นักวิชาการตีแผ่ด้านมืดพนัน Poker หลัง ‘ภูมิธรรม’ เล่นทีเผลอแอบปลดล็อกให้ถูกกฎหมาย แนะสว.ถอดถอน
5 ส.ค.2568- จากกรณีนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงนามปลดล็อกพนัน Poker ให้เป็นกิจกรรมถูกกฎหมายเมื่อวันที่ 30 ก.ค. 68 โดยอ้างว่าเพื่อจัดแข่งขันกีฬานานาชาติ โดยระบุว่า ปัจจุบันยังเปิดแค่เฉพาะราย-กรณี พร้อมตั้งคณะกรรมการศึกษาข้อกฎหมายเพิ่มเติมนั้น
รศ.ดร.ชิดตะวัน ชนะกุล อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ให้ความเห็นถึงเรื่องนี้ว่า ในกรณีการพนัน Poker ผลการศึกษาในต่างประเทศพบว่า ผู้ที่เล่น Poker ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มเปราะบาง ได้แก่ ผู้ติดการพนัน และผู้มีรายได้น้อย โดยหลักฐานเชิงประจักษ์พบว่า ชุมชนที่ยากจนมีค่าใช้จ่ายในการเล่นพนัน Poker ต่อหัว สูงกว่าเมืองที่ประชากรมีค่าเฉลี่ยของรายได้สูง ทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยที่ทำให้ประชากรกลุ่มเปราะบางไม่สามารถผลักดันตัวเองให้หลุดพ้นจากความยากจนได้ นอกจากนี้ การเล่น Poker ทำให้ประชาชนไม่มีเงินเก็บ รวมถึงเป็นหนี้สินเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ปัญหาอาชญากรรม เช่น การปล้นจี้ ฉกชิงวิ่งราว สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ในประเด็นด้านเศรษฐกิจ การเล่น Poker ของประชาชน ทำให้รายได้ของธุรกิจค้าปลีกลดลงอย่างมาก โดยเฉพาะในชุมชนที่ประชากรส่วนใหญ่ยากจน เนื่องจากมีการลดการใช้จ่ายในส่วนอื่น ๆ เช่น อาหาร เสื้อผ้า เพื่อนำเงินจำนวนดังกล่าวมาเล่นพนัน ไม่นับรวมผลิตภาพของแรงงานในระบบเศรษฐกิจที่ต่ำลง หนี้ครัวเรือนที่ทะยานสูงขึ้น จนกลายเป็นปัญหาต่อเศรษฐกิจในระดับมหภาค
เธอกล่าวอีกว่า นอกเหนือจากปัญหาอาชญากรรม ปัญหาหนี้ครัวเรือน และการถดถอยทางเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญที่จะเกิดขึ้น การพนัน Poker ถูกกฎหมายจะทำให้ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจในประเทศทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น เพราะเงินที่เล่น Poker ของคนจน จะเข้ารัฐเป็นบางส่วน แต่เงินส่วนใหญ่ของนักพนัน Poker ที่ยากจนเหล่านี้จะไหลบ่าไปเป็นกำไรของเจ้าของธุรกิจ Poker ซึ่งในกรณีประเทศกำลังพัฒนาที่มีการทุจริตคอร์รัปชันที่รุนแรง ธุรกิจ Poker มักมีนักการเมืองหรือเจ้าหน้าที่รัฐที่ทุจริตคอร์รัปชันอยู่เบื้องหลัง
“คุณภูมิธรรม อาศัยช่วงที่ประชาชนส่วนใหญ่กำลังเผชิญกับปัญหาจากการถูกโจมตีทางทหารจากกัมพูชา มีประชาชนผู้บริสุทธิ์และทหารแนวหน้าล้มตายจำนวนมาก ลงนามให้ Poker ถูกกฎหมายในวันที่ 30 ก.ค.68 แม้จะอ้างว่าเป็นกรณีเพื่อเปิดทางให้มีการแข่งขันกีฬานานาชาติ แต่ประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมือง พ.ศ.2564ข้อ 6 (5) กำหนดว่า ข้าราชการการเมืองต้องเปิดเผยหรือให้ข้อมูลข่าวสารอันอยู่ในความรับผิดชอบของตน อย่างถูกต้อง ครบถ้วน และไม่บิดเบือน แก่ประชาชน ดังนั้น การไม่เปิดเผยข้อมูลอันควรต้องบอกแก่ประชาชนของนายภูมิธรรม จึงเป็นการไม่ปฏิบัติตามประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมือง ฯดังกล่าว ซึ่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและ/หรือสมาชิกวุฒิสภา ที่มีหน้าที่โดยตรงในการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล สมควรเสนอคำร้องตามมาตรา 82 ประกอบมาตรา 170 วรรคสาม ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มีพฤติการณ์ที่ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และ/หรือมีพฤติกรรมฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามมาตรา 160 (4) (5) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฯ อันเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามมาตรา 170 (4) หรือไม่”นักวิชาการผู้นี้ระบุ