DERMOND ประสบการณ์เหนือกาลเวลา
GM Live
อัพเดต 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 10 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เว็บไซต์ว่าด้วยเรื่องราวของผู้ชาย เทรนด์ บทสัมภาษณ์ บทวิเคราะห์ธุรกิจ รถยนต์ Gadget สุขภาพ อัพเดทก่อนใครหมุดหมายใหม่ของคนรักไฟน์จิวเวลรี่
ในขณะที่ตลาดเพชรทั้งโลกมีเพชรคุณภาพIF เพียง 0.5 % เท่านั้น แต่ร้านเพชรขนาดเล็ก ๆ อย่าง DERMOND ที่พร้อมมอบประสบการณ์เหนือกาลเวลา หมุดหมายใหม่ของคนรักไฟน์จิวเวลรี่ ร้านเพชรแบรนด์ไทย ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น Thai Global Fine Jewelry Houseคือหนึ่งในแบรนด์ที่มีเพชรใน 0.5 % นี้ ซึ่งGM Liveต้องบอกว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียว หรือจะเรียกว่า “เพชรซ่อนเพชร” ก็ว่าได้
“ หนึ่งเดียวในเซ้าท์อีส เอเชีย ที่มีเพชรคุณภาพ IF (Internally Flawless ) ทั้งร้าน ซึ่งเป็น core business ของแบรนด์ด้วย ”
ทั้งนี้ จอห์น สิรพัฐ พิพัฒน์วีรวัฒน์ ครีเอทีฟ ไดเรคเตอร์ หนุ่มแห่ง DERMOND ทั้งยังเป็นทายาทรุ่นที่ 2 ซึ่งเข้ามารับหน้าที่สานต่อภาระกิจจากรุ่นคุณพ่อคุณแม่เมื่อ 10 กว่าปีก่อน ได้เล่าถึงจุดเริ่มต้นของ DERMOND ว่า “เดิมทีอากงอาม่าเปิดร้านขายเพชรอยู่ที่บ้านหม้อ แหล่งขายเพชรชื่อดังในอดีตของมืองไทย แต่เมื่อคุณพ่อและคุณแม่ตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกันจึงแยกออกมาทำธุรกิจของตนเองด้วยการเปิดร้านเพชร DERMOND เมื่อปี 2535 ที่อาคารฟอร์จูนทาวเวอร์ครับ”
โดยตลอดระยะเวลาจากวันที่เปิดตัวจนถึงวันนี้กว่า 32 ปี เมื่อเอ่ยถึงDERMOND ภาพของแหวนแต่งงานมาเป็นอันดับหนึ่ง โดยหนุ่มทายาทรุ่นที่ 2 คนนี้ให้เหตุผลว่า
“แหวนแต่งงานเป็นแหวนหนึ่งวงที่มีคุณค่าทางใจมาก ดังนั้นทางDERMONDจึงใส่ใจกับแหวนแต่งงานทุกวง แม้ว่าแหวนวงนั้นจะไม่ได้มีมูลค่าสูงมากก็ตาม เพราะความสำคัญและคุณค่ามีมากกว่ามูลค่า คอนเซ็ปต์ของแบรนด์คือการนำเสนอประสบการณ์ ให้ความรู้เรื่องเพชร และสามารถส่งต่อความทรงจำดี ๆ ครับ”
ดังนั้นแหวนแต่งงานของที่นี่ จึงเริ่มจากสร้างโมเดลที่ได้รับการออกแบบที่หลากหลายและมีทุกไซต์ ให้ได้เลือกตามงบประมาณที่วางไว้ก่อน เพื่อจะได้เห็นภาพของจริงมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีบริการ custom made ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ
