“เอ็ตด้า”ขีดเส้น 13 ส.ค. แพลตฟอร์มดิจิทัลต้องแจ้งข้อมูลธุรกิจให้ถูกตาม ก.ม. เตือนเพิกเฉยโดนสั่งหยุดดำเนินธุรกิจ
น.ส.จิตสถา ศรีประเสริฐสุข รองผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือ เอ็ตด้า เปิดเผยว่า จากการดำเนินงานด้านกำกับดูแล ภายใต้ พ.ร.ฎ. การประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ต้องแจ้งให้ทราบ พ.ศ. 2565 หรือ กฎหมาย ดีพีเอส (ดิจิทัล แพลตฟอร์ม เซอร์วิส) ได้รับความร่วมมือ จากหลายแพลตฟอร์มดิจิทัลในการแจ้งข้อมูลการประกอบธุรกิจ ตามที่กฎหมายฉบับนี้กำหนดอย่างต่อเนื่อง รวมกว่า 1,920 บริการ (ข้อมูล ณ 4 ส.ค. 68) ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลที่แพลตฟอร์มแจ้งเข้ามาที่ระบบอย่างละเอียด พบว่า หลายบริการยังมีการแจ้งข้อมูลที่มีความคลาดเคลื่อนหรือข้อมูลไม่ครบถ้วนอยู่ เอ็ตด้าจึงได้เปิดเวที เพื่อชี้แจงถึงสาระสำคัญของกฎหมาย รวมถึงสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับเงื่อนไขและข้อกำหนดของการแจ้งข้อมูลการประกอบธุรกิจที่แพลตฟอร์มดิจิทัลต้องดำเนินการก่อนเริ่มให้บริการและต้องรายงานข้อมูลรายปีอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่องทุกปี
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบข้อมูล พบความคลาดเคลื่อนของข้อมูลหลักๆ 6 ประเด็น คือ 1. แจ้งประเภทบริการไม่ตรงกับลักษณะการดำเนินธุรกิจจริง 2. แจ้งลักษณะการให้บริการตามมาตรา 16 (1) ไม่ตรงกับลักษณะการดำเนินธุรกิจจริง 3. ระบุรายได้และมูลค่าธุรกรรม ไม่สอดคล้องกันกับโมเดลธุรกิจ เช่น กรอกข้อมูลรายได้เป็นศูนย์ หรือไม่สัมพันธ์กับข้อมูลที่มีอยู่ 4. ระบุสัดส่วนของรายได้จากการให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลในราชอาณาจักรต่อรายได้จากการให้บริการแพลตฟอร์มทั้งหมดของผู้ประกอบธุรกิจไม่สอดคล้องลักษณะการดำเนินธุรกิจจริง 5. แจ้งประเภทและจำนวนผู้ใช้บริการ หรือผู้ให้บริการที่เกี่ยวข้อง ไม่ครบ 6. แจ้ง ลิงค์ยูอาร์แอล ผิดหรือไม่สามารถตรวจสอบได้ เป็นต้น
น.ส.จิตสถา กล่าวต่อว่า ในเบื้องต้นได้เปิดโอกาสให้แพลตฟอร์มดิจิทัล ตรวจสอบข้อมูลตามประเด็นที่ตรวจพบ และเร่งดำเนินการชี้แจงข้อมูลตามแบบฟอร์มที่กำหนดให้ ซึ่งมีทั้ง “การยืนยันข้อมูลเดิม แก้ไขข้อมูลใหม่ หรือชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมในกรณีที่มีเหตุอันควรสงสัย” พร้อมส่งแบบฟอร์มกลับมายัง เอ็ตด้า ภายในวันที่ 13 ส.ค.68 นี้ จากนั้นทีมกำกับดูแลจะดำเนินการตรวจสอบและติดตามผลการดำเนินการอีกครั้ง หากยังพบว่าไม่ครบถ้วนหรือถูกต้อง ก็จะมีคำสั่งให้แก้ไข ซึ่งหากพบว่า แพลตฟอร์มไม่ปฏิบัติตามหรือเพิกเฉยต่อคำสั่งของสำนักงาน ก็จะมีบทลงโทษตามกฎหมายต่อไป ทั้งการสั่งหยุดดำเนินธุรกิจหรือเพิกถอนการรับแจ้งในที่สุด.