โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ต่างประเทศ

ศาลยกฟ้องเหยื่อถูกหลอกทำคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชา คนตั้งใจไปถูกตัดสินจำคุก

Amarin TV

เผยแพร่ 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา
ศาลตัดสินไทยที่ถูกช่วยเหลือกลับมาจากกลุ่มอาชญากรทางไซเบอร์ที่ประเทศกัมพูชา จำคุก 17 ราย และยกฟ้อง 9 ราย นักเคลื่อนไหวย้ำอย่ามองข้ามการค้ามนุษย์

26 มิถุนายน 2568 ณ ศาลอาญารัชดา ที่ห้องพิจารณาคดี 902 ศาลได้มีการพิจารณาคดีคนไทยที่ถูกช่วยเหลือกลับมาจากกลุ่มอาชญากรทางไซเบอร์ที่ประเทศกัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 29 กรกฎาคม 2565 โดยในจำนวนคนไทย 94 คนที่กลับมานั้น ตำรวจมีการแจ้งความดำเนินคดีบางส่วนในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นบุคคลอื่น อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 ประกอบมาตรา 83 และร่วมกันเป็นอั้งยี่ อันเป็นความผิดตามมาตรา 209 ประกอบมาตรา 83”

ศาลมีคำสั่งตัดสินจำคุก 17 ราย และยกฟ้อง 9 ราย หนึ่งในผู้ถูกยกฟ้องกล่าวว่า ตัวเขาถูกหลอกไปทำงานและพยายามขอความช่วยเหลือ รวมทั้งผ่านกระบวนการคัดกรองผู้เสียหายจากการถูกค้ามนุษย์โดยทีมสหวิชาชีพ

คุยกับเหยื่อ (ถูกหลอกไปเป็น) สแกมเมอร์

นพ (นามสมมติ) คือหนึ่งในบุคคลที่ศาลยกฟ้องกล่าวว่า เขารู้สึกดีใจ ที่หลังจากการต่อสู้คดีมา 3 ปี ศาลก็ยกฟ้องในที่สุด นพกล่าวเตือนคนไทยที่กำลังไปทำงานในประเทศเพื่อนบ้านว่า ไม่มีงานอย่างที่คาดหวังไว้เพราะงานเกือบทั้งหมดในประเทศเหล่านี้ (ลาว,กัมพูชา, เมียนมา) คืองานสแกมเมอร์เกือบทั้งหมด

“อย่าหลงเชื่อการประกาศรับสมัครงานในเฟสบุ๊คหรือช่องทางออนไลน์อื่นๆ ต้องตรวจสอบให้ดี”

นพเล่าว่า วันที่เขาตัดสินใจไปทำงาน เพราะความกดดันจากการตกงานในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ร่วมกับภาระหน้าที่ต้องเลี้ยงดูผู้เป็นแม่ซึ่งอายุมากแล้ว แต่ชีวิตหลังจากถูกหลอกให้ไปทำงานเป็นแก๊งคอลเซนเตอร์ของนพคือการถูกทำร้ายรวมกับการถูกขายต่อ จนกระทั่งได้รับการช่วยเหลือและถูกออกหมายโดยตำรวจไทย เขาทิ้งท้ายว่าอยากให้หน่วยงานรัฐมีการคัดกรองผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ก่อนทำการจับกุมดำเนินคดี

สว่าง จำปาทอง ผู้เป็นมารดาของนพกล่าวว่า ตลอด 3 ปีที่ร่วมต่อสู้คดีกับลูกชาย เธอต้องสูญเสียรายได้และค่าใช้จ่ายไปอย่างมากในการเดินทางและต่อสู้คดี ทั้งที่ในฐานะชาวนา รายได้ของเธอและลูกก็น้อยนิดจนไม่เคยเพียงพอต่อการใช้ชีวิตอยู่แล้ว นั่นเองจึงเป็นสาเหตุที่ลูกชายของเธอตัดสินใจสมัครงานที่ประเทศกัมพูชา เพราะคิดว่าจะสามารถหารายได้มากกว่าการทำนาอยู่บ้าน

