ยืดอิ๊งค์แจงศาลรธน.31ก.ค.
"อิ๊งค์" เข้าสภา ปัดตอบสื่อมาคุมเสียง สส. "ภูมิธรรม-หมอมิ้ง" มั่นใจนายกฯ รอดปมคลิปเสียงคุย "ฮุน เซน" ชี้มีเจตนาบริสุทธิ์ไม่ทำอะไรผิด แย้มศาล รธน.ขยายเวลาชี้แจงถึง 31 ก.ค. "พท." ดาหน้าป้อง "ทักษิณ" ร่วมดินเนอร์ไม่ใช่ครอบงำ แค่แชร์ประสบการณ์ แขวะใครกล่าวหาเป็นพวกใจแคบ “สุริยะ” กั๊กเพื่อไทยจับมือภูมิใจไทย หลังเลือกตั้งครั้งหน้า รอดูคะแนนพรรคร่วมฯ เดิมก่อน "ฝ่ายค้าน" ได้ข้อสรุป ยื่นญัตติด่วนถกแก้ปัญหาภาษีทรัมป์ 31 ก.ค.นี้ แทนยื่นซักฟอก ม.152 "อนุทิน" ลั่นเป็นสุภาพบุรุษ ไม่เคยเหน็บแนม-ไม่ผิดสัญญา กั๊กผีไม่เผาเงาไม่เหยียบกับ สทร.หรือไม่
เมื่อวันที่ 23 ก.ค.2568 เวลา 09.50 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและ รมว.วัฒนธรรม ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) เดินทางเข้าสภาเพื่อพบปะและรับฟังปัญหาจาก สส.ของพรรคที่ได้รับการสะท้อนมาจากประชาชนในพื้นที่ โดยนายกฯ มีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
ผู้สื่อข่าวถามว่า เดินทางเข้าสภาวันนี้เพื่อมาคุม สส. เพราะกลัวว่าจะถูกตีท้ายครัวเหมือนที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีพูดบนเวทีงานดินเนอร์พรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ น.ส.แพทองธารไม่ตอบคำถามดังกล่าว และเดินเลี่ยงไม่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนแต่อย่างใด
ขณะที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายทักษิณระบุในงานเลี้ยงดินเนอร์พรรคร่วมรัฐบาลจะไปต่อกันยาวๆ รวมถึงในอนาคตก็จะเป็นพรรคร่วมกันอีกว่า ต้องไปถามพรรคร่วมรัฐบาลว่ารู้สึกอย่างไร
นายภูมิธรรมกล่าวว่า เรื่องที่นายกฯ มั่นใจจะได้กลับมาทำงานต่อ เพราะไม่ได้คิดว่าตัวเองทำอะไรผิด และมีการชี้แจงให้สังคมรับทราบชัดเจน ซึ่งเคยพูดซ้ำไปแล้วว่า จะหากลวิธีโดยการพูดคุยเพื่อชักชวนให้เขา (สมเด็จฮุน เซน) เข้ามาแก้ปัญหาแก้ร่วมกันกับเรา แม้เขาจะไม่ได้เป็นผู้นำประเทศโดยทางตรง แต่เป็นผู้นำทางความคิดให้กัมพูชา
"จริงๆ ไม่ใช่การคุยทางการ แต่ที่ค่อนข้างจะเป็นทางการเรานั่งรอร่วมกัน มีผมซึ่งเป็น รมว.กลาโหม รมว.การต่างประเทศ และเลขาธิการนายกฯ จนรู้สึกว่าใช้เวลานาน ถึงได้บอกนายกฯ ว่าไม่ต้องนั่งรอ และผมได้บอกนายเคลียง ฮวด ว่าเฮ้ย นี่เป็นนายกฯ ของไทย ต้องการคุยกับผู้นำของคุณ ซึ่งคุณเป็นคนประสานเองด้วยนะ โดยนายฮวดบอกสถานการณ์ในกัมพูชาดีขึ้นแล้ว มีความเข้าใจมากขึ้น น่าจะแก้ปัญหาได้ในฐานะลุงหลาน ซึ่งนายกฯ ก็ใช้ความเป็นส่วนตัวคุย ไม่ใช่การคุยอย่างเป็นทางการ แต่เป็นการคุยส่วนตัว และจริงๆ กัมพูชาเป็นคนโทร.เข้ามา" นายภูมิธรรมกล่าว
