โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ศูนย์ CDC ป.ป.ช. ขยับเกมต้านโกง ใช้โซเชียลเป็นเรดาร์ตรวจจับทุจริต

TNN ช่อง16

เผยแพร่ 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา
สำนักงาน ป.ป.ช. เปิดบทบาท “ศูนย์ CDC” ใช้ Social Listening จับสัญญาณทุจริตจากโซเชียลมีเดีย ป้องกันความเสียหายงบประมาณภาครัฐก่อนสาย

ศูนย์ CDC เกราะป้องกันทุจริตยุคใหม่ เมื่อเสียงในโซเชียลมีเดียกลายเป็นเครื่องเตือนภัยรัฐ

ในโลกที่ข้อมูลหมุนเร็วกว่าเอกสารราชการ การเฝ้าระวังทุจริตไม่อาจรอคอยการร้องเรียนแบบเดิมได้อีกต่อไป นั่นคือที่มาของ "ศูนย์ต้องปรามการทุจริตแห่งชาติ" หรือ CDC (Corruption Detailing Center) หน่วยเฝ้าระวังเชิงรุกของสำนักงาน ป.ป.ช. ที่ออกแบบขึ้นเพื่อลดความเสียหายทางงบประมาณ ด้วยการติดตามความเคลื่อนไหวที่อาจสุ่มเสี่ยงต่อการทุจริตตั้งแต่เนิ่น ๆ

จุดเริ่มต้นของ CDC ป้องกันก่อนเกิดปัญหา

ฐิติวรดา เอกบงกชกุล ผู้อำนวยการสำนักเฝ้าระวังและประเมินสภาวะการทุจริต อธิบายว่า ศูนย์ CDC ถือกำเนิดจากมาตรา 35 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ซึ่งเปิดช่องให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. สามารถเข้าไปตรวจสอบหากพบความผิดปกติหรือความเสี่ยงจากหน่วยงานภาครัฐ

ต่างจากงานปราบปรามที่ต้องรอเรื่องร้องเรียน CDC ทำหน้าที่เชิงรุก โดยอาศัยการ "มอนิเตอร์ข้อมูล" และ "วิเคราะห์สัญญาณ" จากหลายแหล่ง ทั้งสื่อออนไลน์ รายงานข่าว และข้อมูลจากเครือข่ายภาคประชาชน เพื่อชี้จุดอ่อนที่อาจก่อให้เกิดการทุจริต โดยเฉพาะในโครงการที่ใช้งบประมาณจำนวนมาก

Social Listening เปลี่ยนเสียงในโซเชียลให้เป็นเข็มทิศรัฐ

ด้วยการเติบโตของโซเชียลมีเดียและการใช้งานสมาร์ตโฟนในสังคมไทย การร้องเรียนและการตั้งคำถามเกี่ยวกับโครงการภาครัฐจึงไม่ได้จำกัดอยู่เพียงช่องทางราชการอีกต่อไป เสียงวิจารณ์ในเพจหรือกลุ่มออนไลน์ เช่น "ต้องแฉ", "Storm ประเทศไทย" หรือ "หมาเฝ้าบ้าน" มักกลายเป็นสัญญาณสำคัญที่ศูนย์ CDC หยิบไปต่อยอด

เมื่อพบประเด็นที่เข้าข่ายสุ่มเสี่ยง ศูนย์จะส่งต่อข้อมูลให้สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยมีทั้งการสอบถามหน่วยงานเจ้าของโครงการ การลงพื้นที่จริง และการให้ข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายตามมา

เคสหอชมเมืองสมุทรปราการ โซเชียลตั้งคำถาม ป.ป.ช.ลงตรวจสอบ

หนึ่งในกรณีศึกษาที่แสดงให้เห็นถึงบทบาทเชิงรุกของศูนย์ CDC อย่างเป็นรูปธรรมคือโครงการ "หอชมเมืองสมุทรปราการ" ซึ่งใช้งบประมาณกว่า 600 ล้านบาท เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี 2555 โดยมีเป้าหมายเป็นศูนย์เรียนรู้และแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดสมุทรปราการ แต่กลับถูกทิ้งไว้โดยไม่เปิดใช้งานจริงเป็นเวลานานนับสิบปี

กระทั่งในปี 2565 เพจ "ต้องแฉ" ได้เผยแพร่ภาพและตั้งคำถามในโซเชียลมีเดียว่าเหตุใดอาคารที่ดูเสร็จสมบูรณ์แล้วจึงยังไม่เปิดให้บริการ สร้างความสนใจและความสงสัยในหมู่ประชาชนเป็นวงกว้าง ศูนย์ CDC จึงนำข้อมูลเข้าสู่ระบบเฝ้าระวัง และส่งเรื่องต่อให้สำนักงาน ป.ป.ช. จังหวัดสมุทรปราการตรวจสอบข้อเท็จจริง

