สูตรลัด "ขงจื๊อยุคใหม่" เลี้ยงลูกให้เก่ง ใช้แค่วันละ 6 นาที เผยขั้นตอนที่พ่อแม่พลาดไป!
เคล็ดลับจาก “ขงจื๊อยุคใหม่” เลี้ยงลูกให้เก่ง ใช้แค่วันละ 6 นาที แต่พ่อแม่ถึง 98% พลาดไป!!!
คุณไม่จำเป็นต้องใช้เวลาทั้งวันในการอบรมสั่งสอนลูก อันที่จริง แค่วันละ 6 นาที แบ่งเป็น 6 กิจกรรมเล็กๆ น้อยๆ ก็สามารถช่วยให้ลูกของคุณพัฒนาทั้ง IQ และ EQ ได้ นี่คือปรัชญาการเลี้ยงดูของ "เตา ซิงจื้อ" (Tao Xingzhi) บุคคลสำคัญทางการศึกษาชาวจีน ผู้ซึ่งครั้งหนึ่งเคยได้รับการยกย่องว่าเป็น"ขงจื๊อแห่ง 2,000 ปีต่อมา" ซึ่งไม่เชื่อในการสอนด้วยการเฆี่ยนตีหรือการบรรยายยาวๆ สำหรับเขา การศึกษาที่แท้จริงคือการเชื่อมโยงระหว่างจิตวิญญาณสองดวง และมันเริ่มต้นจากสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ในทุกๆ วัน
6 นาทีทองในแต่ละวัน ที่พ่อแม่ควรใช้เวลาร่วมกับลูกๆ ตามคำแนะนำ "ขงจื๊อแห่งยุคใหม่"
1 นาทีในการฟัง
“ผู้ใหญ่มักคิดว่าเด็กไร้เดียงสาและไม่เข้าใจสิ่งต่างๆ ดังนั้นสิ่งที่พวกเขาพูดจึงไม่น่าใส่ใจ แต่ความคิดนั้นเองทำให้เราด้อยกว่าเด็กมาก” ตั้งแต่แรกเกิด เด็กๆ จะสังเกต รู้สึก และเรียนรู้ที่จะสื่อสารกับโลก การรับฟังลูกไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณเข้าใจพวกเขามากขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยให้พวกเขาเรียนรู้ที่จะไว้วางใจและแสดงความคิดเห็นอย่างมั่นใจ เด็กๆ ที่ได้รับการรับฟังจะกลายเป็นคนที่กล้าพูดในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ไม่ว่าจะในห้องเรียนหรือในชีวิตจริง
1 นาทีเพื่อแสดงความรัก
“ความรักคือตัวเร่งปฏิกิริยาที่ขาดไม่ได้ในการศึกษา” เขากล่าวอย่างมั่นใจ การกอด การลูบหัว หรือประโยคที่ว่า "เราภูมิใจในตัวลูก" อาจดูเล็กน้อย แต่มันมีความหมายมากสำหรับเด็ก ความรักที่แท้จริงไม่ใช่การเอาอกเอาใจหรือควบคุม และแน่นอนว่าไม่ใช่การตี เพราะเด็กๆ ต้องการความรักด้วยความเคารพ ไม่ใช่คำสั่ง
1 นาทีเพื่อสัมผัสประสบการณ์กับลูกน้อย
เด็กๆ เรียนรู้ได้ด้วยการมองและลงมือทำร่วมกับคุณ คุณไม่จำเป็นต้องเล่นเกมหรือวาดรูปกับลูกเป็นชั่วโมงๆ แค่ล้างจานด้วยกัน อ่านนิทานสั้นๆ หรือให้ลูกช่วยรดน้ำต้นไม้… คุณก็ได้สร้างสะพานที่มองไม่เห็นเชื่อมโลกสองใบเข้าด้วยกัน นั่นคือโลกของผู้ใหญ่และโลกของเด็กๆ
1 นาทีในการให้คำชมเชยอย่างทันท่วงที
