โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

จับตาคดี ‘ฮั้วสว.’ มีหนาว! เตรียมสรุปสำนวนยื่น กกต. ผิดจริงส่งฟ้องศาล

เดลินิวส์

อัพเดต 15 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 10 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เดลินิวส์
ฮั้ว สว.เตรียมหนาว อนุกรรมการสอบเรียก สว. เครือข่ายภูมิใจไทยแล้ว ร่วม 170 ราย เตรียมสรุปสำนวนยื่น กกต. หากผิดจริงส่งฟ้องศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เผยส่วนใหญ่ชี้แจงได้ไม่ชัดเจน ส่วนคดีอั้งยี่ ฟอกเงิน พบเส้นทางการเงินเกี่ยวพันกับ สว.ใน 24 จังหวัด รองโฆษกเพื่อไทยอัดการนับองค์ประชุมไม่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน ตีรวนเป็นการเมืองมากไป ข้อเรียกร้องให้ยุบสภาก็ชิงความได้เปรียบทางการเมืองมากเกินไปโดยไม่ได้สนใจกฎหมายสำคัญ ลั่นประเทศชาติยังไม่ได้สูญเสียอะไร ทำไมจึงเรียกร้องยุบสภา “ชูศักดิ์” เข้าข้าง “นายกฯอิ๊งค์” ชี้ที่ถูกสั่งพักปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ผิดจริยธรรมอะไร

มรสุมจากการปรับ ครม. จากสภาล่มยังไม่จบ “รองโฆษกบิลลี่” จิรวัฒน์ อรัณยกานนท์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า เชื่อว่า “นายกฯ อิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี คงเลือกบุคคลที่มีความรู้ความสามารถเป็นอย่างดีแล้ว ผ่านประสบการณ์การทำงานในมุมมองที่หลากหลาย

ส่วนประเด็นเรื่องการนับองค์ประชุมในสภาที่ถูกตั้งคำถาม ว่าเสียงของรัฐบาลปริ่มน้ำ จะเดินหน้าไปไหวหรือไม่ ขอชี้แจงว่า เมื่อวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา เป็นการเปิดสมัยสามัญครั้งที่ 1 เป็นการประชุมวันแรก แต่ไม่ทันไรก็มี สส.คนหนึ่ง (สส.โฟล์ค อัคร ทองใจสด สส.เพชรบูรณ์ พรรคพลังประชารัฐ) เสนอให้มีการนับองค์ประชุม ซึ่งสถานการณ์ในวันนั้นรัฐมนตรีหลายคนที่เป็น สส.เพิ่งถวายสัตย์ปฏิญาณเสร็จก็เดินทางมายังทำเนียบรัฐบาล และวันเดียวกันนั้น สส.ประชุม กมธ.ชุดต่างๆ อีกมาก จึงมองว่าเสนอให้นับองค์ประชุมนั้นเจตนานั้นไม่ได้เป็นไปเพื่อประโยชน์ของประชาชน การตีรวนเรื่องนี้เป็นเรื่องการเมืองมากเกินไป เพราะเรื่องการรักษาองค์ประชุมนั้น เป็นเรื่องที่พรรคร่วมรัฐบาลจะต้องร่วมมือกัน

“กรณีเรียกร้องให้ยุบสภานั้น พรรคเพื่อไทยยืนยันว่าวันนี้ไม่มีเหตุอะไรที่จะต้องยุบสภา ขณะนี้สภาก็อยู่ในระเบียบวาระและมีงานสำคัญคือการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2569 รวมถึงกฎหมายนิรโทษกรรมและกฎหมายอื่นๆ การเรียกร้องให้ยุบสภาเป็นการชิงความได้เปรียบทางการเมืองมากเกินไปโดยไม่สนใจว่างบประมาณรายจ่ายปี 2569 กว่า 3 ล้านล้านบาท ที่จะต้องลงไปขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างไร ส่วนราชการยังมีงานมากมายที่ต้องไปดูแลประชาชน อีกทั้งการเลือกตั้งต้องใช้งบฯ กว่า 6,000 ล้านบาท”