จากการลงพื้นที่พบว่า ตัวอาคารหลักของโครงการนั้นแล้วเสร็จตามแบบแปลน แต่ยังมีสัญญาย่อยอีกจำนวนมากที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ เช่น ระบบปรับอากาศ การติดตั้งไฟฟ้า การตกแต่งภายใน และระบบเชื่อมต่อทางเดินกับสถานีรถไฟฟ้า BTS ซึ่งทั้งหมดนี้ถูกแยกของบประมาณและดำเนินการในช่วงเวลาต่างกัน ส่งผลให้การตรวจรับงานและการเปิดใช้อย่างเป็นทางการล่าช้าออกไป แม้ว่าส่วนหลักจะพร้อมใช้งานแล้วก็ตาม

อีกปัญหาหนึ่งที่ตรวจพบคือการบริหารโครงการในลักษณะขาดความเป็นระบบ กล่าวคือ การจัดสรรงบประมาณแยกออกเป็นหลายเฟส โดยไม่ได้วางแผนโครงสร้างโครงการแบบองค์รวม ทำให้บางสัญญาเสร็จแล้วใช้งานไม่ได้เพราะต้องรอองค์ประกอบย่อยที่ยังไม่พร้อม เช่น การเดินสายไฟหรือการเชื่อมระบบรักษาความปลอดภัย ซึ่งเป็นตัวอย่างของการวางแผนที่ไม่ตอบสนองเป้าหมายของประชาชน

ฐิติวรดา เอกบงกชกุล ผู้อำนวยการสำนักเฝ้าระวังและประเมินสภาวะการทุจริต กล่าวว่ากรณีหอชมเมืองสมุทรปราการเป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่สะท้อนให้เห็นความจำเป็นของกลไกเชิงรุกอย่างศูนย์ CDC ที่สามารถรับสัญญาณจากสังคมและลงตรวจสอบก่อนที่ความเสียหายจะลุกลาม "การที่ประชาชนมีคำถามในพื้นที่สาธารณะและเราสามารถเข้าไปตอบคำถามเหล่านั้นด้วยข้อเท็จจริง คือจุดเปลี่ยนของวัฒนธรรมราชการที่เคยนิ่งเฉยต่อเสียงในโซเชียล"

หลังจากที่ ป.ป.ช. ลงพื้นที่และให้ข้อเสนอแนะ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงเร่งปรับกระบวนการตรวจรับและเปิดให้ใช้งานในส่วนที่พร้อม โดยเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2565 ได้เปิดให้ประชาชนเข้าชมหอชมเมืองโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายจนถึงสิ้นเดือนตุลาคม และเริ่มเก็บค่าบริการในเดือนพฤศจิกายน

กรณีนี้จึงกลายเป็นตัวอย่างสำคัญของการฟังเสียงประชาชนผ่านโซเชียลมีเดีย แล้วแปลงเป็นการปฏิบัติของรัฐผ่านกลไกตรวจสอบเชิงรุก ซึ่งช่วยให้โครงการขนาดใหญ่ที่เคยติดขัดกลับมาบรรลุวัตถุประสงค์ได้อย่างแท้จริง

ลักษณะโครงการทุจริต ย่อยงบ แยกช่วงเวลา วางแผนไม่ชัดเจน

จากกรณีหอชมเมือง ข้อมูลจาก ป.ป.ช. ชี้ให้เห็นว่าโครงการที่สุ่มเสี่ยงต่อการทุจริตมักมีลักษณะร่วมกันหลายประการ โดยเฉพาะการแยกงบประมาณออกเป็นหลายช่วงหรือหลายเฟสอย่างไม่เป็นระบบ เช่น มีการดำเนินการบางสัญญาในปีงบประมาณหนึ่ง แล้วค่อยทยอยขอเพิ่มงบประมาณสำหรับสัญญาอื่นในปีถัดไป ทำให้การดำเนินโครงการไม่สามารถเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง

การแยกงบเช่นนี้สร้างความยุ่งยากในการบริหารจัดการ เพราะแต่ละสัญญามีผู้รับเหมาต่างกัน วัตถุประสงค์ต่างกัน และระยะเวลาดำเนินการไม่สัมพันธ์กัน ส่งผลให้โครงการหลักไม่สามารถเปิดใช้งานได้ตามกำหนด ทั้งที่บางส่วนอาจแล้วเสร็จแล้ว ขณะที่อีกหลายส่วนยังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง การตรวจรับ หรือรอเอกสารประกอบอื่น ๆ

