ศบ.ทก.ประณามรัฐบาลเขมร ไม่จัดการศพทหาร ท้วง คำร้องไปยัง OHCHR ยัน ควบคุมเชลยศึกตามหลัก
ศบ.ทก. ประณามกัมพูชาไม่จัดการศพทหาร ท้วง คำร้องกัมพูชาไปยัง OHCHR ยัน ควบคุมเชลยศึกตามหลัก เข้ม ห้ามบินโดรน เผย ไทย เดินหน้าใช้เวทีโลก แจงข้อเท็จจริง ย้ำแนวทาง โปร่งใสไม่บิดเบือน
เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล การแถลงผลการประชุมศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) โดยมี พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย และ นางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้แถลง
รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาก็คือ 2 ฝ่ายก็ยังมีการวางกำลังในที่มั่นของตนเอง ไม่มีการเคลื่อนไหวที่มีนัยสำคัญ ทั้งนี้ก็มีรายงานว่าทางฝ่ายกัมพูชาได้มีดัดแปลงที่มั่น และมีการเพิ่มเติมกำลังในหลัก ประกอบไปด้วย ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย ช่องโดนเอาว์ ช่องอานม้า ช่องตาเฒ่า สัตตะโสม และภูผี โดยมีการเพิ่มเติมกำลังเข้ามาทดแทนกำลังที่สูญเสียในแต่ละพื้นที่ เป็นข้อบ่งชี้ได้ว่าทางฝ่ายกัมพูชานั้นได้รับการสูญเสียเป็นจำนวนมาก
ประเด็นที่สอง ในเรื่องของเชลย ดังที่ปรากฏเป็นข่าวมากมายในช่วงเวลาที่ผ่านมา ว่าในปัจจุบันนั้นเราได้เชลยจำนวน 20 นาย แล้วก็ได้ส่งกลับไปแล้วสองนายสองนายนั้น รายหนึ่งได้ป่วยบาดเจ็บและอีกหนึ่งป่วยทางจิต คงเหลือในปัจจุบันก็เพียง 18 รายที่อยู่ในการควบคุมตัวของฝ่ายไทย ขอเรียนให้ทราบว่าคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนของกัมพูชาได้มีการส่งคำร้องไปยังสำนักข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ โดยกล่าวหาว่าเราได้ควบคุมตัวทหารกัมพูชา ซึ่งผิดกฎหมายระหว่างประเทศ ถือว่าเป็นความพยายามที่บิดเบือนข้อเท็จจริงอย่างสิ้นเชิง ฝ่ายไทยได้ประนามในเรื่องของการบิดเบือนข้อมูลข่าวสารในเรื่องนี้
พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า อยากจะชี้แจงในเรื่องให้ได้ทราบว่า ทหารกัมพูชาที่ถูกควบคุมตัวทั้งหมดถือว่าเป็นเชลยศึกโดยคำว่าเชลยนั้นมีนิยามคำจำกัดความว่า เป็นผู้สังกัดในกองทัพภาคีคู่พิพาท ซึ่งไทยและกัมพูชาก็ถือว่าเป็นภาคีอนุสัญญาเจนีวา ซึ่งมีการบ่งชี้ในเรื่องของการปฏิบัติ และอนุสัญญาเจนีวานี้นี้เองมีผลบังคับใช้ในประเทศที่มีสงครามหรืออยู่ในสภาวะที่ขัดกันด้วยอาวุธหรืออยู่นั่นเอง ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเงื่อนไข ที่เราปฏิบัติต่อผู้ที่ถูกคุมตัวในฐานะเป็นเชลยศึก การปฎิบัติของฝ่ายไทยที่ผ่านมาได้มีการปฏิบัติโดยมีการเคลื่อนย้ายเชลยศึกทั้งหมดออกจากพื้นที่ที่เสี่ยงทันที นอกเหนือจากนั้นสิ่งที่เราได้ดำเนินการก็คือได้จัดให้มีแพทย์ตรวจร่างกายและสุขภาพ ของเฉลยทันที จากนั้นเราก็ได้มีการช่วยเหลือในการจัดหาอาหาร น้ำดื่ม เสื้อผ้า อย่างเหมาะสมและเพียงพอ โดยทั้งนี้อย่างที่ได้เรียนไปแล้วว่าเราได้มีการปล่อยตัวผู้บาดเจ็บไปแล้ว 2 ราย เนื่องจากสุขภาพไม่ดี ทั้งนี้เมื่อสภาวะของการขัดแย้งกันด้วยอาวุธ สภาวะของการรบนั้นสิ้นสุดลง ซึ่งปัจจุบันนี้ถือว่าสถานะนั้นยังไม่สิ้นสุดลงเพราะว่าการหยุดยิงนั้นไม่ถือว่าเป็นการสิ้นสุดสภาวะการการปฎิบัติที่ผ่านมา ควบคุมตัวไว้ทั้งหมด 18 นาย
พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า นอกจากนี้ทางกระทรวงการต่างประเทศเองก็ได้มีหนังสือแจ้งไปยังสำนักข้าหลวงใหญ่สิทธิชนแห่งชาติ ประท้วงข้อกล่าวหาของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนของกัมพูชา นอกจากนี้เพื่อเป็นการแสดงความโปร่งใส แล้วก็เผยแพร่ข้อเท็จจริงให้ประชาคมโลกทราบ ในสัปดาห์นี้ ฝ่ายไทยก็ได้เชิญผู้แทนจากคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ รวมถึงสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ลงพื้นที่เพื่อตรวจเยี่ยมทหารกัมพูชาที่ถูกควบคุมตัวด้วย
“ประเด็นถัดมา คือเรื่องของศพทหารกัมพูชา ดังที่สังเกตได้ว่ารัฐบาลและกองทัพกัมพูชานั้นมีการเพิกเฉย แล้วก็มีการละเลยต่อการปฎิบัติต่อศพทหารของตนเอง ประเทศไทยเองก็ขอเน้นย้ำว่าเรายึดในเรื่องของหลักมนุษยธรรมเสมอมา แม้เราเป็นฝ่ายถูกกระทำ ก็ยังเคารพต่อชีวิตและศักดิ์ศรีของมนุษย์ ไม่ว่าผู้นั้นจะสังกัดชาติใด โดยการปฏิบัติที่ผ่านมานะเราได้เล็งเห็นว่าการจัดการศพของฝ่ายกัมพูชานั้นได้มีการละเมิดหลักมนุษยชน มนุษยธรรมสากลขั้นพื้นฐาน ก็คือการทอดทิ้งร่างผู้เสียชีวิตโดยเฉพาะทหารของตนเองไม่ใช่เพียงการขัดต่อหลักศีลธรรมแต่ยังเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างชัดเจนด้วย โดยอ้างอิงต่อหลักฐานของอนุอนุอนุสัญญาเจนีวาฉบับที่หนึ่งและสี่ ว่าด้วยการเก็บรักษาและเคารพร่างผู้เสียชีวิตจากการสู้รบ”พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าว
รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย กล่าวว่า ประเด็นที่สองที่เราเห็นการปฎิบัติของฝ่ายกัมพูชาละเมิดเพิกเฉย ก็คือการละเมิดเกียรติยศของกองทัพกัมพูชาเอง นั่นคือการไม่ดำเนินการใดๆ ต่อร่างของทหารของตนเองที่เสียชีวิต ย่อมสะท้อนถึงการละเลยศักดิ์ศรีของความเป็นทหารของประเทศตนเอง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเศร้าเป็นอย่างยิ่งทีเดียว เป็นเรื่องที่สามารถสร้างผลกระทบต่อทหารของกัมพูชาที่ยังมีชีวิตอยู่ และครอบครัวของผู้เสียชีวิตด้วย ตามที่เราทราบกันในสื่อสังคมออนไลน์ครอบครัวของทหารกัมพูชาเรียกร้องแล้วก็ค้นหาญาติของตนเองที่สูญหาย ซึ่งก็สังเกตได้ว่าฝ่ายกัมพูชาก็ยังเพิกเฉยต่อกรณีดังกล่าวด้วย
อีกประเด็นหนึ่ง เช่นเดียวกับประเทศไทยนั้นกัมพูชาก็เป็นประเทศพุทธ การที่ไม่จัดการศพของตนเองนั้นก็ถือเป็นการละเมิดหลักศาสนาและขนบธรรมเนียมอันศักดิ์สิทธิ์ของประเทศแต่ละฝ่ายด้วย
ประเด็นสุดท้ายก็สำคัญ คือเรื่องของกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขลักษณะข้ามแดนทับการปล่อยศพไว้โดยไม่เก็บกู้อาจจะส่งผลต่อ สภาพศพ ในพื้นที่และอาจจะกลายเป็นประเด็นความเดือดร้อนที่ลุกลาม เป็นปัญหาข้ามพรมแดนด้วย อันนี้ก็ถือว่าการรักษาอนามัยต่างๆนั้นนอกเหนือจากเรื่องของกลิ่นแล้วก็ยังมีเรื่องของความสกปรก แล้วก็อาจเกิดโอกาสที่จะแพร่เชื้อโรคต่างๆได้ในพื้นที่ซึ่งเป็นอันตรายต่อประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะบริเวณชายแดน แล้วก็ขอกล่าวไปทางฝ่ายกัมพูชาเรื่องของการเคารพสิทธิหลักพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ของประชาชนชาวกัมพูชาโดยเฉพาะอย่างยิ่งทหารที่เสียสละสู้รบให้กับท่าน แจ้งผ่านไปยังประเทศกัมพูชาในเรื่องนี้ด้วย
พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า ประเด็นในเรื่องของขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนทุกๆท่าน ในเรื่องของการงดผลิตหรือเผยแพร่ข่าวปลอมหรือประเด็นต่างๆเหล่านี้ แน่นอนว่ามีผลกระทบต่อความวิตกกังวลของประชาชนในพื้นที่ อย่างเช่นกรณีที่ที่ผ่านมามีในเรื่องของการเคลื่อนย้ายของทหารในพื้นที่ ทำให้เกิดความกังวลแล้วก็ตื่นตระหนกออกประชาชนในพื้นที่ด้วย ก็ขอในเรื่องของการผลิตหรือการเผยแพร่ปลอมนั้นขอให้
ประเด็นในเรื่องของการบิน จะสังเกตได้ว่าในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาการตรวจพบการบินโดรนโดยผิดกฎหมายอย่างมากมาย ซึ่งปัจจุบันนี้สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ได้ออกประกาศห้ามบินทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 30 กรกฎาคมจนถึง 15 สิงหาคม ไม่ว่าจะเป็นเชิงพาณิชย์หรือเชิงเกษตร โดยผู้ฝ่าฝืนจะต้องระวังโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปีปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนโดยเฉพาะพี่น้องทหารผ่านศึก และนักศึกษาวิชาทหารทั่วประเทศอาศัยความรู้ความสามารถที่ได้ร่ำเรียนมาในเรื่องของการเป็นทหารช่วยกันตรวจสอบตรวจตรา ว่ามีผู้ไม่ประสงค์ดีหรือประสงค์ร้ายในการดำเนินการพฤติกรรมดังกล่าวหรือไม่ หากมีการตรวจพบขอให้แจ้งไปที่ศูนย์ต่อต้านโดรนหรือศูนย์แจ้งเหตุใกล้พื้นที่ เพื่อช่วยดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง เป็นมาตรการเชิงรุก ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็จะลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบการครอบครองทั่วประเทศ นอกจากนี้ก็ยังจะทำการประชาสัมพันธ์แล้วก็ขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนและผู้ที่ใช้อากาศยานโดรน ให้ยึดถือและปฏิบัติตามกฏหมายอย่างเคร่งครัด
พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า ประเด็นสุดท้ายของฝ่ายความมั่นคงคือเรื่องของกำหนดการประขุม GBC ในช่วงวันที่ 4 ถึง 7 สิงหาคมนี้ อยากจะขอเน้นย้ำว่า ช่วงเวลาวันที่ 4 ถึง 6 สิงหาคมก็ เป็นการประชุมของฝ่ายเลขานุการของฝ่ายไทย ไม่มีประเทศอื่นๆเข้ามาร่วม มีแค่ไทยและกัมพูชาร่วมในการประชุมฝ่ายเลขานุการ จากนั้นในวันที่ 7 สิงหาคม เป็นการประชุมหลัก โดยองค์ประกอบของคณะกรรมการประชุมหลักนี้ ประกอบด้วยเจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของกรมภูมิภาคที่ดูแลชายแดนไทยกัมพูชาครับรวมไปถึงกรมสนธิสัญญาที่จะดูแลในเรื่องของตัวบทกฎหมาย
นอกจากนี้ก็จะมีผู้แทนของกระทรวงมหาดไทย ผู้แทนสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ผู้แทนกระทรวงกลาโหม เป็นสำนักนโยบายและแผนกระทรวงกลาโหม รวมถึงกรมพระธรรมนูญ ด้วย ก็จะเข้าร่วมคณะการประชุม นอกจากนี้ก็จะมีเรื่องของผู้แทนของกองทัพได้แก่กองกองทัพไทย กองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ รวมถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แล้วก็ฝ่ายทหารบกและทหารทหารอากาศประจำกรุงพนมเปญ ซึ่งเป็นทหารประจำ นี่คือองค์ประกอบของคณะฝ่ายไทยที่จะเข้าร่วมการประชุม และขอเน้นย้ำว่าผู้สังเกตการณ์ซึ่งในโอกาสนี้ก็จะมีมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา เข้าร่วมประชุมหลักในวันที่ 7 สิงหาคม
ด้าน รองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า การดำเนินการของกระทรวงการต่างประเทศ ผ่านสถานเอกอัครราชทูต และสถานกงสุลใหญ่ เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์ไทย- กัมพูชา ต่อประชาคมโลก โดยตลอดช่วงเวลาหลายวันที่ผ่านมา เอกอัครราชทูต และกงสุลใหญ่ของไทยทั่วโลก รวมถึงผู้บริหารระดับสูง ได้ใช้โอกาสต่างๆ ชี้แจงข้อเท็จจริง และจุดยืนของไทยผ่านช่องทางการทูต และเวทีโลกที่สำคัญอย่างต่อเนื่อง เช่น การชี้แจงของอธิบดีกรมยุโรปในการประชุม Helsinki +50 ภายใต้กรอบขององค์องค์กรว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (OSEC)
นอกจากนี้ ผู้บริหารระดับสูง และท่านทูตของไทยท่านอื่นๆ ได้เข้าพบกับบุคคลระดับสูงของประเทศต่างๅ และให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ เพื่อให้ข้อมูล และตอบข้อสงสัยต่างๆ เกี่ยวกับสถานการณ์ พร้อมตอกย้ำท่าทีของไทยที่มุ่งแก้ปัญหาอย่างสันติ และการดำเนินการที่มีความโปร่งใส เน้นข้อเท็จจริงโดยไม่บิดเบือน
โดยจากรายงานของท่านทูตไทยทั้งหลายที่ผ่านมา ทราบว่าการดำเนินงานของฝ่ายไทยในลักษณะนี้ได้รับการตอบรับด้วยดีจากมิตรประเทศต่างๆ ที่ได้แสดงความเห็นใจ และสนับสนุนแนวทางการดำเนินการของฝ่ายไทย
นางมาระตี กล่าวว่า นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศ ยังได้จัดบรรยายสรุปกับคณะทูต และเข้าร่วมกิจกรรมเสวนาที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ (FCCT) เพื่อให้ข้อเท็จจริงกับประชาคมโลกอย่างต่อเนื่อง และเป็นวงกว้าง โดยช่วงเช้าของวันนี้ กระทรวงการต่างประเทศได้จัดการบรรยายสรุปแก่คณะทูต และองค์การระหว่างประเทศอีกครั้ง เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา มีผู้เข้าร่วม 121 คน จาก 74 ประเทศ 1 องค์กร และอีก 16 องค์การระหว่างประเทศ เป็นการให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบัน และสถานการณ์ล่าสุด ซึ่งการบรรยายสรุปจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 3 นับตั้งแต่เกิดสถานการณ์ และได้ชี้แจงข้อเท็จจริงหลายกรณีที่กัมพูชาสร้างข่าวปลอมขึ้นมา ซึ่งรมว.ต่างประเทศ เป็นผู้นำบรรยายเอง
วันนี้เวลา 18.00 น. ตน และโฆษกศบ.ทก. ฝ่ายความมั่นคง จะไปร่วมเสวนาที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ ในหัวข้อ “การรายงานข่าว และแนวทางการศึกษาสาธารณะ เกี่ยวกับสถานการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา” ซึ่งเปิดให้ทั้งสื่อไทย สื่อต่างประเทศ และสาธารณชน ร่วมกับฟังได้ด้วย เพื่อเป็นช่องทางสำคัญที่จะได้พูดคุยถึงแนวทางการทำงานของเราในเรื่องนี้ และแสดงถึงความพร้อมของพวกเราที่จะแลกเปลี่ยน รับฟังความคิดเห็น และมีปฏิสัมพันธ์ กับสื่อมวลชนอย่างเปิดเผย และสร้างสรรค์เกี่ยวกับประเด็นสำคัญต่างๆ เช่น สงครามข้อมูลข่าวสาร และแนวทางบริหารสถานการณ์
สุดท้ายนี้ขอส่งกำลังใจให้คณะผู้แทนไทยที่ประชุมกำลังประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย – กัมพูชา (GBC) ที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งจะเป็นอีกก้าวสำคัญของการกลับสู่โต๊ะเจรจาบนพื้นฐานของความสุจริต เพื่อลดความตึงเครียด และแก้ไขปัญหาระหว่างกันอย่างสันติวิธี
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ศบ.ทก.ประณามรัฐบาลเขมร ไม่จัดการศพทหาร ท้วง คำร้องไปยัง OHCHR ยัน ควบคุมเชลยศึกตามหลัก
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th