โฆษกบิลลี่ กล่าวว่า ถามกลับว่ามีความจำเป็นอย่างไรที่ต้องมาชูประเด็นเรื่องการยุบสภา เชื่อว่าประเทศชาติยังไม่ได้สูญเสียอะไร เชื่อว่ารัฐบาลและนายกฯ จะกลับมาสร้างความเชื่อมั่น ฟื้นศรัทธาประชาชนได้อย่างแน่นอน เรื่องการเสนอให้มีนายกรัฐมนตรีชั่วคราวซึ่งที่มาจากรายชื่อในบัญชีของพรรคการเมืองโดยมีเงื่อนไงว่าต้องยุบสภานั้น เป็นวิธีการที่เร่งร้อน ชิงความได้เปรียบทางการเมืองมากเกินไป รัฐบาลมีเวลาอีกตั้ง 2 ปีที่จะนำงบประมาณไปดูแลประชาชน พัฒนาโครงการลงทุนใหญ่ๆ อีกตั้งเยอะ เชื่อว่า 2 ปีนี้รัฐบาลจะต้องยืนหยัดสร้างความเชื่อมั่น

นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า การเมืองกำลังนำไปสู่ทางตัน และอาจเป็นเหตุให้ขั้วพรรคการเมืองฝ่ายค้านพรรคภูมิใจไทย–ประชาชน (ปชน.)–พลังประชารัฐ (พปชร.) พลิกขั้วตั้งรัฐบาลว่า ตอนนี้นายกฯ อิ๊งค์ยังไม่พ้นจากตำแหน่ง อยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย หากเราดูตามเนื้อผ้าจริงๆ พูดตรงๆ กลางๆ คิดว่าไม่ได้มีผิดจริยธรรมอะไรเลย เพียงแต่ว่าสภาพการเมืองนำพาไปกลบ ไปเลือกหลักกฎหมาย ฝ่ายรัฐบาลยังคิดว่าสามารถชี้แจงทำความเข้าใจได้ จะไปถึงจุดนั้นที่ถามว่ายังอีกไกล

“ดีลการเมือง พรรค ปชน.กับพรรคภูมิใจไทย ที่มีกระแสข่าวว่าสนับสนุน “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกรัฐมนตรีชั่วคราว มองว่าเป็นข่าวทางการเมือง แต่โดยสภาพความเป็นจริงไม่เชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้ ไม่เชื่อว่าพรรคการเมืองไหนโหวตให้นายอนุทินเป็นนายกฯ โดยที่ไม่ได้ร่วมเป็นรัฐบาล เป็นดีลแปลกประหลาด ไอ้ที่เสนอต้องทำ 1-2-3-4 เขาจะทำเป็นรูปธรรมทำให้จริงหรือไม่ ยังไม่มีใครรู้”

น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานี โฆษกพรรคภูมิใจไทย ย้ำว่านายอนุทินไม่เคยเสนอตัวเป็นนายกฯ สำรอง พรรคภูมิใจไทยไม่เคยเสนอแนวทางจัดตั้งรัฐบาล แต่พร้อมจะร่วมมือกับทุกพรรคการเมือง เพื่อให้ระบบรัฐสภาเป็นกลไกหลักในการแก้ปัญหาการเมือง สำหรับข้อเสนอของพรรค ปชน. เป็นแนวทางหนึ่งที่มีเป้าหมายเพื่อให้รัฐสภาเป็นสถาบันหลักแก้ไขปัญหาให้ประเทศ พรรคภูมิใจไทย จะนำไปพิจารณา เมื่อถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจ พรรคภูมิใจไทยก็มีแนวทางของตนเอง จะเสนอในเวลาเหมาะสม

ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีสอบฮั้ว สว. ทั้งส่วนบุคคลหรือคณะบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการได้มาซึ่ง สว. รวมถึงผู้ที่เป็นสมาชิกอั้งยี่และผู้สนับสนุน หรือคดีอั้งยี่-ฟอกเงิน สว. พนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 24/2568 เรียกพยานกลุ่มแรก จำนวน 7 ราย ประกอบด้วย 1.นายวรพจน์ (สงวนนามสกุล) 2.น.ส.สินิตา (สงวนนามสกุล) 3.นายสุบิน (สงวนนามสกุล) 4.น.ส.ญาณี (สงวนนามสกุล) 5.น.ส.ภัณนิภา (สงวนนามสกุล) 6.นายอากร (สงวนนามสกุล) และ 7.นายอาทร (สงวนนามสกุล) ให้เข้าชี้แจงเรื่องเส้นทางการเงิน เนื่องด้วยพนักงานสอบสวนตรวจสอบเส้นทางการเงินของ สว. และผู้ที่เกี่ยวข้อง