ซักว่าสถานการณ์การเมืองขณะนี้พรรคภูมิใจไทยมีการเดินสาย อย่างล่าสุดไปภาคใต้ จะไปดูดหรือทาบทาม สส.พรรคประชาธิปัตย์ มีสัญญาณว่าจะมีการเลือกตั้งใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ต้องถามประชาชนว่าสิ่งที่พูดมันน่าฟังหรือไม่
พอถามว่าพรรคเพื่อไทยหวั่นไหวหรือไม่ นายภูมิธรรมหัวเราะพร้อมกล่าวว่า มันน่าดูดหรือไม่
นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายกฯ ขอขยายระยะเวลาชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญเรื่องคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ว่า ศาลรัฐธรรมนูญขยายระยะเวลาชี้แจงให้ถึงวันที่ 31 ก.ค. ขณะนี้กำลังเตรียมการอยู่ในการทำถ้อยแถลง
ถามว่า พยานหลักฐานที่นายกฯ ยื่นเพิ่มเติมต่อศาลรัฐธรรมนูญคืออะไร นพ.พรหมินทร์กล่าวว่า ไม่ได้มีหลักฐานอะไรเพิ่ม เป็นเรื่องขอชี้แจงตามความเป็นจริง รวมถึงเจตนาที่เป็นจริงว่า นายกฯ มีเจตนาที่บริสุทธิ์ในการคลี่คลายปัญหาความขัดแย้งด้วยรูปแบบต่างๆ และแน่นอนที่สุดในฐานะที่เป็นผู้นำรัฐบาล ก็มีการปรึกษาหารือกับกองทัพและหน่วยงานต่างๆ อย่างใกล้ชิด
"เชื่อว่าข้อเท็จจริงต่างๆ จะพิสูจน์ได้หลังจากนี้ และคนที่นายกฯ โทร.หาก็ไม่ใช่ตัวแทนรัฐบาล แต่นายกฯ หาวิธีต่างๆ เพื่อให้ข้อขัดแย้งยุติได้ด้วยสันติวิธี รวมถึงการต่างประเทศเราก็ดำเนินการอย่างเข้มงวด ดังนั้นคิดว่าทุกอย่างจะคลี่คลาย" นพ.พรหมินทร์กล่าว
ใครหาแม้วครอบงำใจแคบ
ถามถึงการร่วมงานดินเนอร์พรรคร่วมรัฐบาลของนายทักษิณจะเป็นการครอบงำรัฐบาลหรือไม่ เลขาธิการนายกฯ กล่าวว่า คงไม่ใช่หรอก เพราะวันนี้ในฐานะที่ น.ส.แพทองธารเป็นนายกฯ สามารถที่จะปรึกษาหารือใครก็ได้ทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นคนที่เห็นต่าง หรือ สส.ทั้งฝ่ายค้านหรือประชาชนที่เห็นต่าง เราก็รับฟัง
"ความคิดเห็นของนายทักษิณ ที่เป็นอดีตนายกฯ ที่มีประสบการณ์มานาน มีความสัมพันธ์และรู้จักกันทั่วโลก มีความเข้าใจในเรื่องต่างๆ ยิ่งเป็นผลดีให้กับประชาชน วันนี้สิ่งที่สำคัญคือ ต้องใจกว้างๆ รัฐบาลในฐานะตัวแทนประชาชนก็มีสิทธิ์ที่จะปรึกษาหารือกับใครก็ได้ ข้อกล่าวหาที่ครอบงำต่างๆ เป็นข้อกล่าวหาที่ค่อนข้างใจแคบ" เลขาธิการนายกฯ กล่าว
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การที่นายทักษิณประกาศได้ลูกมาเป็นนายกฯ และได้พ่อมาช่วยด้วย ไม่ได้มีเรื่องครอบงำแต่อย่างใด ความเป็นพ่อลูกมาพูดคุยกันมาแชร์ประสบการณ์กันเป็นเรื่องปกติ
