DPU ส่งนักศึกษาร่วมงาน "Youth In Charge Next Station" โชว์ศักยภาพผู้นำรุ่นใหม่
แพลตฟอร์ม Youth In Charge (YIC) โดยคุณเอริกา เมษินทรีย์ เซ็น กรรมการผู้จัดการบริษัท อิน เดอะ ลีด (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัด ในฐานะผู้ก่อตั้งแพลตฟอร์ม Youth In Charge ได้จัดกิจกรรมใหญ่ประจำปี “Youth In Charge Next Station” ณ C asean อาคาร CW Tower ชั้น 10 เพื่อแถลงความสำเร็จของโครงการ Youth In Charge Creative Career Academy Season 2(YIC CCA2) และเดินหน้าต่อยอดการพัฒนาเยาวชนไทยสู่ผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลงในอนาคต เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา
มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) ถือเป็นสถาบันการศึกษาที่มีนักศึกษาผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการมากที่สุดในปีนี้ โดยมีนักศึกษากว่า 20 คน จากทั้งหมด 92 คน จาก 29 สถาบันทั่วประเทศ เข้าร่วมเรียนรู้กับโครงการตลอดระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 31 พฤษภาคม – 26 กรกฎาคม 2568 ภายใต้แนวทางการพัฒนาผู้นำเยาวชนผ่านระบบนิเวศแห่งการเรียนรู้ที่บูรณาการศาสตร์สร้างสรรค์เข้ากับเทคโนโลยีและนวัตกรรม
ในงาน “Youth In Charge Next Station” เยาวชนผู้เข้าร่วมโครงการได้ร่วมกันนำเสนอผลงานกลุ่มภายใต้ธีม “Thai Pop Culture” ซึ่งแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ Pop Product, Pop Media, และPop Experience โดยเป็นการนำเสนอในระดับ Idea Stage เพื่อรับข้อเสนอแนะจากผู้เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ พร้อมต่อยอดสู่การพัฒนาจริงในอนาคต
DPU ได้นำนักศึกษาทั้งหมดกว่า 20 คนจากหลายวิทยาลัย/คณะ อาทิ คณะนิเทศศาสตร์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ วิทยาลัยครีเอทีฟดีไซน์ แอนด์เอ็นเตอร์เทนเมนต์เทคโนโลยี วิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี เข้าร่วมโครงการ
โดยมีอาจารย์ที่ปรึกษา อาทิ ดร.ณัทธสิฐษิ์ สิริปัญญาธนกิจ ผู้ช่วยรองอธิการบดีสายงานกิจการนักศึกษา ผศ.กมลศิริ วงศ์หมึก คณบดีคณะศิลปกรรมศาสตร์ อาจารย์อานนท์ บัวภา อาจารย์ประจำคณะนิเทศศาสตร์ อาจารย์ นิภัทร์ ปัญญวานันท์ อาจารย์ประจำวิทยาลัยครีเอทีฟดีไซน์ แอนด์เอ็นเตอร์เทนเมนต์เทคโนโลยี คุณรัชนี พงษ์ธานี ผู้ชำนาญการ สายงานกิจการนักศึกษา
ทีม RATTANA และทีม “หวาน-ไทย-สไตล์-ยู” ได้รับการกล่าวถึงอย่างโดดเด่นในเวทีนี้โดยทีม RATTANA นำเสนอเครื่องประดับที่สร้างจากวัสดุรีไซเคิล สื่อสารถึงคุณค่าแห่งความคิดสร้างสรรค์ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนและทีมหวาน-ไทย-สไตล์-ยู รังสรรค์ชุด DIY “ลูกซุบไทย” ที่ผสมผสานความเป็นไทยดั้งเดิมเข้ากับความสนุกสนานร่วมสมัยอย่างมีเอกลักษณ์
ผศ.ดร.ทัณฑกานต์ ดวงรัตน์ รองอธิการบดีสายงานกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ กล่าวว่า มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ให้ความสำคัญกับการพัฒนานักศึกษาให้เป็นผู้นำที่กล้าแสดงออกทางความคิดและสร้างผลกระทบเชิงบวกในสังคมผ่านการลงมือทำจริง โครงการ YIC เป็นพื้นที่ทรงคุณค่าสำหรับการฝึกฝน ทดสอบไอเดีย และเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญในสนามจริง DPU ภูมิใจที่นักศึกษาของเราสามารถใช้เวทีนี้แสดงศักยภาพอย่างเต็มที่ และได้รับการยอมรับในระดับประเทศ