พบพฤติการณ์ของทั้ง 7 พยานมีส่วนเชื่อมโยงสัมพันธ์ คือ มีการโอนเงินในลักษณะเครือข่าย ที่มีการจ้างผู้สมัครใน 3 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี ลำพูน และหนองบัวลำภู พบเส้นทางการเงินที่เกี่ยวพันกับ สว. จำนวน 24 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี, สตูล, สงขลา, ระนอง, กระบี่, ภูเก็ต, ชุมพร, หนองบัวลำภู, นครพนม, บุรีรัมย์, บึงกาฬ, อำนาจเจริญ, ศรีสะเกษ, อุบลราชธานี, ขอนแก่น, สิงห์บุรี, นนทบุรี, ราชบุรี, พระนครศรีอยุธยา, อ่างทอง, เพชรบุรี, ลำพูน, ลำปาง และตราด ปรากฏว่า ในวันที่ 1-3 ก.ค.ที่ผ่านมา มีพยานเข้าพบแล้ว 3 ราย คือ น.ส.สินิตา นายสุบิน และนายอาทร โดยทั้งหมดล้วนให้การปฏิเสธไม่เกี่ยวข้องกับขบวนการจัดฮั้ว สว. พร้อมยืนยันว่า เงินที่ปรากฏในเส้นทางการเงินเป็นค่าใช้จ่ายทั่วไป ค่าใช้จ่ายส่วนตัว เป็นการโอนเงินเนื่องด้วยมูลหนี้ต่าง ๆ เป็นต้น ไทม์ไลน์ที่พบเส้นทางการเงิน เกิดขึ้น 3 ห้วงเวลา คือ ก่อนการเลือก สว.67 ระหว่างการเลือก สว.67 และหลังการเลือก สว.67 จึงต้องโฟกัสไปที่ช่วงการใช้เงินจ้างผู้สมัคร สว.

ความคืบหน้าในส่วนของคณะอนุกรรมการสืบสวนและไต่สวน ส่วนกลาง คณะที่ 26 ซึ่งรับผิดชอบดำเนินคดีตามกฎหมายเลือกตั้ง หรือเรียกว่าคดีฮั้ว สว. ฐานความผิด พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 นั้น มีความคืบหน้ามากพอสมควร หลังเรียก สว. และกลุ่มบุคคลภายนอกซึ่งเป็นกรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทยและเครือข่ายของพรรค รวม 8 ลอต จำนวนกว่า 170 รายแล้ว ในช่วงกลางเดือน ก.ค. คณะอนุกรรมการสืบสวนและไต่สวน เตรียมสรุปสำนวน พร้อมคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาทั้งหมด

“และความเห็นของคณะอนุกรรมการฯ เสนอสำนักงาน กกต. รวมถึงเลขาธิการ กกต. หรือรองเลขาธิการ กกต. ที่ได้รับมอบหมายพิจารณา เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนเสนอสำนวนไปยังคณะอนุกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาหรือข้อโต้แย้ง จากนั้นอนุฯ จะส่งให้ กกต.ชุดใหญ่เพื่อชี้ขาด และส่งฟ้องศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ต่อไป” ซึ่งแหล่งข่าวจากอนุฯ กล่าวว่า สำหรับคำชี้แจงโต้แย้งของบรรดาผู้ที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหา พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 ส่วนใหญ่ยังชี้แจงได้ไม่ค่อยชัดเจน

อีกเรื่องหนึ่ง นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงกรณีเด็กหญิง 2 ขวบ 6 เดือน กินเยลลี่หมีผสมกัญชาจนต้องนำส่งโรงพยาบาลว่า มีข่าวเกิดขึ้นมากมายในการเข้าถึงกัญชาของเยาวชนและส่งผลต่อสุขภาพร่างกาย หลังทราบข่าวนี้ ตนได้สั่งการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ทั่วประเทศ ให้ดำเนินการกวาดล้างอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะหมดไป

เจ้าหน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุขมีอำนาจเต็มที่ในการดำเนินการเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์กัญชาที่นำมาทำเป็นอาหาร ขนม เครื่องดื่มหรืออื่นๆ ที่มีส่วนผสมของสารสกัดกัญชาเกินกว่ากฎหมายกำหนดสามารถจับ-ปรับ และนำส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการต่อไปได้ทันที อาหารที่ใส่กัญชา ถ้าไม่ขออนุญาต ไม่แสดงฉลาก มีโทษปรับและจำคุก

กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ยังได้บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจสอบร้านค้าทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคในทุกสัปดาห์ ถ้าหากใครมีข้อสงสัย หรือพบเห็นผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือได้รับอันตรายจากการบริโภคผลิตภัณฑ์ สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วน อย. 1556

ที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว “สส.ใบพลู” รังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้า ปชน.กล่าวถึงการที่ตนเอง และ “สส.ไอซ์” รักชนก ศรีนอก สส.กทม.พรรค ปชน. ไปกินข้าวกับเสี่ยหนู ว่า เป็นการพูดคุยกันในฐานะตนเองเป็น สส.ที่ติดตามเรื่องคอลเซ็นเตอร์ ไม่ได้มีดีลอะไร มีพูดการเมืองแค่ถามว่า นายอนุทิน ร่วมงานกับเพื่อไทยเป็นอย่างไร

“ที่ต้องพูดคุยผ่านนายทอม เครือโสภณ เริ่มต้นจากการที่ผมต้องการข้อมูลเพย์เมนต์ เกตเวย์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับบัญชีม้าและแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ธุรกิจผิดกฎหมาย อยากรู้ทำไมดูเหมือนมีกลุ่มการเมืองดูร้อนกับเรื่องนี้ และมีความพยายามในการโจมตีพรรค ปชน.อย่างมาก ซึ่งการพูดคุยนั้น ไม่ใช่เป็นเรื่องของข้อตกลงอะไรได้ เพราะนายอนุทิน พ้นเก้าอี้ รมว.มหาดไทยแล้ว ยิ่งตอนนี้เป็นฝ่ายค้านร่วมกันแล้ว ยิ่งไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะคุยกัน ”

“หัวหน้าเท้ง” ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรค ปชน. สิ่งที่เราชี้แจงตามข้อเท็จจริง เป็นสิ่งที่สังคมมองออก ส่วนความกังวลจากกลุ่มพรรคการเมืองใดการเมืองหนึ่ง ประชาชนคงประเมินเองจากหลักการที่พรรค ปชน.ออกมาแถลงจุดยืนและทางออกเพื่อฝ่าทางตัน ข้อเสนอที่เรายืนอยู่บนหลักการโดยที่ไม่อิงว่าจะไม่ไปรวมกับพรรคใดพรรคหนึ่ง ทำไมถึงถูกนำไปบิดเบือนและสร้างความกังวลใจให้กับกลุ่มการเมืองบางกลุ่ม

“นายกฯ ชั่วคราว เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีตประวัติศาสตร์การเมืองไทย เราประเมินฉากทัศน์ที่ยังไม่ถึงเพราะ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ยังไม่พ้นจากตำแหน่ง แต่ที่พรรค ปชน.ต้องออกมานำเสนอเพราะบริบทสังคมเริ่มคิดไปต่างๆ นานา การขาดความน่าเชื่อถือของน.ส.แพทองธาร ทำให้คนไทยไม่แน่ใจว่าอนาคตของประเทศจะเป็นอย่างไร หน้าที่ของพรรค ปชน.คือออกมายืนยันว่าการเมืองในระบบรัฐสภามีทางไปเสมอ ตอนนี้เราเสนอในรายละเอียดได้เท่านี้”

"ทีมข่าวการเมือง"

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก เดลินิวส์

เอ็น.ซี.ซี. ผนึก ส.อ.ท. หนุน SME ไทยเริ่มทำธุรกิจง่ายๆโตยั่งยืน

10 นาทีที่แล้ว

บก.น.9 – ปปส.กทม.เปิดยุทธการเด็ดปีกนักค้ารายย่อย ‘รักษาผู้เสพ สร้างชุมชนปลอดยา’

14 นาทีที่แล้ว

‘มิค-เบนซ์’ ย้อนวันวานรักไม่เน้นหวาน แต่เน้นสนุก-ภูมิใจลูกๆ กวาดรางวัลเพียบ!

18 นาทีที่แล้ว

จีนลั่น “บริกส์” ไม่ใช่กลุ่มต่อต้านสหรัฐ ย้ำสงครามการค้าไม่มีฝ่ายชนะ

20 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความการเมืองอื่น ๆ

ข่าวและบทความยอดนิยม

‘กชเบล‘ แซ่บซ่าท้าแดด โพสท่าสุดปัง จิบน้ำมะพร้าวริมหาด!

เดลินิวส์

สหรัฐจะใช้ ‘กำแพงภาษีเดิม’ ที่ประกาศเมื่อเม.ย. กับประเทศที่ไม่มีดีลร่วมกัน

เดลินิวส์

ฉบับ 12 ‘ดานัส’ ขึ้นฝั่งไต้หวันลดกำลังพายุโซนร้อน คาดจะเคลื่อนเข้าจีน 8-9 ก.ค.นี้

เดลินิวส์
ดูเพิ่ม