และในปีพ.ศ. 2558 แบรนด์ DERMOND เริ่มออกสู่สากล โดยปักหมุดที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศแรก เนื่องจากมีชาวญี่ปุ่นไปงานexhibition ที่ทางแบรนด์ได้เข้าร่วม จึงเกิดความสนใจและติดต่อมา ซึ่งนั้นถือเป็นก้าวแรกของแบรนด์ที่ ไปปักธงเมืองนอก ทั้งยังเป็นแบรนด์ไทยรายแรกอีกด้วย
ขณะที่ปัจจุบันได้ขยายฐานไปที่ Middle East ซึ่งนับว่าประสบณ์ความสำเร็จมากๆ เพราะมีชอปเปิดอยู่ทั้งที่การ์ต้า คูเวต ดูไบ และบาห์เรน ซึ่งทางแบรนด์ต้องไปออกงานที่ Middle East ถึงปีละ 5 ครั้ง เหตุผลคือต่างชื่นชอบดีไซน์ที่ร่วมสมัยสามารถใส่ได้ในชีวิตประจำวันนั่นเอง นับว่าเป็นอีกหนึ่งจุดแข็งของ DERMOND ที่สร้างความประทับใจนอกเหนือจากคุณภาพ
“คำว่า timeless อยู่ใน DNA ของแบรนด์มาโดยตลอด เริ่มตั้งแต่ดีไซน์ผลงานชิ้นแรกที่เป็นคอลเลคชั่นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ในชื่อ Absolute Deco Collection ซึ่งค้นพบโดยบังเอิญจากคุณแม่ที่ได้หยิบเข็มกลัดของอาม่ามอบให้มาให้ดู พร้อมกับบอกว่าเป็นชิ้นที่ท่านชอบมาก นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ผมรู้สึกว่าความสวยของจิวเวลรี่ไม่ใช่เพชรที่ใหญ่โต แต่เป็นเรื่องคุณค่าทางใจมากกว่า จึงจุดประกายบให้ผมอยากออกแบบชิ้นงานดีไซน์ที่เป็น timeless คือไม่ว่าจะผ่านไปกว่า 10 ปี ก็ยังสวยอยู่ มีเรื่องราวซุกซ่อนอยู่ ควอลิตี้ต้องแข็งแรงสามารถใส่ได้ถาวร รวมไปถึงการเซอร์วิสไม่ว่าจะส่งไปกี่มือก็ตาม” จอห์น สิรพัฐ กล่าวถึงแรงบันดาลใจในการออกแบบงานสไตล์ timeless
และ Absolute Deco Collection จึงเป็นผลงานชิ้นแรกของ DERMOND ที่รังสรรค์ขึ้นด้วยงานฝีมือเชิงศิลป์ชั้นสูงโดยช่างฝีมือที่มีความชำนาญกว่า 33 ปีของทางร้าน สะท้อนถึงศิลปะในยุค Art Deco ที่หรูหรา และความงามของคอลเลคชั่นนี้ ได้ไปปรากฎส่องประกายอยู่ในนิตยสารโรลส์-รอยซ์ ถึง 2 ครั้ง (ทุก ๆ ปีค่ายรถยนต์โรลส์-รอยซ์จะเลือกของพิเศษที่สุดจากทั่วโลกประเทศละ 1 ชิ้นเพื่อนำมาเผยแพร่ในนิตยสาร)
วันนี้…สาขาสยามพารากอน ชั้น 1 ถือเป็นแฟลกชิปสโตร์ที่ได้รับการปรับลุคใหม่บนพื้นที่กว่า 200 ตารางเมตร ภายใต้คอนเซปต์ Reimagine Luxury ที่สะท้อนภาพลักษณ์ของความเป็น Thai Global Fine Jewelry House ก้าวใหม่ของ DERMOND ที่ต้องออกแบบลักซ์ซัวรี่ รีเทล เพื่อเป็นหมุดหมายใหม่ของคนรักไฟน์จิวเวลรี่ สถานที่ชวนฝันและร่วมสัมผัสประสบการณ์ที่อยู่เหนือกาลเวลา
เรื่องและภาพ : ปาณี ชีวาภาคย์