำลังขับเคลื่อนการปรับปรุงสภาวะแวดล้อมทางการเงินระหว่างประเทศอย่างค่อยเป็นค่อยไป
อย่างไรก็ตาม ผู้เข้าร่วมประชุมบางคนกังวลว่า อิทธิพลที่เพิ่มมากขึ้นของสเตเบิลคอยน์ที่ผูกกับดอลลาร์อาจส่งเสริมการครอบงำของดอลลาร์มากขึ้นและนำไปสู่ความเสี่ยงใหม่ๆ
เฉิน ยู่หลู อดีตรองผู้ว่าการพีเพิลส์ แบงก์ ออฟ ไชน่าหรือแบงก์ชาติจีน ชี้ว่า ถ้าแนวโน้มนี้ดำเนินต่อไปโดยไม่มีการตรวจสอบและควบคุม อาจสร้างความเสี่ยงเชิงระบบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจและการเงินโลก
เฉินที่ปัจจุบันเป็นประธานมหาวิทยาลัยหนานไค เตือนว่า แนวโน้มดังกล่าวอาจทำให้เกิดความเสี่ยงร้ายแรงจากความผันผวนของสินทรัพย์รายการเดียวคือสเตเบิลคอยน์ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อดอลลาร์และพันธบัตรคลังสหรัฐฯ และลามไปถึงระบบนิเวศคริปโตโดยรวม หรือแม้กระทั่งตลาดการเงินโลก
แม้สเตเบิลคอยน์สามารถผูกกับค่าเงินเฟียตสกุลใดก็ได้ แต่ปัจจุบันสเตเบิลคอยน์กว่า 99% ผูกกับดอลลาร์หรือสินทรัพย์สกุลเงินดอลลาร์ ซึ่งมากกว่าสัดส่วนของดอลลาร์ในระบบการชำระเงินทั่วโลกที่อยู่ที่ราว 50% และในทุนสำรองเงินตราต่างประเทศทั่วโลกที่ 58%
ต้นเดือนกรกฎาคม สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมายสเตเบิลคอยน์ที่ได้รับการลงนามโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เพื่อบังคับใช้เป็นกฎหมายแล้ว ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่มีการกำหนดกฎระเบียบกำกับดูแลสเตเบิลคอยน์ที่ผูกกับดอลลาร์
ในงานประชุมดังกล่าว หลี่ หลี่ฮุย อดีตประธานแบงก์ ออฟ ไชน่า กล่าวว่า การเดินเกมของวอชิงตันมีเป้าหมายในการยึดโยงสเตเบิลคอยน์กับดอลลาร์เพื่อรักษาอำนาจครอบงำทางการเงินและการคลังทั่วโลกของอเมริกาในยุคดิจิทัล รวมทั้งเพื่อกระตุ้นความต้องการที่มีต่อพันธบัตรคลังสหรัฐฯ
หลี่เตือนว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจทำให้ระบบการเงินดั้งเดิมเสี่ยงได้รับผลกระทบจากตลาดสินทรัพย์คริปโต กล่าวคือหากอเมริกาไม่สามารถจัดการภาวะขาดดุลแฝด ซึ่งหมายถึงการขาดดุลการคลังและการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดพร้อมกันได้ อาจจุดชนวนวิกฤตการเงิน ขณะที่เศรษฐกิจและดอลลาร์ที่ไร้เสถียรภาพของอเมริกาอาจบ่อนทำลายเสถียรภาพของสเตเบิลคอยน์อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO