"ภาษีทรัมป์" ฉุดราคาแซลมอน-เนื้อวากิว ภาพรวมธุรกิจอาหารไม่แย่! l การตลาดเงินล้าน
เกี่ยวกับสถานการณ์ราคาวัตถุดิบอาหาร คุณจักรกฤติ สายสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท มากุโระ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ให้ข้อมูลว่า ในปีนี้ วัตถุดิบอาหารส่วนมาก ราคาไม่ได้ขยับขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการนำเข้าสินค้าวัตถุดิบอาหารทางฝั่งอเมริกามีปัญหา ทำให้มีสินค้าเข้ามาในฝั่งเอเชียจำนวนมากขึ้น และสินค้าหลายตัวมีราคาถูกลง (เป็นผลพวงจากนโยบายภาษีนำเข้าของประธาณาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์)
เช่น ปลาแซลมอน จากปกติราคาจะพุ่งสูงขึ้นในช่วงไตรมาส 1 และไตรมาส 2 แต่ปีนี้ราคาไม่ขยับ และมีบางช่วงที่ราคาต่ำกว่าค่าเฉลี่ย วัตุดิบอาหารทะเลบางอย่างก็มีราคาปรับลดลง รวมถึงเนื้อวัวจากญี่ปุ่น ราคาก็ปรับตัวลดลงเช่นกัน โดยเฉพาะเนื้อวากิว ที่ราคาในปีนี้ลดต่ำลงกว่าปีที่แล้ว ทำให้ภาพรวมของธุรกิจร้านอาหารในปีนี้ไม่ได้ดูแย่มากนัก ถือเป็นโอกาสดีด้วยซ้ำในการจัดทำโปรโมชันกับบางเมนู หรือออกแคมเปญพิเศษ เพื่อตอบรับกับต้นทุนวัตถุดิบสินค้าบางตัวที่ลดลง และส่งคืนประโยชน์กลับไปสู่ลูกค้า
ส่วนเรื่องค่าแรงขั้นต่ำที่ถูกปรับขึ้นมานั้น ก็ไม่ได้กระทบกับบริษัทฯ เพราะปัจจุบันมีการจ่ายในอัตราสูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำอยู่แล้ว
ดังนั้น จึงมองว่าความท้าทายในธุรกิจเป็นเรื่องของ พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป และต้องการบริโภคอาหารในรูปแบบใหม่ๆ ที่ไม่เหมือนเดิม ส่วนอีกความท้าทาย คือการดึงดูดผู้บริโภคให้ออกมาใช้บริการ และยินดีที่จะใช้จ่ายกับการกินอาหารนอกบ้าน ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการจะต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ให้มากขึ้น
สำหรับสถานการณ์ของธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นในไทย ซีอีโอ มากุโระ กรุ๊ป กล่าวว่า เศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้ผู้บริโภคเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จ่าย ดังนั้น ผู้ประกอบการจึงต้องปรับตัวกันอย่างมาก อย่างไรก็ดี สำหรับอาหารญี่ปุ่นนั้น ไม่ใช่อาหารแฟชัน เพราะอยู่กับคนไทยมานาน อีกทั้งเป็นอาหารที่ชื่นชอบของคนไทย จึงมั่นใจว่า ตลาดร้านอาหารญี่ปุ่นยังเติบโตต่อไปได้
โดยประเมินว่า มูลค่าตลาดของร้านอาหารญี่ปุ่นอยู่ที่ประมาณ 20,000 ล้านบาท จากมูลค่าตลาดร้านอาหารโดยรวมอยู่ที่ 646,000 ล้านบาท (ตามข้อมูลของศูนย์วิจัยกสิกรไทย)
แต่มองว่าการเติบโตของธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นนั้น จะเป็นอาหารในรูปแบบใหม่ และเป็นแบบเฉพาะทางมากขึ้น และเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค บริษัทฯ จึงเตรียมเปิดแบรนด์ร้านอาหารญี่ปุ่น เพิ่มเข้ามาในพอร์ตธุรกิจอีกหนึ่งแบรนด์ คือ BINCHO (บินโช) เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นย่างเตาถ่านแบบดั้งเดิม และอีกหนึ่งแบรนด์นำเข้าจากญี่ปุ่น กำลังจะเปิดตัวในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งจะเป็นร้านอาหารที่ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงได้ง่าย
และ แม้ว่าเศรษฐกิจ กำลังซื้อปีนี้จะฝืดเคือง รวมถึงการแข่งขันที่ยังคงสูงต่อเนื่อง แต่สำหรับภาพรวมของ มากุโระ กรุ๊ป ยังคงเป้าหมายการเติบโตของปีนี้ ไว้ที่ร้อยละ 30 โดยทั้งปีมีแผนจะเปิดสาขารวมทั้งหมด 15 สาขา ซึ่งครึ่งปีหลัง จะเปิดสาขาใหม่อีก 8 สาขา ประกอบด้วย บินโช 1 สาขา, มากุโระ 2 สาขา, ฮิโตริ ชาบู 2 สาขา ทงคัตสึ อาโอกิ 2 สาขา และแบรนด์ที่กำลังจะเปิดใหม่อีก 1 สาขา
ส่วนภาพรวมในครึ่งปีหลัง ยังมีมุมมองเชิงบวกและเชื่อว่ายังเป็นโอกาสสำหรับแบรนด์ที่แข็งแกร่ง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- "Xiaomi" เตรียมลุยตลาดรถโลก หลังยอดขายในจีนแซง "Tesla" l การตลาดเงินล้าน
- จีนจัดแข่งบอลหุ่นยนต์ครั้งแรกของโลก ขับเคลื่อนโดย AI ทั้งหมด l การตลาดเงินล้าน
- ปิดตำนาน! "กูลิโกะ" ยุติขายไอศกรีมในไทย ลูกค้าซื้อได้ถึงสิ้นปี l การตลาดเงินล้าน
- "จุลพันธ์" มั่นใจดีลภาษี ไทยอำนาจต่อรองไม่ด้อยกว่าเวียดนาม แม้ไม่ง่ายแต่ทิศทางดี
- คิดให้แล้ว! ทรัมป์จ่อร่อนจดหมาย เคาะตัวเลขรีดภาษี 100 ประเทศคู่ค้า ก่อนเส้นตาย 90 วัน