แรงขายหุ้นใหญ่ DELTA-GULF-AOT ฉุดหุ้นไทยปิดร่วง 16.38 จุด
ความเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดการซื้อขายวันนี้ (22 ก.ค.68) อยู่ที่ 1,191.75 จุด ลดลง 16.38 จุด คิดเป็น -1.36% มูลค่าการซื้อขาย 49,095.62 ล้านบาท ระหว่างวันดัชนีปรับขึ้นสูงสุด 1,213.24 จุด ลดลงต่ำสุด 1,191.65 จุด
หลังจากที่ คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง "วิทัย รัตนากร" ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคนใหม่ คนที่ 25 โดยเริ่มปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการในวันที่ 1 ตุลาคม 2568 แทน "เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ" ที่ครบวาระการดำรงตำแหน่ง ในวันที่ 30 กันยายน 2568
ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุว่า หุ้นไทยปิดร่วง 16.38 จุด Sell on fact หลังตลาดปรับขึ้นรับข่าวแต่งตั้งผู้ว่าแบงก์ชาติคนใหม่ไปแล้ว โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับลงกดดัชนีวันนี้ คือ กลุ่มค้าปลีก CPALL, HMPRO, CPAXT กลุ่มน้ำมัน PTT, PTTEP และกลุ่มไฟแนนซ์ MTC, SAWAD
ส่วนกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับขึ้น คือ กลุ่มธนาคาร BBL, SCB และ KKP กลุ่มเครื่องดื่ม OSP, CBG และ วัสดุก่อสร้าง SCC, TOA
หุ้นที่เคลื่อนไหวโดดเด่น คือ KKP ถือว่า Outperform กลุ่ม และ ตลาด ตอบรับงบไตรมาส 2/68 ดีเกินคาด ขณะที่วันนี้มี Analyst meeting โทนเป็นบวก โดยเฉพาะผลขาดทุนรถยึดที่เคยกดดัน KKP มาตลอดมีสัญญาณดีขึ้น ขาดทุนลดลง
ส่งผลให้ credit cost ลดลงจากเดิม 2.2-2.4 bps. เหลือ 1.8-2.0 bps. มี growth story จากข่าวจับมือ Goldman Sachs ทำ multi asset ขยายสินเชื่อสู่กลุ่ม global product
ส่วนประเด็นชนะคดีหุ้น MORE รอความชัดเจนของคดี หากถึงที่สุดมีโอกาสบันทึกกลับราว 700 ล้านบาท
หุ้นเครื่องดื่ม อย่าง OSP, CBG ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดย OSP meeting มีสัญญาณบวกบริษัทลดการโฟกัสกลุ่มผลิตภัณฑ์ 10 บาทลดลง (ลดการโปรโมต) สะท้อน price war ในกลุ่ม energy drink มีสัญญาณผ่อนคลายมากขึ้นเป็นผลดีต่อทิศทางกำไรของกลุ่ม ทั้ง CBG, OSP
ผสานกับวันนี้ราคาน้ำตาลในตลาดโลกลดลง 2.68% d-d สู่ระดับ 16.37$/lb เป็นจิตวิทยาบวกหนุนกลุ่มเครื่องดื่ม อย่าง SAPPE มีน้ำตาลเป็นวัตถุดิบราว 10% ของต้นทุนรวม CBG มี 6% และ OSP มี 5%
ขณะที่ หุ้น MTC , SAWAD ราคาปรับตัวลดลง Sell on fact จากข่าวตั้งผู้ว่าแบงก์ชาติคนใหม่ ประกอบกับ MTC มีปัจจัยกระทบ Sentiment เฉพาะตัวจากข่าวเปิดขายหุ้นกู้ต่างประเทศวงเงิน 350 ล้านดอลลาร์ อัตราดอกเบี้ย 7.55% ซึ่งสูงกว่าเมื่อเทียบกับหุ้นกู้ในลักษณะเดียวกันที่ออกขายเมื่อเดือน ก.ย. ปีที่ผ่านมาซึ่งให้ดอกเบี้ย 6.875%
หุ้น BCPG ลดลงแรงหลังจากที่วันนี้มี Analyst meeting โทนเป็นลบคาดงบไตรมาส 2/68 ไม่ดี มีโอกาสบันทึกค่าใช้จ่ายพิเศษ (extra items) สูงถึง 800 ล้านบาท จากการตั้งด้อยค่ากังหันลมโครงการ Nabas 2 มูลค่า 600 ล้านบาท และ การตั้ง impairment หนี้ EDL มูลค่า 100 ล้านบาท รวมถึงมีผลขาดทุนจาก FX ประมาณ 100 ล้านบาท