จีนการผลิตหด 3 เดือนติด เจอพิษสงครามราคา อุปสงค์วูบ ภาษีทรัมป์ซ้ำเติม
จีนการผลิตหดตัว 3 เดือนซ้อนในเดือนมิถุนายน เนื่องจากยังเผชิญแรงกดดันจากสงครามราคา อุปสงค์ซบเซา และผลกระทบภาษีทรัมป์ แม้ว่ารัฐบาลจะพยายามออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อประคองบางส่วนของภาคอุตสาหกรรม
ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติจีนระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตในเดือนมิถุนายนปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ระดับ 49.7 จาก 49.5 ในเดือนพฤษภาคม แต่ยังต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งถือเป็นเส้นแบ่งระหว่างการขยายตัวและการหดตัว สอดคล้องกับผลสำรวจของรอยเตอร์ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
การผลิตฟื้นบางส่วน แต่ปัญหาเชิงโครงสร้างยังเป็นแรงกดดัน
แม้ว่าภาพรวมภาคการผลิตของจีนจะยังคงอยู่ในภาวะหดตัว แต่เริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวบางส่วน โดยดัชนีย่อยด้านการผลิตปรับขึ้นเป็น 51 และคำสั่งซื้อใหม่เพิ่มขึ้นเป็น 50.2 สะท้อนถึงการฟื้นตัวของกิจกรรมอุตสาหกรรมและความต้องการสินค้าในตลาด อย่างไรก็ตาม ดัชนีสินค้าคงคลังและการจ้างงานยังคงลดลงต่อเนื่อง โดยอยู่ที่ระดับ 48 และ 47.9 ตามลำดับ ซึ่งยังบ่งชี้ถึงปัญหาเชิงโครงสร้างที่กดดันภาคการผลิตของจีนอย่างต่อเนื่อง
ในส่วนของภาคบริการและก่อสร้าง ดัชนี PMI ภาคที่ไม่ใช่การผลิตขยับขึ้นเล็กน้อยเป็น 50.5 จาก 50.3 ในเดือนก่อนหน้า โดยภาคบริการยังคงชะลอตัวที่ระดับ 50.1 ขณะที่ภาคก่อสร้างขยายตัวแข็งแกร่งขึ้นสู่ระดับ 52.8 ได้แรงหนุนจากโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล
จากข้อมูลดังกล่าว Zichun Huang นักเศรษฐศาสตร์จาก Capital Economics ระบุว่าเศรษฐกิจจีนเริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัวจากภาคการผลิตและการก่อสร้าง แต่ยังคงเผชิญความเสี่ยงจากการส่งออกที่อาจชะลอลงและผลกระทบจากนโยบายการคลังที่อาจอ่อนแรงในช่วงครึ่งปีหลัง
ทั้งนี้ คำสั่งซื้อส่งออกใหม่ขยับขึ้นเป็น 47.5 จาก 44.7 ในเดือนก่อนหน้า ซึ่งอาจเป็นผลจากการฟื้นตัวของอุปสงค์จากสหรัฐฯ หลังการบรรลุข้อตกลงผ่อนคลายข้อพิพาททางการค้าเมื่อช่วงกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
จีนยังเผชิญสงครามราคาต่อเนื่อง ผลกระทบภาษีจากสหรัฐฯ ยังไม่คลี่คลาย
ทั้งนี้ แม้ว่าภาคการผลิตของจีนจะเริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัวบางส่วน แต่ผู้ผลิตยังคงเผชิญแรงกดดันอย่างหนักจากสงครามราคาที่รุนแรง ปัญหาอุปทานส่วนเกิน และความต้องการภายในประเทศที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ขณะเดียวกัน มาตรการภาษีจากสหรัฐฯ ยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญที่กดดันภาคการส่งออกของจีน โดยเฉพาะในตลาดสหรัฐฯ ซึ่งข้อมูลในเดือนพฤษภาคมระบุว่าการส่งออกของจีนไปยังสหรัฐฯ ลดลงถึง 34.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ว่าจีนจะพยายามกระจายตลาดส่งออกและบางส่วนของภาษีจะได้รับการยกเลิกในเดือนเดียวกันก็ตาม
