ซื้อหุ้นไม่ใช่เรื่องดวง! 5 Step วิเคราะห์หุ้นก่อนลงทุน ที่นักลงทุนมือโปรยังต้องทำ
อย่าเพิ่งซื้อหุ้นแค่เพราะเพื่อนบอกว่าเด็ด หรือเห็นคนแห่ซื้อกันเยอะ เพราะทุกครั้งที่กดซื้อหุ้น เท่ากับว่าเรากำลังเป็นเจ้าของธุรกิจ
ถ้าไม่เข้าใจว่าธุรกิจนั้นทำอะไร มีจุดแข็ง จุดอ่อน หรือเติบโตได้แค่ไหน เงินที่ใส่เข้าไป อาจกลายเป็นบทเรียนราคาแพงแบบไม่รู้ตัว!
วันนี้ FinSpace มี 5 ขั้นตอนง่าย ๆ ที่จะช่วยวิเคราะห์หุ้นก่อนซื้อ แบบไม่หลงทาง 📈
1. เตรียมอาวุธนักลงทุน รู้จักเครื่องมือวิเคราะห์หุ้น
ก่อนออกศึก ต้องมี “อาวุธ” ให้ครบ เครื่องมือวิเคราะห์หุ้นก็เหมือนดาบและโล่ของนักลงทุน ดูกราฟย้อนหลัง งบการเงิน ข้อมูลพื้นฐาน all in one
ตอนนี้หลายโบรกเกอร์ให้ใช้ฟรีอยู่แล้ว หรือจะใช้เว็บเจ๋ง ๆ อย่าง TradingView, Yahoo Finance หรือ Market Screener ก็ได้เหมือนกัน
2. ขุดข้อมูลให้ลึก หาความจริงจากงบการเงิน
เริ่มจากหุ้นของบริษัทที่เรารู้จักหรือสนใจ เช่น ใช้สินค้าทุกวัน หรือเคยเห็นข่าวว่าโตแรง แล้วเข้าไปดู “งบการเงิน” ที่บริษัทต้องเปิดเผยทุกไตรมาส
ขั้นตอนนี้คือการทำ Quantitative Research หรือ “วิเคราะห์เชิงปริมาณ” โดยงบการเงินประกอบด้วย 3 งบหลัก ๆ ได้แก่
- งบกำไรขาดทุน (Income Statement) – บริษัทหาเงินมาเท่าไร ใช้ไปเท่าไร เหลือกำไรไหม
- งบดุล (Balance Sheet) – บริษัทมีทรัพย์สินหรือหนี้สินเท่าไร สุขภาพการเงินดีไหม
- งบกระแสเงินสด (Cash Flow) – เงินสดเข้าออกยังไง พอใช้ต่อยอดหรือเปล่า
3. ไม่ต้องดูทุกตัวเลข แต่ต้องรู้ “ตัวเลขเด็ด”
งบการเงินเต็มไปด้วยตัวเลขพรึ่บ! อย่าเพิ่งเวียนหัว ลองเริ่มจากตัวเด็ด ๆ เหล่านี้ก่อน
- Revenue (รายได้): บริษัทหาเงินมาได้มากน้อยแค่ไหน
- Net Income (กำไรสุทธิ): หักทุกอย่างแล้ว เหลือเงินจริง ๆ เท่าไร
- EPS (กำไรต่อหุ้น): หุ้นหนึ่งตัวทำกำไรได้แค่ไหน
- P/E Ratio (อัตราส่วนราคาต่อกำไร): นักลงทุนยอมจ่ายเงินซื้อหุ้นเป็นกี่เท่าของกำไรต่อหุ้นของบริษัทนั้น
- ROE และ ROA (อัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นและสินทรัพย์): วัดความสามารถในการใช้เงินผู้ถือหุ้นและสินทรัพย์ให้เกิดกำไร
4. เติมสีสันให้ตัวเลข ด้วยการวิเคราะห์คุณภาพบริษัท
ตัวเลขดีอย่างเดียวไม่พอ ต้องรู้ด้วยว่าบริษัทมี “ของ” หรือเปล่า ขั้นตอนนี้คือการทำ Qualitative Research หรือ “วิเคราะห์เชิงคุณภาพ” เช่น
- บริษัทหาเงินจากไหน? – เข้าใจโมเดลธุรกิจ เช่น ร้านฟาสต์ฟู้ดอาจได้รายได้จากขายแฟรนไชส์มากกว่าขายอาหาร
- จุดแข็งคืออะไร? – เช่น แบรนด์แกร่ง โมเดลธุรกิจก๊อปยาก มีเทคโนโลยีหรือความเชี่ยวชาญเฉพาะ
- ผู้บริหารเก่งแค่ไหน? – อ่านบทสัมภาษณ์หรือจดหมายถึงผู้ถือหุ้น เช็กความเป็นอิสระและความหลากหลายของบอร์ดบริหาร
- ความเสี่ยงคืออะไร? – คิดในแง่ของการเปลี่ยนแปลงที่กระทบระยะยาว เช่น เทคโนโลยีใหม่มาแทนที่ สินค้าหลักตกยุค กฎหมายเปลี่ยน ฯลฯ
5. ต่อจิ๊กซอว์ทั้งหมดเป็นภาพใหญ่
อย่าเพิ่งซื้อหุ้นแค่เพราะงบปีล่าสุดดูดี หรือข่าวช่วงนี้บวกแรง ต้องดูว่า “บริษัทนี้ควรค่าแก่การถือระยะยาวหรือเปล่า”
- ดูข้อมูลย้อนหลัง 3-5 ปี – บริษัทผ่านวิกฤติยังไง? โตต่อเนื่องไหม?
- เปรียบเทียบกับคู่แข่ง – อยู่เหนืออุตสาหกรรมหรือแค่พอไปได้
หุ้นไม่ใช่การเสี่ยงโชค แต่คือการเลือกธุรกิจที่โตไปด้วยกัน
ใครที่ทำการบ้านอย่างมีระบบ เข้าใจธุรกิจ และรู้ว่าซื้อในราคาที่เหมาะสม ก็จะมีโอกาสชนะในระยะยาวมากกว่า เพราะสุดท้าย “การลงทุนที่ดีที่สุด คือการเข้าใจในสิ่งที่เราถืออยู่”
อ้างอิง: Simply Safe Dividends
ติดตามบทความอื่น ๆ อีกมากมายได้ที่ www.finspace.co
ติดตามเรื่องราวการเงินที่จะมาตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่เป็นคุณก่อนใครได้ที่
Facebook : FinSpace
Instagram : http://bit.ly/2ktv2o7
X : http://bit.ly/2keFfVD
Blockdit : https://bit.ly/37EWqmb