โดยโครงการ YIC CCA2 มุ่งพัฒนาความเป็นผู้นำของเยาวชนผ่านกระบวนการเรียนรู้แบบข้ามศาสตร์ สนับสนุนการเติบโตในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ และเชื่อมโยงกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) โดยกิจกรรมทั้งหมดได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรหลัก มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ขอขอบคุณโครงการ Youth In Charge สำหรับการสร้างพื้นที่แห่งการเติบโตที่แท้จริงให้กับเยาวชนไทย และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้ร่วมเป็นพันธมิตรในการพัฒนาเยาวชนผู้นำแห่งอนาคตอย่างต่อเนื่องในปีต่อไป
น้องกอล์ฟ นายวริศ สารพิษ นักศึกษาชั้นปีที่ 4 วิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี สาขาการตลาดยุคดิจิทัล มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) เปิดเผยถึงประสบการณ์เข้าร่วมโครงการ Youth In Charge Creative Career Academy (YIC CCA) ซีซั่นล่าสุด ซึ่งจัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ว่า เป็นโครงการที่เปิดโอกาสให้เยาวชนรุ่นใหม่ได้แสดงออกและพัฒนาทักษะอาชีพในสายงานอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ภายใต้กรอบแนวคิด Pop Culture โดยตนและทีมได้รวมกลุ่มกันในชื่อ “RATTANA” เพื่อสร้างแบรนด์เครื่องประดับจากวัสดุรีไซเคิล ที่มีอัตลักษณ์ไทยเป็นแรงบันดาลใจ
โครงการอบรมใช้เวลาทั้งหมด 7 สัปดาห์ โดยช่วงแรกเป็นการเรียนรู้ผ่านการบรรยายของวิทยากรจากหลากหลายวงการ เช่น แฟชั่น ภาพยนตร์ เครื่องประดับ และธุรกิจสร้างสรรค์ ซึ่งล้วนเป็นผู้มีประสบการณ์ตรงและประสบความสำเร็จในสายงานของตน ซึ่งทุกสัปดาห์จะมีวิทยากรมาให้ความรู้และแนวทางการพัฒนาทักษะในสายงานอาชีพอุตสาหกรรมสร้างสรรค์และที่ประทับใจและชอบเป็นพิเศษคือคลาสของ ‘พี่เอก-ศรัณญ อยู่คงดี Jewelry Designer ผู้ก่อตั้งแบรนด์ SARRAN’ ที่โดดเด่นด้วยการออกแบบที่ลงตัวมีเอกลักษณ์ เจ้าของผลงาน Light of Lotus ที่คุณลิซ่า ลลิษา มโนบาล ถือในงานพรมแดงรอบพรีเมียร์ The White Lotus Season 3
พี่เอกมีความสามารถในการวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายได้ลึกมาก เช่น การรู้ว่าลูกค้าคนนี้มีรายได้แค่ไหน ควรขายอะไร พูดแบบไหนถึงจะปิดการขายได้ หลังจากผ่านช่วงอบรม ทีม RATTANA ได้เริ่มทำงานกลุ่มร่วมกับเพื่อนนักศึกษาจาก DPU และทีมจากโรงเรียนในเครืออีก 1 คน รวม 5 คน เพื่อสร้าง Pop Product ภายใต้หมวดเครื่องประดับ (Jewelry) โดยมีโจทย์ให้นำเสนอผลงานใน 3 มิติ ได้แก่ Pop Product, Pop Media และ Pop Experience
โดยทีม RATTANA เลือกทำผลิตภัณฑ์เครื่องประดับจากขวดพลาสติก ซึ่งได้หยิบยกแรงบันดาลใจจาก Pop Culture อย่าง "ดอกไม้ไทย" ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สะท้อนความเป็นไทยอย่างชัดเจน ทั้งในรูปแบบ สีสัน และลวดลาย และทีมยังต้องการสื่ออีกว่า “เราไม่ได้แค่ทำเครื่องประดับ แต่เราสร้าง ‘เรื่องเล่าและคุณค่า’ ที่คนใส่จะรู้สึกว่านี่คือของไทย ที่น่าภูมิใจ และทีมยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ความยั่งยืนคือหัวใจของ RATTANA เราไม่ได้อยากสร้างธุรกิจที่แสวงหาเพียงแค่ผลกำไร แต่เราอยากสร้างโอกาสที่สามารถทำให้ชุมชนก้าวไปข้างหน้ากับเราได้”
เมื่อโครงการเข้าสู่สัปดาห์ที่ 8 ทีมได้มีโอกาสนำเสนอผลงานต่อหน้าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งได้ให้ข้อเสนอแนะเชิงลึกเกี่ยวกับการต่อยอดผลิตภัณฑ์ เช่น การเพิ่มมูลค่าของพลาสติกผ่านการผสมวัสดุมีค่าอย่างเงินแท้หรืออัญมณี การพัฒนาแนวคิดรีไซเคิลแบบวงจรปิด รวมถึงการวางแผนการตลาดระยะยาว
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรม “Human Library” ซึ่งเป็นเวทีแลกเปลี่ยนกับผู้เชี่ยวชาญด้านแบรนด์และผู้ประกอบการจริง โดยหนึ่งในผู้ให้คำปรึกษาคือ คุณต้องใจ ธนะชานันท์ กรรมการผู้จัดการ C asean , รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุดกลุ่มงานความยั่งยืนและกลยุทธ์ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ThaiBev ซึ่งให้ความสนใจในผลงานของทีม RATTANA
ทีม RATTANA จึงได้รับข้อเสนอแนะให้พัฒนาโมเดลธุรกิจแบบ Circular Economy อย่างเป็นระบบ เช่น การรับคืนสินค้าเพื่อนำมารีไซเคิลซ้ำ ตลอดจนการเพิ่มคุณค่าแบรนด์ด้วยการออกแบบใหม่ที่รักษาอัตลักษณ์ไทยและความยั่งยืน
และอีกหนึ่งในผลงานจากโครงการ Youth In Charge Creative Career Academy Season 2 (YIC CCA) คือโปรเจกต์ “Production Prime” โดย นายธนสิษฐ์ ปานทอง (โฟล์ค) นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะนิเทศศาสตร์ สาขาการสร้างสรรค์ดิจิทัลคอนเทนต์และสื่อ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) ซึ่งได้รวมทีมกับเพื่อนร่วมสาขา นางสาวกัญญพัชร ดำดีพะเนาว์ (ตาต้า) และนางสาวดนุลดา หทัยธรรม (โยเกิร์ต) รวมถึงเพื่อนจากมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ร่วมกันพัฒนาโปรเจกต์โดยตีความ Pop Culture ผ่านมุมมองใหม่ ด้วยการหยิบ “วงการโปรดักชัน” ขึ้นมาเป็นประเด็นหลัก สะท้อนความเชื่อว่าหากต้องการสร้างผลงานคุณภาพระดับสากล ต้องให้ความสำคัญกับทีมเบื้องหลัง
รายการ “Production Prime” ถูกออกแบบให้เป็นการแข่งขันของทีมโปรดักชัน 3 ทีม ภายใต้โจทย์เดียวกัน คือการสร้างโชว์จากศิลปิน เพลง และท่าเต้นเดียวกัน แต่ต้องออกแบบการนำเสนอใหม่ทั้งหมด ทั้งคอสตูม แสง สี เสียง และมุมกล้อง เพื่อสะท้อนว่าผลลัพธ์สามารถแตกต่างได้อย่างสิ้นเชิงจากมุมมองและความคิดสร้างสรรค์ของแต่ละทีม หลังจบโครงการ ทีมได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญในวงการโปรดักชัน รวมถึงทีมที่เคยทำงานกับ Disney ว่าควรปรับรูปแบบให้เข้าถึงคนหมู่มาก ทีมจึงมีแผนพัฒนา “Production Prime” เป็นซีรีส์ 8 ตอน ถ่ายทอดเบื้องหลังการทำงานจริง พร้อมเปิดเวทีให้ศิลปินหลากหลาย เช่น Proxie และ Jeff Satur เข้าร่วม เพื่อขยายฐานผู้ชมและเพิ่มความน่าสนใจให้กับรายการ
นักศึกษาที่ร่วมทำโปรเจกต์ Production Prime ทิ้งท้ายว่า สิ่งสำคัญที่ได้รับคือการมองเห็นศักยภาพในตัวเอง จากเดิมที่เคยรู้สึกด้อยกลับกลายเป็นความมั่นใจว่า “คุณค่าของผลงานไม่ได้ขึ้นอยู่กับสถาบัน แต่มาจากประสบการณ์ วิธีคิด และความตั้งใจ” พร้อมทั้งได้สร้าง Connection ใหม่ ๆ และนำความรู้ไปต่อยอดในการทำคอนเทนต์ YouTube โดยเฉพาะด้าน Storytelling ที่ทำให้ผลงานน่าสนใจและเข้าถึงผู้ชมมากขึ้น โครงการนี้จึงไม่เพียงเปิดโอกาสให้ฝึกทักษะจริง แต่ยังเป็นเวทีแลกเปลี่ยนแนวคิดและต่อยอดสู่เครือข่ายคอนเทนต์ในอนาคต