การชมเชยในเวลาที่เหมาะสม สามารถเป็นแรงกระตุ้นที่ทรงพลังที่จะช่วยให้เด็กๆ ตระหนักถึงศักยภาพของตัวเอง อย่ามองแค่ความผิดพลาด แต่จงมองหาจุดดีที่ลูกของคุณจะสามารถภูมิใจและเติบโตจากจุดนั้นได้ เช่น วันหนึ่งลูกชายทำนาฬิกาอันล้ำค่าพังโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่แทนที่จะลงโทษด้วยความโกรธ เขาเลือกที่จะพูดอย่างอ่อนโยน และพาลูกชายไปร้านซ่อมนาฬิกา เพื่อให้รับผิดชอบคือการกระทำของตนเอง ลูกชายเฝ้าดูการทำงานทุกอย่างอย่างหลงใหล และนับแต่นั้นมา ความหลงใหลในการซ่อมนาฬิกาของเขาก็อาจจุดประกายขึ้น
1 นาทีเพื่อให้กำลังใจและความเชื่อมั่น
ในการบรรยายครั้งหนึ่ง เขาเคยอุ้มไก่หิวโหยตัวหนึ่งไว้และพยายามยัดข้าวเข้าปาก แต่มันไม่ยอมกิน จนกระทั่งเขาปล่อยมือและถอยห่าง ไก่จึงจิกข้าวกินด้วยตัวเอง การศึกษาก็เช่นเดียวกัน เด็กๆ ต้องการอิสรภาพ ไม่ใช่การบังคับ เด็กแต่ละคนมีโลกเป็นของตัวเอง ไม่จำเป็นต้องเป็น "แบบอย่างที่สมบูรณ์แบบ" ของใคร ดังนั้น แทนที่จะบังคับให้ลูกทำตามแบบแผน จงมอบความไว้วางใจให้เขา ความไว้วางใจนี่แหละที่จะช่วยให้ลูกเดินบนเส้นทางของตัวเองได้อย่างกล้าหาญ
1 นาทีในการวิพากษ์วิจารณ์อย่างสุภาพ
ครั้งหนึ่งเขาเห็นนักเรียนคนหนึ่งกำลังตีเพื่อน แต่แทนที่จะดุ เขากลับให้ขนมแก่เด็กคนนั้นและฟังเหตุผล จึงรู้ว่าเขาตีเพื่อนคนนั้น เพราะเพื่อนรังแกเด็กผู้หญิงที่อ่อนแอกว่า สุดท้ายก็กล่าวชื่นชมการกระทำที่ถูกต้อง แต่ก็ไม่ลืมเตือนเพื่อนคนนั้นว่า"ไม่เป็นไร ถ้ารู้ว่าตัวเองผิด อย่าลืมแก้ไขนะ" เพราะการสอนสั่งไม่จำเป็นต้องเสียงดังหรือรุนแรง สิ่งสำคัญคือเด็กต้องเข้าใจสิ่งที่ผิดและรู้วิธีแก้ไข เมื่อพ่อแม่รู้จักพูดในเวลาที่เหมาะสมและถูกวิธี เด็กจะรับฟังด้วยความเคารพ ไม่ใช่ความกลัว
ท้ายที่สุด พ่อแม่ทุกคนไม่จำเป็นต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษา คุณแค่ต้องเป็นพ่อแม่ที่ใส่ใจลูกอย่างแท้จริงในทุกๆ วัน 6 นาทีนี้แบ่งออกเป็น 6 การกระทำ ได้แก่ การฟัง การให้ความรัก การช่วยเหลือ การชมเชย การให้กำลังใจ และการวิพากษ์วิจารณ์ หมายความว่าคุณกำลังปลูกฝังเมล็ดพันธุ์ที่ดีที่สุดในตัวลูก
- ฮาร์วาร์ดเผย 3 นิสัย(ดูเหมือน)แย่ แต่พิสูจน์ได้ว่า "เด็กฉลาด" ผปค.ควรรู้ ไม่ขวางเฉิดฉาย!
- ศาสตราจารย์ชื่อดัง ชี้ส่งลูกเรียนพิเศษ 3 คลาสนี้ เปลืองเงินไร้ประโยชน์ พ่อแม่ต้องรู้ให้ทัน!