อีกปัญหาหนึ่งที่พบบ่อยคือ การขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดในสัญญา เช่น การขยายระยะเวลาดำเนินงาน แก้ไขแบบแปลน หรือเปลี่ยนวัสดุ ซึ่งบางครั้งเป็นผลจากการวางแผนที่ไม่รอบคอบตั้งแต่ต้น หรือการเลือกใช้ผู้รับเหมาที่เสนอราคาต่ำสุดแต่ไม่มีความพร้อมทางด้านเทคนิคและการเงิน

ลักษณะเช่นนี้ยังนำไปสู่ปัญหาความล่าช้า คุณภาพงานต่ำ และในบางกรณีผู้รับเหมาถึงขั้นทิ้งงานกลางคัน สร้างภาระให้รัฐต้องหาผู้รับเหมารายใหม่มาแก้ไขและดำเนินการต่อ ซึ่งไม่เพียงเพิ่มต้นทุนงบประมาณ แต่ยังทำให้ประชาชนเสียโอกาสในการเข้าถึงบริการสาธารณะที่ควรจะได้

ศูนย์ CDC พบว่า โครงการที่มีลักษณะสุ่มเสี่ยงเช่นนี้ มักเกี่ยวข้องกับการวางแผนที่ไม่มีการประเมินความพร้อมของพื้นที่ การขาดการมีส่วนร่วมของประชาชนในขั้นตอนการกำหนดความต้องการ และการออกแบบ TOR ที่เปิดช่องให้มีการเปลี่ยนแปลงตามมาในภายหลัง เป็นช่องโหว่สำคัญที่ต้องจับตาและวางระบบป้องกันตั้งแต่ต้นทาง

ถอดบทเรียน เฝ้าระวังตั้งแต่ต้นทาง ลดภาระการปราบปราม

ฐิติวรดา เอกบงกชกุล กล่าวว่าประสบการณ์กว่า 3 ปีของศูนย์ CDC ทำให้สำนักงาน ป.ป.ช. สามารถรวบรวมข้อมูลซ้ำซากของความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างของรัฐ และนำมาสังเคราะห์เป็น "คู่มือวิเคราะห์ความเสี่ยงเชิงระบบ" เพื่อใช้เป็นแนวทางสำหรับเจ้าหน้าที่ในระดับพื้นที่ โดยครอบคลุมทุกขั้นตอนของวงจรโครงการ ได้แก่ การตั้งคำของบประมาณ การจัดทำข้อกำหนดขอบเขตงาน (TOR) การประกาศจัดซื้อจัดจ้าง การประเมินคุณสมบัติผู้รับจ้าง การลงนามสัญญา การควบคุมงานระหว่างก่อสร้าง ไปจนถึงการตรวจรับและการจ่ายเงินงวดงาน

คู่มือดังกล่าวไม่ได้ใช้เพียงเชิงทฤษฎี แต่เป็นเครื่องมือที่ CDC ออกแบบให้ใช้งานจริง มีรายการตรวจสอบและตัวอย่างประเด็นความเสี่ยง เช่น TOR ที่เขียนลักษณะเฉพาะเกินจริง การกำหนดคุณสมบัติแบบเปิดช่อง การเปลี่ยนแปลงขอบเขตงานโดยไม่มีหลักฐานรองรับ หรือการตรวจรับงานที่ไม่มีการลงพื้นที่ของเจ้าหน้าที่ควบคุม

เมื่อเจ้าหน้าที่รัฐรู้ว่ามีกลไกตรวจสอบรออยู่ การกระทำที่สุ่มเสี่ยงย่อมถูกยับยั้งด้วยแรงกดดันจากทั้งระบบราชการ ภาคประชาชน และหน่วยงานกำกับดูแล ในขณะเดียวกัน หากประชาชนรับรู้ว่าตนเองสามารถส่งข้อมูลได้โดยไม่ถูกเปิดเผยตัวตน ความร่วมมือในสังคมจะยิ่งแข็งแรงขึ้น

การที่ศูนย์ CDC สามารถลงไปสกัดความเสี่ยงก่อนที่เหตุจะลุกลามไปสู่คดีทุจริต ยังช่วยลดภาระของฝ่ายไต่สวนอย่างมีนัยสำคัญ เพราะกระบวนการสืบสวนสอบสวนในภายหลังต้องอาศัยเวลานาน งบประมาณสูง และอาจไม่สามารถฟื้นฟูความเสียหายที่เกิดขึ้นได้ทั้งหมด ดังนั้นหากสามารถทำให้โครงการปรับแก้เบี่ยงเบนได้ก่อนจะผิดกฎหมาย ย่อมเป็นประโยชน์กับรัฐทั้งในเชิงงบประมาณ เวลา และความเชื่อมั่นของสาธารณชน

