ศึกศักดิ์ศรี - การเมืองเหยียบตาปลากัน ปมขัดแย้ง!! ‘เดชอิศม์ - สส.กฤต’
(28 ก.ค. 68) มีหลายคนถามว่า ต้นสายปลายเหตุของความขัดแย้งระหว่าง “เดชอิศม์ ขาวทอง กับ ชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว” เกิดจากอะไร ทั้งๆที่ไม่น่าจะมีประเด็นขัดแย้ง เพราะชนนพัฒฐ์กับลูกเดชดิศม์ มีธุรกิจในสายเดียวกัน และเที่ยวด้วยกันอยู่
จากการสืบค้นน่าจะเกิดจาก“การเสียสัจจะลูกผู้ชาย” ของทั้งคู่ที่เคยรับปากกันไว้ แต่เมื่อถึงเวลาเอาเข้าจริงทำไมได้ ส่วนใครผิดสัจจะก่อน ไม่แน่ชัด
ย้อนกลับไปในการเลือกตั้งปี 2566 เดชอิศม์ เคยรับปากว่าจะไม่เข้าไปยุ่งกับเขตเลือกตั้งที่ 4 สงขลา คือย่านระโนด กระแสสินธ์ สทิงพระ สิงหนคร ซึ่งชนนพัฒฐ์ ลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งชนนพัฒฐ์ก็รับปากว่าจะไม่เข้ายุ่งเขต 6 สงขลา ย่าน สะเดา นาหม่อง ที่พรรคประชาธิปัตย์ส่ง สุภาพร กำเนิดผล ภรรยาของเดชอิศม์ลงสมัครรับเลือกตั้ง โดยมีคู่แข่งคนสำคัญคือ อนุกูล พฤกษานุศักดิ์ (โบ้ท) จากพรรคพลังประชารัฐ และเป็นสนามเลือกตั้งที่สู้กันดุเดือด เข้มข้น
แต่ท้ายที่สุดแล้ว เมื่อการเมืองสู้กันดุเดือด เข้มข้น มีความแพ้ชนะเป็นตัวชี้วัด เดชอิศม์ ก็ก้าวเข้ามาช่วย “ชัยวุฒิ ผ่องแผ้ว” จากพรรคประชาธิปัตย์ อันเป็นคู่แข่งของชนนพัฒฐ์ ทำให้ชนนพัฒฐ์ ก้าวเข้าไปเหยียบเขต 6 อันเป็นเขตกล่องดวงใจของเดชอิศม์ ขาวทอง ทำให้เดชอิศม์ สุภาพร (น้ำหอม) เหนื่อยมากขึ้น และต้องควักมากขึ้นหลายเท่าตัว เพื่อไม่ให้ภรรยาแพ้การเลือก
ผลการเลือกตั้งในวันนับคะแนนลุ้นกันแบบเหงื่อแตกซิกๆ สลับกันแพ้ สลับกันชนะ แต่ผลสุดท้ายสุภาพรชนะไปแค่ 1000 กว่าคะแนน
ผลการเลือกตั้ง สุภาพร กำเนิดผล (ประชาธิปัตย์) ซึ่งเป็นฝ่ายชนะ ได้มา34,835 คะแนน (37.59%) ในขณะที่อันดับ 2 เป็น อนุกูล พฤกษานุศักดิ์ (พลังประชารัฐ) ได้มา 33,648 คะแนน (36.31%)
แม้ชนนพัฒฐ์จะชนะชัยวุฒิ ผ่องแผ้ว แต่อนุกูล พฤษภานุศักดิ์ แพ้ให้กับสุภาพร หรือ แพ้ให้กับคุณนายน้ำหอมนั้นเอง ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา การพูด การให้สัมภาษณ์ของทั้งสองฝ่ายก็กระแนะกระแหนกันมาตลอด
ยิ่งในการเลือกตั้งซ่อมเขต 8 นครศรีฯ แข่งกันหนักสามพรรค คือพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย และพรรคกล้าธรรม โดยพรรคกล้าธรรม นำโดยบิ๊กโอ-ก้องเกียรติ์ เกตุสมบัติ ปักธงสนามเลือกตั้งภาคใต้ให้กับพรรคกล้าธรรมเป็นครั้งแรก สร้างความพ่ายแพ้ย่อยยับให้กับพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีชินวรณ์ บุณยะเกียรติ์ ผู้อาวุโสแห่งพรรคประชาธิปัตย์ เป็นผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง
ชัยชนะของบิ๊กโอ เกิดจากแกนนำพรรคกล้าธรรมหลายคนไปมะรุมมะตุ้มกันเต็มเขตเลือกตั้ง นำโดย รอ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรค และชนนพัฒฐ์ ก็ไปคลุกอยู่ในพื้นที่เดือนกว่าๆ และเขาก็อวดอ้างส่วนหนึ่งเป็นผลงานของเขา ในขณะที่แกนนำพรรคประชาธิปัตย์กอดความพ่ายแพ้ื กิดลิ้นกลืนเลือด เก็บความช้ำไว้ในอก ชนนพัฒฐ์สร้างรอยแค้นซ้ำให้กับเดชอิศม์อีกครั้ง
เมื่อได้จังหวะกรณีกลุ่มคนจำนวน 5 คน รุมกระทืบลุงวัย 65 ปี บาดเจ็บสาหัส ในทางข่าว 5 คน ล้วนเป็นคนใกล้ชิดชนนพัฒฐ์ เป็นหัวคะแนน เป็นตำรวจติดตาม แม้นชนนพัฒฐ์จะไม่ได้ลงไม้ลงมือเอง แต่ย่อมกระทบชิ้งไปถึงชนนพัฒฐ์อย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น โดยเฉพาะรถตู้ที่ใช้ในการอุ้มลุงไปกระทืบ เป็นรถของใคร เดชอิศม์ได้จังหวะไม่ปล่อยให้ผ่านเลย เขารีบรุดไปเยี่ยมลุงที่ รพ.ระโนดทันที พร้อมฉวยโอกาสให้สัมภาษณ์กระทบไปถึงชนนพัฒฐ์ ทำนองจะไม่ยอมให้เหตุการณ์นี้ผ่านเลยไป ต้องมีคนรับผิดชอบ
เดชอิศม์ ยังลากยาวไปถึงเรื่องเก่าของชนนพัฒฐ์ เมื่อครั้งถูกจับคดีพนันออนไลน์ และฟอกเงิน เขาเอ่ยเลยเถิดไปถึงการกล่าวว่า มีการวิ่งเต้นคดีกับ 100-200 ล้าน แน่นอนว่า เป็นการกล่าวแบบลอยๆ ไม่มีหลักฐานอะไร อันจะนำไปสู่การฟ้องร้องเป็นคดีความกันในอนาคต
เดชอิศม์ให้สัมภาษณ์เหมือนจะให้รื้อฟื้นคดี โดยจะทำหนังสือถึงเลขาฯปปง. ถึงอัยการสูงสุด ถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แต่ชนนพัฒฐ์เมื่อเปิดประเด็นมาแล้วก็น่าจะไม่นิ่งเฉย น่าจะรุกไปถึงขั้นยื่น ปปช.ให้สอบสวนการละเมิดจริยธรรมของเดชอิศม์ ข่าว ปปช.สอบเดชอิศม์ ใน 3 ประเด็นจึงออกมา ทั้งเรื่องดีลลับกับทักษิณ ชินวัตร และจะตามมาด้วยข้อกล่าวหาละเมิดจริยธรรมในการคบหากับเตียว ฮุย ฮวด นักธุรกิจสีเทาชาวจีน ที่ไทยจับกุมส่งกลับไปให้จีนแล้ว
เกมความขัดแย้งน่าจะลามไปจนถึงการเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคกล้าธรรมสงขลา แทนที่จะส่งแค่ 3-4 เขต ก็น่าจะส่งเกือบครบทุกเขต ตามบดขยี้ “ขาวทอง” ทั้งเขต 5 /6/8/9 เต็มรูปแบบ คือ “สู้จริง” มีเป้าหมายชนะ
ในขณะที่เดชอิศม์ ยังไม่มีตัวลงแข่งที่ชัดเจนว่าใน 9 เขตจะส่งใครลงบ้าง ยกเว้นคนในครอบครัว คนเก่าที่มีอยู่แล้ว ก็ยังไม่รู้ว่าจะอยู่หรือไป เช่น สรรเพชญ บุญญามณี หรือสมยศ พลายด้วง ประเด็นใหญ่คือ ทาบทามใครต่างไม่มีคำตอบ