ยาลด “ความอ้วน” ใหม่ ลดน้ำหนัก 16% ภายใน 1 ปี ฉีดเดือนละ 1 ครั้งเท่านั้น !?
บริษัทเภสัชกรรม แอมเจน (Amgen) ในแคลิฟอร์เนีย ประสบความสำเร็จในการทดลองระยะที่ 2 ของยา MariTide แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มของการรักษาโรคอ้วนที่มีประสิทธิภาพ เพียงฉีดเดือนละครั้ง สามารถลดน้ำหนักได้มากถึง 16% ของน้ำหนักตัวของผู้เข้าร่วมทดสอบ โดยใช้เวลาเพียง 1 ปี เทียบได้กับผลลัพธ์โดยเฉลี่ยของผู้รับประทานยาโอเซมพิก (Ozempic) ซึ่งเป็นยาลดน้ำหนักยอดนิยมสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
มาริไทด์ (MariTide) หรือมาริเดบาร์ท คาฟรากลูไทด์ (Maridebart Cafraglutide) เป็นยาที่ผสม 2 ส่วนประกอบในการส่งสัญญาณไปยังระบบต่าง ๆ ของร่างกายเพื่อควบคุมความหิวและความอิ่ม ประกอบไปด้วยการกระตุ้นตัวรับเปปไทด์ที่คล้ายกลูคากอน-1 หรือ GLP-1 RAs ซึ่งเลียนแบบฮอร์โมนที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ที่จะบอกสมองของเราว่า ตัวเรานั้นอิ่มแล้ว เพื่อลดปริมาณการรับประทานอาหารลง
ส่วนประกอบที่สอง คือส่วนประกอบที่ปิดกั้นตัวรับ GIP (glucose-dependent insulinotropic polypeptide) แทนที่จะกระตุ้นตัวรับนี้เหมือนกับยาลดน้ำหนักอื่น ๆ ยา MariTide ต่อต้านตัวรับนี้โดยเฉพาะ หมายความว่ามันจะหยุดการทำงานตามธรรมชาติของตัวรับนี้ไปเลย
ซึ่งการปิดกั้นเส้นทาง GIP ในสมองช่วยให้ลดน้ำหนักได้ และเมื่อรวมกับการทำงานของ GLP-1 จึงส่งผลต่อสัญญาณระหว่างสมองและการเผาผลาญ ช่วยให้เราลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
และเนื่องจาก มาริไทด์ (MariTide) ถูกออกแบบมาให้เป็นยาออกฤทธิ์ยาวนาน มีครึ่งชีวิตที่ยาวนาน โปรตีนขนาดเล็กจะเชื่อมโยงกับแอนติบอดีขนาดใหญ่ จึงสามารถหมุนเวียนในร่างกายได้นาน ทำให้เป็นยาที่รับประทานเพียงเดือนละ 1 ครั้งเท่านั้น
การทดลองระยะที่ 2 ของยามาริไทด์ (MariTide) มีผู้เข้าร่วมทดสอบรวม 592 คน ผู้เข้าร่วมทุกคนอายุมากกว่า 18 ปี และมีดัชนีมวลกายหรือ BMI สูงกว่า 30 หลายคนเป็นโรคอ้วน และเป็นโรคเบาหวานประเภท 2
ผลการทดลองในระยะนี้พบว่า ผู้เข้าร่วมการทดสอบที่เป็นโรคอ้วน ซึ่งได้รับยาในทุก 4 สัปดาห์ จนครบ 12 เดือน โดยเฉลี่ยมีน้ำหนักลดลงระหว่าง 12.3% ถึง 16.2% ของน้ำหนักตัว
ผู้เข้าร่วมทดสอบที่เป็นทั้งโรคอ้วนและเบาหวาน จะลดน้ำหนักได้น้อยกว่าผู้ที่ไม่เป็นเบาหวานเพียงเล็กน้อย ยิ่งไปกว่านั้นผู้เข้าร่วมทดสอบยังสามารถลดน้ำหนักลงไปได้อีก แม้จะได้รับยามาต่อเนื่องจนครบ 1 ปีแล้วก็ตาม
ปัจจุบันนักวิจัยกำลังเตรียมการทดลองในระยะที่ 3 ยาวนาน 72 สัปดาห์ ซึ่งจะเป็นการประเมินว่า ตัวยาจะสามารถลดน้ำหนักได้มากกว่า 16% ที่ทำได้ในระยะที่ 2 หรือไม่ นอกจากนี้ นักวิจัยยังศึกษาประสิทธิภาพของยานี้ในกลุ่มผู้ป่วยโรคหัวใจ และภาวะหยุดหายใจขณะหลับแบบอุดกั้นอีกด้วย
ข้อมูล amgen.com
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- น่าห่วง! เด็กไทยเป็นโรคอ้วน อันดับ 3 ของอาเซียน เตือนผู้ปกครองร่วมกันดูแลสุขภาพ
- ข่าวนี้จริงไหม….คนสูบบุหรี่ เพิ่มความเสี่ยงโรคเบาหวาน 2 เท่า ?
- โรคอ้วนพุ่ง! The X(L)hibition ชวนคนไทยเข้าใจภาวะเสี่ยง
- ความหวังรักษาโรคอ้วน ? กำจัดโปรตีน Mitch ออกจากเซลล์ ทดลองในหนูมีแนวโน้มดี
- ร้อยละ 40 คนไทย มีภาวะน้ำหนักเกิน อ้วนลงพุง ส่งผลเกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจกว่า 220,000 ล้านบาท