ธปท.ชี้”บาทแข็ง”ตามภูมิภาคเคลื่อนไหวสอดคล้องปัจจัยพื้นฐาน
“ธปท.”ชี้ค่าเงินบาทแข็งค่าตามภูมิภาค เคลื่อนไหวสอดคล้องปัจจัยพื้นฐาน ระบุที่ผ่านมาติดตามดูแลดูแลค่าบาทอย่างใกล้ชิต ไม่ให้ผันผวนหรือคล่อนไหวผิดปกติ โดย และดอลล่าร์อ่อนค่าสุดในรอบ 13 ปี เผยเศรษฐกิจไทย พ.ค.68 ชะลอตัวลงจากเดือนก่อน จาก ‘ภาคผลิต-ภาคบริการ-การลงทุน’ ชะลอตัว
นางปราณี สุทธศรี ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเคลื่อนไหวตามภูมิภาค ซึ่งที่ผ่านมาดูดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ปรับลดลงมาต่ำสุดในรอบ 13 ปี เนื่องจากคนเริ่มขายเงินดอลลาร์แล้วไปถือสินทรัพย์อย่างอื่นแทน ขณะเดียวกัน การแข็งค่าของค่าเงินบาทได้สอดคล้องแข็งค่าตามสกุลเงินอื่นๆในภูมิภาคที่แข็งค่าขึ้นเช่นกัน
“เทียบค่าเงินบาทกับเงินสกุลอื่นในภูมิภาค การแข็งค่าของเงินบาท หลักๆมาจากปัจจัย global เป็นเรื่องค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนเป็นสำคัญ และปัจจัยภายในประเทศ มีปัจจัยการเมืองในประเทศก็เป็นหนึ่งในนั้น ซึ่งต้องจับตาพัฒนาการอย่างใกล้ชิต ธปท.มีการดูแลค่าเงินบาทตลอดเวลา หากพบว่าค่าเงินบาทเคลื่อนไหวไม่สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐาน โดยจะดู Bid-Ask Spread (ส่วนต่างระหว่างราคาเสนอซื้อและราคาเสนอขาย) ที่ผิดปกติ หรืออาจจะมีการเก็งกำไร แล้วทำให้ตลาดไม่ function ดังนั้น การดูแลค่าเงินบาทที่ผ่านมา ก็เป็นการดูแลตามปกติ และตอนนี้การเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทก็ยังสอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานและค่าเงินในภูมิภาค”นางปราณี
สำหรับภาวะเศรษฐกิจและการเงิน เดือน พ.ค.2568 ว่า เศรษฐกิจไทยเดือน พ.ค.2568 ชะลอลงเล็กน้อยจากเดือนก่อน จากการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่บางส่วนเร่งผลิตไปแล้วในเดือนก่อน ประกอบมีการปิดโรงกลั่นชั่วคราว และภาคบริการที่ชะลอลง โดยรายรับการท่องเที่ยวลดลงตามจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวระยะไกล (long-haul) ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนลดลงเช่นกัน
สำหรับการใช้จ่ายภาครัฐหดตัวจากรายจ่ายของรัฐบาลกลางทั้งรายจ่ายประจำและลงทุน จากผลของฐานสูงในปีก่อน แต่ยังขยายตัวเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต อย่างไรก็ดี การบริโภคภาคเอกชนทรงตัว และการส่งออกสินค้าเร่งตัวขึ้น
ด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลงจากเดือนก่อน จากหมวดอาหารสด ขณะที่อัตราเงินเฟ้อหมวดพลังงานติดลบใกล้เคียงกับเดือนก่อน อย่างไรก็ดี อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเพิ่มขึ้นเล็กน้อยตามราคาอาหารสำเร็จรูป ส่วนดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุลลดลงตามดุลการค้าที่กลับมาเกินดุล ขณะที่ดุลบริการ รายได้ และเงินโอนขาดดุล จากการส่งกลับกำไรของธุรกิจต่างชาติตามฤดูกาล ด้านตลาดแรงงานโดยรวมปรับดีขึ้นจากเดือนก่อน ตามการจ้างงานในภาคการผลิต
แนวโน้มในระยะต่อไป กิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาพรวมชะลอลง ตามแรงส่งจากภาคท่องเที่ยวและการส่งออกที่มีแนวโน้มชะลอลง อย่างไรก็ดี การผลิตในภาคยานยนต์มีสัญญาณปรับดีขึ้นบ้าง โดยเฉพาะรถยนต์นั่ง ทั้งนี้ มีปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ 1.นโยบายการค้าของประเทศเศรษฐกิจหลัก 2.พัฒนาการของภาคการท่องเที่ยว 3.การปรับตัวของภาคธุรกิจที่ต้องเผชิญการแข่งขันที่สูงขึ้นและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป และ 4.ความเสี่ยงจากภูมิรัฐศาสตร์และปัจจัยภายในประเทศ
กรณีที่ ธปท.ได้เผยแพร่ประมาณเศรษฐกิจไทยปี 2568 เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยตั้งสมมติฐานว่า ไทยจะถูกสหรัฐฯเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าที่ 18% นั้น ไม่ได้เป็นการประเมินว่า ไทยจะถูกสหรัฐเรียกเก็บภาษีในอัตรา 18% แต่เนื่องจากในการจัดทำประมาณการฯในครั้งนั้น ยังไม่มีข้อสรุปเกี่ยวกับอัตราภาษีที่ไทยจะได้รับ ธปท.จึงใช้อัตราภาษีแบบกลางๆ ซึ่งสอดคล้องกับหน่วยงานเศรษฐกิจอื่นๆที่ใช้ในเบื้องต้น ทั้งนี้ ทราบว่าทีมไทยแลนด์กำลังทำงานอย่างหนัก เพื่อให้ไทยได้อัตราภาษีที่ดีที่สุดและต่ำที่สุด
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO