‘GMM Music’ โตแกร่งสวนกระแสเศรษฐกิจ โชว์ผลงานไตรมาส 1 ปี 68 รายได้พุ่งเกือบ 20%
GMM Music เปิดผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2568 แกร่งเกินคาด รายได้พุ่ง 20 % สวนทางภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ผันผวน วางกลยุทธ์ตลอดปี ร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ในเชิงลึก สร้างสรรค์ผลงาน และโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ในฐานะ Music Pure Play อย่างต่อเนื่อง
นายภาวิต จิตรกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีเอ็มเอ็ม มิวสิค จำกัด (มหาชน) หรือ GMM Music กล่าวว่า แม้สภาพเศรษฐกิจไทยจะเกิดความผันผวนอย่างหนัก หลายธุรกิจในอุตสาหกรรมบันเทิง ถูก Disrupt และ เกิดภาวะชะลอตัวทางรายได้
แต่ธุรกิจเพลงยังคงเป็นเซ็กเตอร์ในอุตสาหกรรมเอนเตอร์เทนเมนต์ที่แข็งแกร่ง เติบโตผ่านพ้นกระแส Disruption ด้วยความมั่นคง และปรับตัวเข้าสู่ Growth Stage ได้เป็นอย่างดี
ผลการดำเนินงานที่โดดเด่นของบริษัทในปี 2567 และไตรมาสแรกของปี 2568 เกิดจากความสำเร็จของกลยุทธ์ที่วางไว้อย่างครอบคลุมทั้งในระยะสั้น กลาง และยาว
รวมถึงการบริหารจัดการด้วยความเชี่ยวชาญของทีมงานที่มีประสบการณ์ การบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ และการสร้างสรรค์ผลงานที่ตอบโจทย์ และปรับเปลี่ยนให้ทันกับตลาดและผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็วทันเกม
ในปี 2567 GMM Music สร้างปรากฏการณ์ด้วยการสร้างรายได้รวมกว่า 4,056 ล้านบาท โดยมีอัตราการเติบโตของรายได้เฉลี่ยต่อปีแบบทบต้น (CAGR) ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2565-2567) เฉลี่ยอยู่ที่ 15% ต่อปี และมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 8.03% เมื่อเทียบกับงวดสิ้นปี 2566
บริษัทมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 10.73% รักษาระดับใกล้เคียงกันกับปีที่ผ่าน ๆ มา โดยมีอัตราเติบโตของกำไรเฉลี่ยต่อปีแบบทบต้น (CAGR) ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2565-2567) เฉลี่ย 19.53% ต่อปี
สำหรับไตรมาสแรกของปี 2568 GMM Music ยังคงรักษาผลประกอบการที่ดีอย่างต่อเนื่อง ด้วยรายได้รวม 1,073.18 ล้านบาท เติบโตเกือบ 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 155.39 ล้านบาท เติบโตขึ้น 46.84% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
ผลการดำเนินงานกลุ่มธุรกิจ 4 เสาหลักไตรมาส 1 ปี 2568
- กลุ่มธุรกิจดิจิทัลมิวสิค (Digital Streaming)
มีรายได้ 245.30 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากธุรกิจ Digital Subscription จากแพลตฟอร์มสตรีมมิงต่าง ๆ แม้รายได้จากการโฆษณาในวิดีโอสตรีมมิง และออดิโอ สตรีมมิง (Ad Revenue) จะลดลงเล็กน้อยตามภาวะการใช้เงินในตลาดที่หดตัว แต่ไม่ส่งผลกระทบกับภาพรวมของกลุ่มธุรกิจ
ปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญ คือการเติบโตของรายได้ประจำ (Recurring Revenue) จากการบริหารจัดการลิขสิทธิ์เพลง (Music IP) อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้ง New Release หรือเพลงใหม่ และ Music Back Catalog หรือคลังเพลงฮิตจำนวนมหาศาลที่ยังคงได้รับความนิยมอย่างไม่เสื่อมคลาย
- กลุ่มธุรกิจบริหารลิขสิทธิ์ (Right Management)
ยังคงเติบโตท้าทายสภาวะตลาดในปัจจุบันด้วยรายได้กว่า 94.42 ล้านบาท อันเป็นผลจากการวางกลยุทธ์ล่วงหน้า และการวางแผนงานระยะยาวร่วมกับพาร์ทเนอร์สาขาต่าง ๆ และการเติบโตของการจัดงานคอนเสิร์ต และมิวสิค เฟสติวัล ที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
- กลุ่มธุรกิจบริหารศิลปิน (Artist Management)
ยังคงรักษาเสถียรภาพได้ดี ด้วยรายได้จากงานสปอนเซอร์เพิ่มขึ้นกว่า 108% ขณะที่ส่วนของงานจ้างศิลปิน (Live Show) มีอัตราการจ้างงานอยู่ในมาตรฐานเดิม
ขณะที่ส่วนของงานพรีเซนเตอร์ และ Tailormade มีผลประกอบการลดลงเล็กน้อย เนื่องด้วยความผันผวนของเม็ดเงินการโฆษณาในแต่ละไตรมาส
- กลุ่มธุรกิจโชว์บิซ (คอนเสิร์ต และเทศกาลดนตรี)
ทำรายได้สูงสุดที่ 358.68 ล้านบาท สร้างปรากฏการณ์เติบโตแบบก้าวกระโดดถึง 107.45% และจำนวนคนดูกว่า 220,000 คน ที่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว หรือกว่า 100% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
อันเป็นผลจากความสำเร็จอย่างล้นหลามของมิวสิค เฟสติวัล ระดับประเทศในช่วงไตรมาส 1 นี้ อาทิ เทศกาลดนตรี Rock Mountain เฉียงเหนือเฟส พุ่งใต้เฟส นั่งเล มิวสิคเฟสติวัล และเทศกาลดนตรีที่จัดขึ้นใหม่อย่าง FAAD Festival รวมถึงคอนเสิร์ตขนาดใหญ่อย่าง Cocktail Ever Live ที่ได้รับการตอบรับอย่างท่วมท้นจากแฟนเพลง
ธุรกิจใหม่ "BLKGEM" ช่วยรักษาการเติบโต
นายภาวิต บอกด้วยว่า นอกจาก 4 เสาธุรกิจหลักที่สร้างรายได้ได้อย่างมั่นคง และแข็งแรงแล้ว อีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้ GMM Music ยังสามารถรักษาการเติบโตได้ดี คือ ธุรกิจใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวไม่นานอย่าง BLKGEM สถาบันศิลปะบันเทิง ที่เกิดจากความร่วมมือระหว่าง GMM Music และ Harlem Shake ซึ่งบริหารโดยครูเจด้า-อภิสราฐ์ เพชรเรืองรอง สามารถสร้างรายได้ที่เติบโตอย่างโดดเด่นถึง 83% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ในด้านการผลิตคอนเทนต์ GMM Music มียอดการรับชมวิดีโอ และฟังเพลงเติบโตกว่า 26% เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
ส่วนของการรับชมวิดีโอ มีการเติบโตถึง 22% ด้วยยอดรับชม (วิว) จาก 4,472 ล้าน เป็น 5,492 ล้าน โดยส่วนของ Back Catalog เติบโต 13% ขณะที่ผลงานใหม่ (New Release) เติบโต 25%
ส่วนของเพลงประเภท Audio เติบโต 49% ด้วยยอดรับฟัง (สตรีมมิ่ง) จาก 629 ล้าน เป็น 939 ล้าน โดยส่วนของ Back Catalog เติบโต 10% และผลงานใหม่ (New Release) เติบโต 24% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
กลยุทธ์ช่วงครึ่งหลังปี 2568
GMM Music คาดว่า ภาวะการแข่งขันในธุรกิจโชว์บิซจะรุนแรงยิ่งขึ้น โดยประเทศไทยจะมีการจัดคอนเสิร์ตของศิลปินไทย และต่างประเทศมากกว่า 1,000 งานในปีนี้
โดยปกติบริษัทได้วางแผนไว้ล่วงหน้า 1 -2 ปีสำหรับธุรกิจนี้ โดยพิจารณาถึงปัจจัยต่าง ๆ อย่างรอบด้าน ทั้งเทรนด์ ของผู้ชม การวางตำแหน่งแบรนด์ ตลอดจนการสร้างความร่วมมือกับพันธมิตร ซัพพลายเออร์ และการพัฒนาคุณภาพทีมงาน