ถามเรื่องที่ประกาศจับมือกับพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบันไปจนถึงหลังการเลือกตั้งครั้งหน้า นายสุริยะกล่าวว่า สิ่งที่นายทักษิณพูดเป็นเรื่องที่พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคอยากจะจับมือกันอยู่แล้ว ซึ่งปกติหลังการเลือกตั้ง พรรคร่วมรัฐบาลเดิมก็คิดที่จะจับมือกันกับรัฐบาลเดิมเป็นอันดับแรก หัวหน้าพรรคทุกพรรคก็คิดเช่นนั้น ดังนั้นสิ่งที่นายทักษิณพูดไม่ใช่เรื่องแปลก
"พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรครู้ดีถึงเสียงปริ่มนํ้า และจะทำให้ทุกคนเกิดความสามัคคีกันมากขึ้น ขณะเดียวกัน ถ้าเสียงเกินไปพอประมาณ ก็อาจทำให้มีการประมาท และจะทำให้เป็นปัญหามากกว่าเสียงปริ่มนํ้า" นายสุริยะกล่าว
ถามว่า การพูดเช่นนี้เป็นการตัดพรรคภูมิใจไทยออกจากสมการ ไม่สามารถจับมือกันได้ในอนาคตใช่หรือไม่ นายสุริยะกล่าวว่า ปกติภายหลังการเลือกตั้งเราก็จะมาดูผลแพ้ชนะว่าเป็นอย่างไร หากพรรคร่วมรัฐบาลเดิมจับมือกันแล้วได้เสียงเกินไปเยอะ ก็ไม่จำเป็นต้องหาเสียงจากพรรคฝ่ายค้านเดิมมาร่วม แต่หากไม่เพียงพอก็ต้องไปพูดจากัน
ส่วนนายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ กล่าวถึงกรณีพรรคภูมิใจไทยเตรียมขอเปิดอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ประเด็นภาษีทรัมป์ว่า ถ้าเขาขอเปิด รัฐบาลต้องไปพิจารณาว่าพร้อมเมื่อไหร่ เป็นสิทธิ์ของเขา อย่างไรก็ต้องเปิดถ้าเขาขอมา แต่จะพร้อมเมื่อไหร่ก็ว่ากันไป
ถามว่า จะเปิดอภิปรายได้ก่อนวันที่ 1 ส.ค.หรือไม่ นายชูศักดิ์กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกับเวลา อยู่ที่ว่าเขาพร้อมเมื่อไหร่ และรัฐบาลจะตอบเมื่อไหร่ก็มานัดกัน ที่ผ่านมาก็เป็นแบบนี้
ซักถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจฉัยในวันที่ 10 ก.ย. ประเด็นการทำประชามติเพื่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญจำนวนกี่ครั้ง นายชูศักดิ์กล่าวว่า หากศาล รธน.ตัดสินว่าต้องทำ 2 ครั้ง ก็หมายความว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทย โดยมีสาระสำคัญที่มาของ ส.ส.ร. มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด 200 คน กระจายตามจำนวนประชากร และพรรคประชาชนที่ค้างอยู่ในรัฐสภาก็สามารถเดินต่อไปได้เลย เพราะประธานรัฐสภาสั่งบรรจุวาระแล้ว และเดินหน้าต่อไปเลยจนถึงโหวตวาระ 3 ทั้งนี้ ระหว่างการพิจารณาต้องดูเกณฑ์เรื่องเสียงของ สว.ต้องเห็นชอบ 1 ใน 3 ถึงจะสำเร็จได้ ดังนั้นเราต้องไปทำการบ้าน
"หากศาล รธน.บอกต้องทำประชามติจำนวน 3 ครั้ง ก็หมายความว่าเราต้องเริ่มใหม่ ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าวทั้ง 2 ร่างใช้ไม่ได้ ต้องทำประชามติถามประชาชนก่อนว่าจะมีการให้แก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับใหม่หรือไม่" นายชูศักดิ์กล่าว
ด้าน น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) กล่าวถึงกรณีพรรคร่วมรัฐบาลจัดดินเนอร์มีนายทักษิณร่วมด้วย น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า ส่วนตัวมองเห็นถึงความไม่มั่นใจ ที่จำเป็นจะต้องแสดงออกในที่สาธารณะว่าเราสามารถทำได้ และเราเอาอยู่ แต่หลังบ้านนั้นไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร เพราะเมื่อนับองค์ประชุมเมื่อไหร่ สภาก็ล่มทุกที ซึ่งต้องรอดูต่อไปว่าเสถียรภาพจะเกิดขึ้นจริงภายใต้ดินเนอร์ใหญ่โตหรือไม่
ยื่นญัตติด่วนแทนซักฟอก ม.152
นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อพรรค ปชน. ในฐานะคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงกรณีพรรคภูมิใจไทยเสนอให้เปิดอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 เพื่อเสนอแนะการแก้ไขปัญหาภาษีสหรัฐว่า มีการพูดคุยกับวิปของพรรค ภท. เห็นตรงกันว่าจะปรับเปลี่ยนเป็นการเสนอญัตติด่วนด้วยวาจา เรื่องการเจรจาภาษีสหรัฐอเมริกา ซึ่งเห็นว่าเป็นเรื่องใหญ่และกระทบกับสภาพเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก การใช้กลไกตามมาตรา 152 อาจจะต้องใช้เวลาตั้งแต่การยกร่างการเข้าชื่อการประสานวิปทั้ง 3 ฝ่ายอย่างน้อย 1 เดือน อาจล่าช้าไม่ทันการณ์
"ด้วยเส้นตายที่จะกำหนดมาตรการบังคับใช้ภาษี 36% ในวันที่ 1 ส.ค.นี้ โดยในวันที่ 31 ก.ค. จะมีการยื่นญัตติด่วน ไม่ว่าในวันนั้นจะมีผลการเจรจาอย่างเป็นทางการมาแล้วหรือไม่ แต่คิดว่ารัฐบาลยังมีปัญหาต้องขบคิดต่อ โดยเฉพาะปัญหาที่จะเกิดขึ้น และต้องแก้ไขต่อไป เบื้องต้นได้ประสานไปยังวิปรัฐบาล เพื่อให้รับเรื่องไปประสานกับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ไม่ว่ากระทรวงไหนให้เข้ามารับฟังและชี้แจง" นายปกรณ์วุฒิกล่าว
วิปฝ่ายค้านรายนี้ระบุว่า พรรคฝ่ายค้านจะมีข้อเสนอแนะ เพราะมีทีมที่ติดตามเรื่องนี้มาอย่างใกล้ชิด โดยเตรียมว่าถ้าเกิดสถานการณ์ต่างๆ ผลต่างภาษีของไทยต่อประเทศใกล้เคียง อย่างประเทศที่เป็นคู่แข่งทางการค้าโดยตรงจะแก้ปัญหาอย่างไร หรือแม้แต่ที่ได้อัตราภาษีที่เท่ากันหรือต่ำกว่าเล็กน้อย ของประเทศอื่นก็ใช่ว่าประเทศไทยจะได้เปรียบ ดังนั้นจึงต้องมีทีมงานที่คิดเอาไว้ทุกสถานการณ์ เพราะอาจเกิดสงครามการตัดราคาเกิดขึ้นระหว่างประเทศ และมีภารกิจอีกหลายอย่างที่ต้องเตรียมรับมือ
"การใช้มาตรา 152 ควรที่จะใช้กับปัญหาของรัฐบาลในทุกมิติ แต่ครั้งนี้มีเพียงเรื่องเศรษฐกิจอย่างเดียว ซึ่งต้องเป็นปัญหาโดยรวม ไม่ใช่แค่เรื่องภาษีสหรัฐ สังคมการเมืองควรมีเรื่องปัญหาสังคมการเมืองที่เกิดขึ้นในประเทศรวมอยู่ด้วย ซึ่งได้คุยกับพรรคภูมิใจไทยและเห็นตรงกันแล้ว" วิปฝ่ายค้านรายนี้ระบุ
ซักถึงในวันที่ 24 ก.ค.จะเลือกรองประธานสภาฯ คนที่ 2 ทางฝ่ายค้านส่งคนแข่งหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า ไม่เสนอชื่อแน่นอน
ส่วนนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงกรณีนายทักษิณพาดพิงไม่เป็นสุภาพบุรุษที่ออกจากพรรคร่วมรัฐบาล โดยนายอนุทินย้อนถามกลับผู้สื่อข่าวว่า “จะให้ตอบว่าอะไร ได้ฟังดูจากข่าวไม่ได้รู้สึกอะไร” ถามย้ำว่าที่นายทักษิณหาว่าไม่ใช่สุภาพบุรุษหมายถึงคนอื่นหรือไม่ นายอนุทินระบุว่า อย่าไปเอาคำพูดเล็กๆ น้อยๆ มาเลย วันนี้ประเทศไทยควรหาทุกวิถีทางให้เกิดความสามัคคี เรามีปัญหากับประเทศเพื่อนบ้านอยู่ คนไทยควรรักกันเองเป็นหนึ่งเดียวให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
"คำว่าไม่เป็นสุภาพบุรุษแปลว่าอะไร การไม่รักษาข้อตกลงอย่างนั้นเขาเรียกอะไร (หัวเราะ) ผมอยู่เฉยๆ ข้อตกลงคือกำกับดูแลกระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) และกระทรวงศึกษาธิการ" นายอนุทินกล่าว
ถามว่า ที่นายทักษิณประกาศว่าการจัดตั้งรัฐบาลครั้งหน้าก็จะเป็นทีมเดิม เหมือนกับไม่เอาพรรคภูมิใจไทยแล้ว นายอนุทินกล่าวว่า ไม่เห็นแปลก ถ้าเอาสิแปลก ท่านก็พูดถูกของท่าน
ซักว่า ในทางการเมืองใช้คำว่าผีไม่เผาเงาไม่เหยียบได้หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ได้ในทุกบริบท บางทีก็ไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวร บางทีผีไม่เผาเงาไม่เหยียบ บางทีก็พูดอย่างทำอย่าง ใครจะบัญญัติมาใช้ แต่พรรคภูมิใจไทยแน่นอน ว่าพูดแล้วทำอย่างเดียว
เมื่อถามว่า ไปเวทีไหนนายทักษิณก็พูดเหน็บพรรคภูมิใจไทย แม้กระทั่งบอกว่ามีลูกชายประกาศว่าพ่อจะได้เป็นนายกฯ เดือน ส.ค.นี้ นายอนุทินระบุว่า "คนนั้นไม่ใช่ลูกผม ลูกผมไม่มีวันพูด ลูกผมคนรู้จักเยอะ ไม่พูดแบบนั้นแน่นอน ผมสอนลูกมาดี”
พอถามว่าใกล้วันเกิดนายทักษิณแล้วมีอะไรอยากฝากถึงหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ในความที่เขาเป็นผู้บังคับบัญชา ตนก็ยังเหมือนเดิม
สภาเดินหน้าเลิกคำสั่ง คสช.