ในด้านเศรษฐกิจภายในประเทศ ปัจจุบัน เศรษฐกิจจีนยังเผชิญภาวะเงินฝืดอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือนพฤษภาคม ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ลดลง 0.1% ส่วนดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ร่วงลงในอัตราสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2023 ขณะที่กำไรของภาคอุตสาหกรรมลดลงถึง 9.1% ซึ่งถือเป็นการหดตัวรุนแรงที่สุดในรอบเจ็ดเดือน สถานการณ์ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงแรงกดดันในเชิงโครงสร้างที่ยังคงส่งผลต่อเศรษฐกิจโดยรวม
Tommy Xie หัวหน้าฝ่ายวิจัยจีนของ OCBC Bank ประเมินว่าจีนอาจจำเป็นต้องดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในช่วงครึ่งปีหลัง เช่น การแจกคูปองเพื่อกระตุ้นการบริโภค โครงการเปลี่ยนสินค้าใหม่ และการออกพันธบัตรรัฐบาลเพิ่มเติมเพื่อขยายการใช้จ่ายภาครัฐ เพื่อพยุงเศรษฐกิจที่ยังเผชิญความเสี่ยงรอบด้าน
นายกรัฐมนตรีหลี่ เฉียง ให้คำมั่นในเวทีเศรษฐกิจที่เมืองเทียนจินว่ารัฐบาลจีนจะเดินหน้าผลักดันมาตรการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมสร้างบทบาทของจีนในฐานะ "มหาอำนาจด้านการบริโภค" ในอนาคต ถือเป็นหนึ่งในแนวทางสำคัญในการลดการพึ่งพาตลาดส่งออกที่ยังเปราะบางจากผลกระทบด้านการค้าโลกในปัจจุบัน
ข้อตกลงการค้าใหม่ แต่ยังมีข้อกังวล
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์จีนเปิดเผยว่า จีนและสหรัฐฯ ได้บรรลุข้อตกลงเพิ่มเติมในกรอบความร่วมมือทางการค้า โดยจีนจะอนุมัติการส่งออกสินค้าควบคุมบางรายการ ส่วนสหรัฐฯ จะยกเลิกมาตรการควบคุมบางส่วนที่เคยใช้กับจีน
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เตือนว่ารายละเอียดของข้อตกลงยังไม่ชัดเจน โดยเฉพาะเงื่อนไขการส่งออกสินค้ากลุ่มแม่เหล็กแร่หายากที่เป็นทรัพยากรเชิงยุทธศาสตร์
Wendy Cutler รองประธาน Asia Society Policy Institute ระบุว่าข้อตกลงล่าสุดสะท้อนถึงความซับซ้อนของการเจรจาการค้า และเป็นสัญญาณว่าทั้งสองฝ่ายยังคงพยายามเดินหน้าเจรจาด้วยความจริงใจภายใต้กรอบที่ริเริ่มในเจนีวา
กระทรวงพาณิชย์จีนยืนยันจุดยืนว่าจะไม่ยอมรับข้อตกลงใด ๆ ที่ประเทศอื่นทำกับสหรัฐฯ หากข้อตกลงนั้นส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ของจีน และเตือนว่าจีนพร้อมจะตอบโต้หากผลประโยชน์ของประเทศถูกละเมิด
ทั้งนี้ ผลสำรวจดัชนี PMI ภาคการผลิตจีนโดย Caixin และ S&P Global ซึ่งมีกำหนดเผยแพร่ในวันอังคาร คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 49 ในเดือนมิถุนายน จาก 48.3 ในเดือนพฤษภาคม ตามการคาดการณ์ของรอยเตอร์