“คนมันไม่มีกิน ตรงไหนมีเงินมีงานก็อยากจะไปกัน”

สว่างกล่าวพร้อมร้องขอให้รัฐมีมาตรการป้องกันไม่ให้คนถูกหลอกไปทำงานอีก รวมทั้งการคัดกรองเพื่อแยกระหว่างคนที่ตั้งใจไปทำงานสแกมเมอร์และคนที่ถูกหลอกไป

หนึ่งในผู้ต้องหาที่ถูกตัดสินจำคุก 2 ปี 16 เดือน แต่ได้รับการประกันตัวเพื่อต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ ระบุกับผู้สื่อข่าวว่า ก่อนถูกหลอกไปทำงานที่ประเทศกัมพูชาในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2565 เขามีอาชีพรับจ้างทั่วไป ที่อู่ทำสีรถ จังหวัดเชียงราย ก่อนถูกเลิกจ้างในช่วงโควิด และไปเจอเข้ากับงานแอดมิน ที่มีข้อเสนอรายได้เริ่มต้น 25,000-30,000 บาทต่อเดือน ทั้งยังมีสวัสดิการอย่าง ที่พักฟรี อาหารฟรี ในจังหวัดพระสีหนุ ประเทศกัมพูชาอีกด้วย

แต่หลักตกลงไปทำงาน เขาถูกบังคับให้ทำงานเป็นโรแมนซ์สแกม (สแกมหลอกให้รัก) และถูกขายต่อไปเรื่อย ๆ จนได้รับความช่วยเหลือเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2565 โดยตำรวจไทยและตำรวจกัมพูชา และต่อมาเขาถูกส่งตัวไปยังตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จ.สระแก้ว พร้อมได้มีการแสดงหมายจับกุมและฝากขังก่อนส่งตัวเขามายังศาลอาญา

ไม่ใช่แค่โจรกรรมออนไลน์ แต่คือการค้ามนุษย์

จารุวัฒน์ จิณห์มรรคา รองประธานกรรมการมูลนิธิอิมมานูเอล องค์กรช่วยเหลือผู้เสียหายจากการถูกค้ามนุษย์ได้แสดงความเป็นกังวลต่อกระบวนการยุติธรรมที่เกิดขึ้น โดยหนึ่งในผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ที่เขาช่วยเหลือถูกตัดสินจำคุก 2 ปี 16 เดือน โดยมองว่าตอนนี้ทางฝั่งเจ้าหน้าที่รัฐมองเรื่องนี้ในมุมมองของอาชญากรรมทางไซเบอร์ โดยลืมไปว่านี่คือขบวนการค้ามนุษย์ที่รวมอยู่ด้วย

“ถ้าเรามองข้ามเรื่องการค้ามนุษย์ไป ปัญหาจะไม่มีทางหมดไป เพราะต้นตอจริงๆ ของเรื่องนี้คือกระบวนการค้ามนุษย์ที่บังคับให้คนเป็นสแกมเมอร์” จารุวัฒน์กล่าว

รายงานขององค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (IOM) ในปี 2024 พบว่าคดีค้ามนุษย์เพื่อก่ออาชญากรรมโดยบังคับในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพิ่มขึ้นจาก 296 คดีในปี 2022 เป็น 978 คดีในปี 2023 หรือเพิ่มขึ้น 230 เปอร์เซ็นต์ นั่นหมายความว่าผู้เสียหายจำนวนมากยังคงถูกจองจำโดยไม่มีทางหนี

