ร่างกฎหมายของทรัมป์ "One Big Beautiful Bill" อาจเป็นฝันร้ายสำหรับอาณาจักรของอีลอน มัสก์
ความขัดแย้งที่ปะทุขึ้นระหว่างสองมหาอำนาจแห่งยุคอย่าง ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และ อีลอน มัสก์ ไม่ใช่แค่สงครามวาทะระหว่างบุคคล แต่มีจุดศูนย์กลางอยู่ที่ข้อเสนอเชิงนโยบายที่อาจพลิกโฉมเศรษฐกิจสหรัฐฯ นั่นคือร่างกฎหมายที่ทรัมป์ตั้งชื่ออย่างสวยหรูว่า"One Big Beautiful Bill" บทความนี้จะเจาะลึกว่ากฎหมายนี้คืออะไร มีรายละเอียดอย่างไร และเหตุใดมันจึงกลายเป็นภัยคุกคามโดยตรงต่ออาณาจักรธุรกิจของอีลอน มัสก์ จนทำให้เขาต้องออกมาต่อต้านอย่างเต็มที่
ร่างกฎหมาย "One Big Beautiful Bill" คืออะไร?
"One Big Beautiful Bill" คือ ชุดข้อเสนอการปฏิรูปเศรษฐกิจขนานใหญ่ที่โดนัลด์ ทรัมป์ นำเสนอโดยมีหัวใจหลักคือการดำเนินนโยบาย "อเมริกาต้องมาก่อน" (America First) อย่างสุดขั้ว ผ่าน 3 เสาหลัก ได้แก่
1. การลดภาษีครั้งใหญ่ (Radical Tax Cuts) เพื่อกระตุ้นการลงทุนและการจ้างงานในประเทศ โดยมีทั้งการลดภาษีเงินได้นิติบุคคลและบุคคลธรรมดาอย่างมีนัยสำคัญ ทรัมป์เสนอให้ลดภาษีนิติบุคคลลงอีก เพื่อจูงใจให้บริษัทต่างๆ ลงทุนและจ้างงานในสหรัฐฯ มากขึ้น
2. นโยบายการค้าแบบกีดกัน (Protectionist Trade) การตั้งกำแพงภาษีในอัตราที่สูง โดยเฉพาะจากประเทศจีน เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศและกระตุ้นให้เกิดการผลิตในสหรัฐฯ (Made in America)
3. การยกเลิกนโยบายพลังงานสะอาด (Reversal of Green Policies) กลับไปสนับสนุนอุตสาหกรรมพลังงานดั้งเดิม การตัดเงินอุดหนุนและสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า (EV), การผลิตแบตเตอรี่, และโครงการพลังงานหมุนเวียนอื่น ๆ ซึ่งทรัมป์มองว่าเป็นนโยบายที่สิ้นเปลืองและทำลายอุตสาหกรรมพลังงานฟอสซิลดั้งเดิม
ผลกระทบต่ออาณาจักรของอีลอน มัสก์
ร่างกฎหมาย "One Big Beautiful Bill" ดูเหมือนกระทบต่อธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าและพลังงานสะอาดของบริษัท Tesla ในทางลบมากที่สุด เนื่องจากหัวใจสำคัญของร่างกฎหมายนี้คือการยกเลิกนโยบายสนับสนุนพลังงานสะอาดที่มีอยู่เดิม
ตัวอย่างหนึ่ง คือ การยกเลิกเครดิตภาษีรถยนต์ไฟฟ้า (EV Tax Credit) ปัจจุบัน ผู้ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐฯ จะได้รับส่วนลดทางภาษีสูงถึง $7,500 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 275,000 บาท ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยกระตุ้นยอดขายและทำให้รถ Tesla สามารถแข่งขันในตลาดได้ หากร่างกฎหมายนี้ผ่าน การยกเลิกสิทธิประโยชน์นี้จะทำให้ราคาสุดท้ายที่ผู้บริโภคต้องจ่ายสูงขึ้นทันที ซึ่งอาจส่งผลให้ยอดขายลดลงอย่างมาก
การตัดเงินอุดหนุนการผลิตแบตเตอรี่และพลังงานสะอาด กฎหมายเดิม (Inflation Reduction Act - IRA) ให้เงินอุดหนุนแก่บริษัทที่ผลิตแบตเตอรี่และส่วนประกอบสำหรับพลังงานสะอาดในสหรัฐฯ ซึ่ง Tesla เป็นผู้ได้รับประโยชน์รายใหญ่ การยกเลิกเงินอุดหนุนส่วนนี้จะทำให้ต้นทุนการผลิตของ Tesla สูงขึ้น และลดความสามารถในการทำกำไร
และอาจชะลอการเปลี่ยนผ่านสู่รถยนต์ไฟฟ้า นโยบายของทรัมป์มีแนวโน้มที่จะสนับสนุนอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิลต่อไป ซึ่งจะลดแรงกดดันให้ค่ายรถยนต์ดั้งเดิมต้องหันมาผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอย่างจริงจัง และอาจทำให้การยอมรับรถยนต์ไฟฟ้าในภาพรวมของตลาดช้าลง
นอกจากนี้ อีลอน มัสก์ วิจารณ์ร่างกฎหมายฉบับนี้ว่าอาจสร้างหนี้สาธารณะจำนวนมหาศาล ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะเงินเฟ้อ ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ลดลง และจะทำให้หนี้สาธารณะของสหรัฐฯ พุ่งสูงขึ้นมหาศาล ซึ่งจะสร้างความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง และส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและกำลังซื้อของผู้บริโภคในระยะยาว