ในปี 2568 นี้ นอกจากจะมีแผนจัดมิวสิค เฟสติวัล ในหลากหลายพื้น ที่และจัดคอนเสิร์ตของศิลปินในสังกัดแล้ว ยังมีคอนเสิร์ต และแฟนมีทของศิลปินเกาหลี เช่น Le Sserafim Tour 'Easy Crazy Hot' in Bangkok, 2025 Han So Hee 1st Fanmeeting World Tour [Xohee Loved Ones,] in Bangkok และคอนเสิร์ตจากศิลปินนานาชาติอีกมากมาย
นายภาวิตให้ความเห็นว่า ภาวะตลาดโชว์บิซมีการแข่งขันที่สูงขึ้น และมีผู้เล่นใหม่ ๆ รวมตัวกันเข้ามา เป็นสิ่งที่ดีต่อการพัฒนาอุตสาหกรรม และบริษัทได้เตรียมความพร้อมสำหรับการแข่งขันอยู่ตลอด ด้วยการวางกลยุทธ์เชิงรุกทั้งระยะสั้น กลาง และยาวอย่างมีแบบแผน
ความได้เปรียบด้านโครงสร้างบริษัท ประสบการณ์ของทีมงาน และองค์ความรู้ในธุรกิจที่มีมาอย่างยาวนาน รวมถึงการมี Big Data ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมเพลง ทำให้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลจากหลากหลายมิติมาช่วยประกอบการตัดสินใจได้อย่างแม่นยำ
ในส่วนของธุรกิจดิจิทัลมิวสิค จะมีการร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ในเชิงลึก เพื่อสรรหาแนวทาง และโมเดลธุรกิจที่สามารถสร้างรายได้ให้เติบโตมากขึ้น
ตลอดจนการใช้ยุทธศาสตร์เฉพาะทางในการบริหาร Back Catalog และ New Release อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งน่าจะสามารถสร้างการเติบโตในกลุ่มธุรกิจดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง
สำหรับการผลิตคอนเทนต์ โดยปกติบริษัทจะมีการวางกลยุทธ์ 3 ปี ล่วงหน้าโดยจะทำงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับ 14 ค่ายเพลงในสังกัด พร้อมเดินหน้าแผนจัดตั้งค่ายเพลงอินเตอร์จำนวน 2 ค่ายร่วมกับเทนเซนต์ มิวสิค เอนเตอร์เทนเมนท์ (TME) และวอร์เนอร์ มิวสิค เอเชีย ซึ่งพร้อมจะเปิดตัวเร็ว ๆ นี้
โดยวางเป้าหมายขยายสเกลของพอร์ตโฟลิโอเพลงโดยรวมของบริษัทด้วยผลงานเพลงใหม่ ๆ ทั้งเชิงคุณภาพ และปริมาณ ไม่น้อยกว่า 500 เพลง และ 3,000 เพลย์ลิสต์ ภายในปี 2568 นี้
นายภาวิต ย้ำความเชื่อมั่นว่า GMM Music จะยังสามารถเติบโตสวนกระแสเศรษฐกิจได้ตลอดทั้งปี 2568 ด้วยความมุ่งมั่นในการสร้างความมั่นคงให้กับอุตสาหกรรมเพลงไทย ซึ่งไม่ใช่แค่การเติบโตทางธุรกิจ แต่เป็นการสร้างระบบนิเวศทางดนตรีที่ยั่งยืน และครอบคลุม
ตั้งแต่การพัฒนาศิลปินรุ่นใหม่ การสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่หลากหลาย การใช้เทคโนโลยีเพื่อเข้าถึงผู้บริโภค และการสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรทั้งใน และต่างประเทศ
เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมเพลงไทยสู่ New Music Economy ด้วยการเป็น Music Pure Play ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยอย่างเต็มรูปแบบ
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- 10 เรื่องน่ารู้ 'GMM Music' หุ้นค่ายเพลงที่เตรียม IPO
- GMM Music จับมือ Tencent-TME เปลี่ยนผ่านธุรกิจเพลง สู่ธุรกิจ IP business
- ธุรกิจเพลง-ภาพยนตร์โต หนุน จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ คว้ากำไร 405.9 ล้าน
ติดตามเราได้ที่
เว็บไซต์: https://www.thebangkokinsight.com/
Facebook: https://www.facebook.com/TheBangkokInsight
X (Twitter):https://twitter.com/BangkokInsight
Instagram: https://www.instagram.com/thebangkokinsight/
Youtube:https://www.youtube.com/channel/UCYmFfMznVRzgh5ntwCz2Yxg