ที่คณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดศรีสะเกษ (กกต.ศรีสะเกษ) ว่าที่ ร.ต.ธเนศร์ แพงมา ทนายความผู้รับมอบอำนาจนายกฤตโชค พลศักดิ์ธนกุล ผู้ร้องในฐานะผู้มีสิทธิเลือกตั้ง สส.ศรีสะเกษ เขตเลือกตั้งที่ 5 ได้ยื่นคำร้องต่อ ผอ.กกต.ศรีสะเกษ ให้สืบสวนและไต่สวนนายอนุทินกับพวก กรณีให้สัมภาษณ์และกล่าวปราศรัยหาเสียงช่วย น.ส.จินณ์ตวรรณ ผู้สมัครของพรรค ภท. หมายเลข 2 มีลักษณะเป็นการหลอกลวงและใส่ร้าย น.ส.แพทองธาร
ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ เป็นประธานการประชุม หลังเปิดให้สมาชิกหรือปัญหาความเดือดร้อนแล้ว ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบถึง สส.ที่ลาออกคือ นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ และ น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ ซึ่งลาออกจากการเป็น สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และให้เลื่อนลำดับถัดไปขึ้นมาแทน คือ นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย และนายธนพงศ์ ธนเดชากุล เป็น สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย โดยทั้ง 2 คนได้เข้ารายงานตัวและปฏิญาณตนต่อที่ประชุมสภาฯ ก่อนปฏิบัติหน้าที่ ทำให้มี สส.ที่ปฏิบัติหน้าที่ได้จำนวน 493 คน กึ่งหนึ่งคือ 247 คน
ต่อมาเวลา 14.10 น. มีการประชุมวาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติยกเลิกประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติบางฉบับที่หมดความจำเป็นและไม่เหมาะสมกับกาลปัจจุบัน พ.ศ….. ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว
นายจาตุรนต์ ฉายแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ กล่าวรายงานผลการประชุมว่า ได้พิจารณาและลงมติรับหลักการร่าง พ.ร.บ. 5 ฉบับ ได้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ขึ้นเพื่อพิจารณา โดยกำหนดญัตติภายใน 15 วัน และให้ถือเอาร่างของคณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นหลัก
นายจาตุรนต์กล่าวว่า คณะกรรมการวิสามัญฯ ให้ความสำคัญกับการยกเลิกประกาศและคำสั่ง คสช. และประกาศและคำสั่งหัวหน้า คสช. รวมทั้งสิ้น 77 ฉบับ และนำคำอภิปรายของ สส.ในวาระที่ 1 ขั้นรับหลักการ และได้แก้ไขเพิ่มเติมร่างพระราชบัญญัติยกเลิกประกาศและคำสั่ง คสช. และประกาศและคำสั่งหัวหน้า คสช. รวม 55 ฉบับ ส่วนคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ยังคงไว้มีอยู่ 22 ฉบับ
"คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้เพื่อเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในวาระ 2 และวาระที่ 3 มีความหมายต่อหลักการและระบอบประชาธิปไตย เป็นการตอกย้ำว่า อำนาจในการออกกฎหมายพึงเป็นของประชาชน การออกประกาศคำสั่งสามารถทำได้โดยง่าย แต่ยกเลิกหรือแก้ไขยากลำบาก การทำงานจนสำเร็จลุล่วงนี้ ถือเป็นปรากฏการณ์ที่ได้รับความร่วมมือจากคณะรัฐมนตรีและพรรคการเมืองต่างๆ ในการเสนอกฎหมาย และในการพิจารณาในชั้นกรรมาธิการ ก็ได้รับความร่วมมือจากส่วนราชการและพรรคการเมืองทุกพรรค" นายจาตุรนต์กล่าว
จากนั้นที่ประชุมได้เปิดโอกาสให้สมาชิกอภิปรายแสดงความเห็นอย่างกว้างขวาง.