สำหรับผลกระทบต่อธุรกิจขนส่งอวกาศของบริษัท SpaceX และเครือข่ายอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม Starlink อาจเป็นผลกระทบทางอ้อมจากความขัดแย้งที่เกิดขึ้น เนื่องจากปัจจุบันบริษัท SpaceX พึ่งพาสัญญามูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากองค์การนาซา NASA และกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ความขัดแย้งกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อาจนำไปสู่การทบทวนหรือยกเลิกสัญญาเหล่านี้ ซึ่งถือเป็นความเสี่ยงต่อความอยู่รอดของบริษัท
ทรัมป์ยืนยัน "ทำให้อเมริกากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง"
แม้จะมีผลกระทบด้านต่าง ๆ แต่ทางโดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงผลักดันกฎหมายฉบับนี้อย่างต่อเนื่อง โดยเขาเชื่อว่าร่างกฎหมายนี้มีเป้าหมายที่จะรื้อโครงสร้างเศรษฐกิจที่สนับสนุนโลกาภิวัตน์และพลังงานทางเลือก แล้วหันกลับไปสู่นโยบายที่เน้นอุตสาหกรรมดั้งเดิมภายในประเทศเป็นหลัก
การลดภาษีครั้งใหญ่จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ทรงพลังที่สุด เขามองว่าเมื่อบริษัทต่างๆ จ่ายภาษีน้อยลง ก็จะมีเงินทุนเหลือไปใช้ในการลงทุน ขยายโรงงาน และที่สำคัญคือการจ้างงานชาวอเมริกันเพิ่มขึ้น ในขณะเดียวกัน การลดภาษีให้บุคคลธรรมดาจะทำให้ประชาชนมีเงินในกระเป๋ามากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การจับจ่ายใช้สอยที่เพิ่มขึ้น และเป็นแรงขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจโดยรวมเติบโตอย่างรวดเร็ว
สำหรับนโยบายกำแพงภาษี ทรัมป์ให้เหตุผลว่านี่ไม่ใช่การสร้างภาระให้ผู้บริโภค แต่เป็นเครื่องมือในการสร้าง "การค้าที่ยุติธรรม" (Fair Trade) เขายืนยันว่าหลายประเทศ โดยเฉพาะจีน เอาเปรียบสหรัฐฯ มานานด้วยการผลิตสินค้าราคาถูกและทุ่มตลาด ทำให้โรงงานในอเมริกาต้องปิดตัวและแรงงานต้องตกงาน
กำแพงภาษีจึงเป็นวิธีที่จะทำให้สินค้านำเข้าราคาแพงขึ้น เพื่อจูงใจให้ภาคธุรกิจและผู้บริโภคหันมาสนับสนุนสินค้าที่ผลิตในอเมริกา (Made in America) ซึ่งจะช่วยนำตำแหน่งงานและอุตสาหกรรมการผลิตกลับคืนสู่ประเทศ
ความขัดแย้งระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และอีลอน มัสก์ ไม่ใช่เป็นเพียงความบาดหมางส่วนตัว แต่คือการปะทะกันของวิสัยทัศน์ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงต่ออนาคตของเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา ด้านหนึ่งคือวิสัยทัศน์ของทรัมป์ที่ต้องการหวนคืนสู่อุตสาหกรรมดั้งเดิม ปกป้องตลาดภายใน และให้ความสำคัญกับพลังงานฟอสซิลภายใต้นโยบาย "อเมริกาต้องมาก่อน"
ส่วนอีกด้าน คือ วิสัยทัศน์ของมัสก์ ซึ่งเป็นตัวแทนของโลกที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม เทคโนโลยีล้ำสมัย และการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดอย่างยั่งยืน
ดังนั้น ชะตากรรมของร่างกฎหมาย "One Big Beautiful Bill" และผลลัพธ์ของความขัดแย้งครั้งนี้ จึงไม่ได้ตัดสินเพียงอนาคตของบริษัท Tesla หรืออีลอน มัสก์เท่านั้น แต่ยังเป็นตัวชี้วัดทิศทางของสหรัฐอเมริกาในเวทีโลก ทั้งในมิติของเศรษฐกิจ เทคโนโลยี และนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมในทศวรรษต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- อาจมีผู้เสียชีวิตเพิ่มกว่า 14 ล้านคนภายในปี 2030 หากสหรัฐฯ ตัดงบ USAID
- เวียดนามแซงไทย บรรลุดีลภาษีทรัมป์ หั่นจาก 46% เหลือ 20% แล้วภาษีสินค้าสวมสิทธิคืออะไร?
- ช่างรถอิตาลี DIY รถยนต์ EV ที่แคบที่สุดในโลก ! ขับได้จริง วิ่งไกลสุด 25 กิโลเมตรต่อรอบการชาร์จ
- "ทรัมป์" ขู่เนรเทศ "อีลอน มัสก์" ส่งหน่วย DOGE ตรวจสอบ Tesla l การตลาดเงินล้าน
- นิสสัน (Nissan) รั้งเบอร์ 1 รายการรถแข่ง Formula E สะท้อนนวัตกรรมรถ EV จากสนามแข่งสู่ทุกคน