จารุวัฒน์เสนอว่าประเทศไทยควรนำกระบวนการคัดกรองผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ ซึ่งประกาศใช้เมื่อปลายเดือนกันยายน 2566 มาใช้อย่างจริงจัง เพื่อเป็นระบบคัดกรองระหว่างผู้เสียหายจากค้ามนุษย์และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มสแกมเมอร์ แต่ในปัจจุบันพบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจหลีกเลี่ยงการนำกระบวนการคัดกรองผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์มาใช้ และใช้การจับกุมคนด้วยคดีความอย่างร่วมกันฉ้อโกง, พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 มาใช้ในการเหมารวมผู้เสียหายจากค้ามนุษย์แทน ทำให้ปัญหาขบวนการสแกมเมอร์ยังคงไม่หมดไปจากสังคมไทย เพราะจารุวัฒน์มองว่าตราบใดที่ขบวนการเหล่านี้ยังสามารถหลอกลวงคนไปทำงานด้วยการค้ามนุษย์ได้ พวกเขาก็ยังที่จะสามารถดำเนินการต่อไปได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก Amarin TV

เจอแล้ว! พบวัตถุต้องสงสัยบริเวณหาดสุรินทร์ครบ 2 จุด รวม 6 จุด จ.ภูเก็ต

26 นาทีที่แล้ว

เจออีก 1 ลูก วางบึ้มป่วนกระบี่ ที่ประติมากรรมหอยชักตีน

31 นาทีที่แล้ว

กนง. คงอัตราดอกเบี้ย แต่หวังลดก่อนสิ้นปี

56 นาทีที่แล้ว

เปิดห้องบูชาลับ "อ.เชียง ปัณณวิชญ์" เผยทริคบูชาพระพิฆเนศอย่างไรให้ปัง

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความต่างประเทศอื่น ๆ

‘ฮุน เซน’ เสียใจ! มิตรภาพ ‘ทักษิณ’ 30 ปี พัง ลั่น ‘อิ๊ง’ ผู้นำไร้คุณธรรม

The Bangkok Insight

จีนไล่ “พลเรือเอก” พ้นคณะกรรมาธิการทหาร หลังถูกสอบฐานคอร์รัปชั่น

เดลินิวส์

ชายเกาหลี ราดน้ำมันบนรถไฟ ก่อนจุดไฟเผา หวังสังหารหมู่ หลังไม่พอใจ แพ้คดีหย่า

Khaosod

เจ็บไม่ลืม! นักแสดงสาว เปิดใจปมหย่าร้างสามี หลังมีเรื่องอื้อฉาวสนั่นวงการ แม้ในใจยังรักอยู่ (ข่าวต่างประเทศ)

News In Thailand

“ยิว”กร้าว! ยังคงหมายหัว“ผู้นำสูงสุดอิหร่าน”

สยามรัฐ
วิดีโอ

สรุปข่าวต่างประเทศ วันที่ 27 มิ.ย. 2568

THE ROOM 44 CHANNEL

สาวเคยถูกเรียกว่า "ลูกดาราที่ขี้เหร่ที่สุด" ตอนนี้สุดปัง เดบิวต์เป็นศิลปินเกาหลี

Khaosod
วิดีโอ

ญี่ปุ่นประหารชีวิต "ฆาตกรทวิตเตอร์" ผู้สังหารเหยื่อ 9 ราย คดีดัง 2017

WeR NEWS

ข่าวและบทความยอดนิยม

สรุปไลฟ์ 4 ชม. ฮุน เซน พูดอะไร? แฉชินวัตร-โบ้ยไทยนำเข้าสแกมเมอร์

Amarin TV

"ฮุน เซน" ปากแจ๋ว ท้าไทยขึ้นศาลโลก โวอาวุธเขมรถล่มกรุงเทพฯได้ แต่ไม่ทำ

Amarin TV

กฟภ.แจงไม่ได้งดจำหน่ายไฟฟ้าทั้ง 8 จุด แต่เขมรไม่ใช้ไฟไทยเอง

Amarin TV
ดูเพิ่ม
Loading...