ช่องทางประชาชนร่วมสอดส่อง

ผู้สนใจสามารถส่งเบาะแสหรือข้อมูลโครงการที่น่าสงสัยมายังศูนย์ CDC ได้หลายช่องทาง ทั้งสายด่วน 1205 เว็บไซต์ www.nacc.go.th หรือสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัด โดยไม่จำเป็นต้องเปิดเผยตัวตน หากมีข้อมูลครบถ้วน เช่น ชื่อหน่วยงาน สถานที่โครงการ ลักษณะพฤติกรรม หรือภาพถ่ายที่ชี้ข้อผิดปกติ

ศูนย์ CDC ยังติดตามข้อมูลจากสื่อมวลชนและกลุ่มสังคมออนไลน์อย่างต่อเนื่อง หากพบความเคลื่อนไหวที่มีมูล ก็จะเร่งตรวจสอบและส่งต่อให้พื้นที่ทันที เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น

บทบาทของศูนย์ CDC ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือของรัฐในการควบคุมการทุจริต แต่ยังเป็นเวทีให้ประชาชนทุกคนมีส่วนร่วมในการสอดส่องการใช้งบประมาณสาธารณะ เมื่อเสียงในโลกออนไลน์สามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในโลกแห่งความจริง ความหวังที่จะเห็นระบบราชการโปร่งใสและมีประสิทธิภาพก็ไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันอีกต่อไป

ในยุคที่งบประมาณแผ่นดินต้องใช้ด้วยความคุ้มค่าและตรวจสอบได้ ศูนย์ CDC คือการลงทุนทางกลไกที่สำคัญที่สุดในการหยุดยั้งการทุจริตตั้งแต่ก่อนจะเกิด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก TNN ช่อง16

ความเสี่ยงทางการเมือง ฉุดรั้งอนาคตเศรษฐกิจไทย?

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

อิสราเอลสั่งอพยพปะชาชนในกาซา ไปยังเขตมนุษยธรรม

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ส่งแรงใจเชียร์ “WBC มวยไทย ไทยแลนด์” ลุ้นทอง 3 รุ่น

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

“สองล้อ” เสริมวิทย์กีฬาเฉพาะด้านให้นักปั่นทีมชาติชุดเตรียมซีเกมส์

3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

น้องสาวอดีตผกก.โจ้ วอนตำรวจช่วยไขปริศนาการเสียชีวิตของพี่ชาย

สยามรัฐ

ตามรวบโจรลักตัดสายไฟ โรงงานรีไซเคิลขยะทุนจีน เสียหายหลักล้านบาท

tvpoolonline.com

50 ปีทองแห่งความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน

สำนักข่าวไทย Online
วิดีโอ

พี่ปอน กู้ภัยฯ แบกมา 5 โลง ขอออกกฎเหล็ก ขึ้นมาแล้วอย่าขยับ ยื่นหัว ยื่นแขนมาให้เห็น

BRIGHTTV.CO.TH

ครอบครัวสุดช็อก ยาย-หลาน เสียชีวิตห่างกันวันเดียว ยังไม่ทันได้เผา ข่าวเศร้ากลางงานศพ

Khaosod

อย่าลืมพกร่ม! พยากรณ์อากาศ 24 ชม.ข้างหน้า ทั่วปท.ฝนตกหนัก ‘กทม.’ ร้อยละ 70 ของพื้นที่

ไทยโพสต์

ระวัง!! พวกเรียกร้องรัฐประหาร จะเจอ ม.116

TOJO NEWS

ปคม.บุกจับร้านนวดชวนนาบครั้งละ 1,500 บาท

Manager Online

ข่าวและบทความยอดนิยม

ศูนย์ CDC ป.ป.ช. ขยับเกมต้านโกง ใช้โซเชียลเป็นเรดาร์ตรวจจับทุจริต

TNN ช่อง16

โต้วจี ฮองเฮาผู้เลือกความยุติธรรมเหนือสายเลือด บนเวทีงิ้วแต้จิ๋ว

TNN ช่อง16

โปร่งใสช้า ดีกว่าเร็วแบบซ่อนใต้โต๊ะ ชีวิต “ครูสุรเบล” กับบทเรียนที่ไม่มีในตำรา

TNN ช่อง16
ดูเพิ่ม
Loading...