เที่ยวไทยคนละครึ่ง ทะลุ 3 แสนสิทธิแล้ว ททท.คาดกลางเดือน ส.ค.นี้ใช้สิทธิเต็ม
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า โครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง 2568 ที่รัฐบาลสมทบค่าโรงแรมห้องพักในอัตรา 50% ซึ่งสามารถใช้เดินทางท่องเที่ยวในประเทศตั้งแต่วันที่ 4 กรกฎาคม ที่ผ่านมา โดยจากข้อมูลล่าสุดพบว่า ประชาชนลงทะเบียนสำเร็จ 1,998,397 ราย มีการใช้สิทธิจองห้องพักและชำระเงินแล้วเสร็จ จำนวน 315,788 สิทธิ
ทำให้มีสิทธิคงเหลืออยู่เพียง 184,212 สิทธิ ซึ่งถือเป็นอัตราการใช้สิทธิเข้าร่วมโครงการที่เร็วกว่าคาดการณ์ไว้ จากเดิมคาดว่าสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้ สิทธิจะถูกใช้หมดประมาณ 2.5 แสนสิทธิ แต่ขณะนี้ถูกใช้ไป 3 แสนกว่าสิทธิแล้ว ทำให้คาดว่ากลางเดือนสิงหาคมนี้ สิทธิที่เหลืออยู่จะถูกใช้จนหมดทั้ง 5 แสนสิทธิตามที่กำหนดไว้
"โครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง สามารถใช้สิทธิเดินทางท่องเที่ยวเข้าโรงแรมที่พักได้ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2568 ซึ่งเชื่อว่าสิทธิจะถูกใช้อย่างรวดเร็ว เพราะรูปแบบโครงการครั้งนี้ ประชาชนสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการได้แบบไม่จำกัดจำนวน สิทธิจะหมดลงก็ต่อเมื่อมีประชาชนที่เข้าร่วมโครงการใช้สิทธิจองและจ่ายเงินกับโรงแรมสำเร็จแล้วเท่านั้น
ทำให้หากสิทธิหมดลงตามที่คาดไว้คือ กลางเดือนสิงหาคมนี้ ประชาชนยังมีเวลาเที่ยวได้อีกกว่า 3 เดือน จึงอยากให้ใช้สิทธิจองห้องพักเร็วที่สุด เพราะสิทธิเหลือน้อยแล้ว” นางสาวฐาปนีย์ กล่าว
สำหรับโอกาสในการขยายโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่งเฟส 2 ต่อเนื่องจากเฟสแรกที่เสียงตอบรับค่อนข้างดี สะท้อนจากจำนวนสิทธิที่ถูกใช้ในอัตราเร็วขึ้นช่วงปลายเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมา ทำให้หากจำนวนสิทธิถูกใช้ครบ 5 แสนสิทธิแล้ว จะมีการพิจารณางบประมาณที่เหลือจากการใช้จ่ายค่าโรงแรมและร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ ว่าเหลืออยู่มากน้อยเท่าใด หากเป็นตัวเลขที่เหมาะสมจะนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขยายเป็นเฟส 2 ออกมา
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับงบประมาณที่มีอยู่ด้วย ซึ่งจากข้อมูลเบื้องต้นพบว่า ประชาชนใช้สิทธิจองโรงแรมราคาเฉลี่ยอยู่ประมาณ 1,000-2,000 บาท หากบวกส่วนที่ต้องจ่ายทั้งจากประชาชนและรัฐบาลสมทบให้ 50% เท่ากับห้องพักมีราคา 2,000-4,000 บาท ขึ้นอยู่กับว่าเป็นพื้นที่ใด ซึ่งราคายังไม่ชนเพดานสูงสุดที่กำหนดไว้ 3,000 บาทต่อคืน คาดว่าจะมีงบประมาณเหลืออยู่ แต่จะมากน้อยอย่างไรต้องสรุปผลหลังสิทธิถูกใช้ครบก่อน
ในส่วนของจำนวนผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ ได้รับการอนุมัติแล้ว จำนวน 7,222 ราย แบ่งเป็นโรงแรม/ที่พัก 3,848 ราย ร้านอาหาร 2,950 ราย แหล่งท่องเที่ยว 94 ราย สปา/สุขภาพ 144 ราย โอทอป 126 ราย รถเช่า/เรือเช่า 60 ราย ซึ่งยังมีผู้ประกอบการที่รอรับการอนุมัติเพิ่มเติมอีกบางส่วนด้วย