“วิโรจน์” มอง รัฐบาลรอดีล เว้นเก้าอี้ รมว.กลาโหม - สวน เมินปัญหาชายแดน
“วิโรจน์” มอง รัฐบาลรอดีล เว้นเก้าอี้ รมว.กลาโหม - สวน เมินปัญหาชายแดน เพราะยังต่อรองไม่จบ
เวลา 12.50 น. วันที่ 5 ก.ค. 68 ที่อาคารรัฐสภา นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ชายแดนไทยแลพกัมพูชา ว่า สถานการณ์ที่กำลังตึงเครียด ท่ามกลางการปรับคณะรัฐมนตรีที่กลับเว้นตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมไว้โดยไม่มีคำอธิบายที่ชัดเจน ทั้งที่ควรเป็นกลไกสำคัญในการรับมือกับข้อพิพาท และชี้ว่าการจัด ครม. ครั้งนี้ไม่สะท้อนถึงความใส่ใจในปัญหาของประเทศ แต่เป็นเพียงการโยนเก้าอี้ให้พรรคร่วม เพื่อประคองอำนาจในภาวะไร้เสถียรภาพเท่านั้น
นายวิโรจน์ มองว่า เรือของรัฐบาลกำลังล่ม และการประชุมสภาที่เปิดได้เพียง 13 นาทีก็สะท้อนความเปราะบางอย่างชัดเจน ขณะเดียวกันยังตั้งคำถามถึงเหตุผลที่แท้จริงเบื้องหลังการเว้นว่างตำแหน่ง รมว.กลาโหม ว่าอาจเป็นการเจรจาทางการเมืองเพื่อรักษาอำนาจ หรือ เว้นไว้เพื่อดีล มากกว่าจะตอบโจทย์สถานการณ์เร่งด่วนในพื้นที่ชายแดน
แม้จะมีรายงานว่ามีการมอบหมายภารกิจด้านความมั่นคงให้ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ หรือ “บิ๊กเล็ก” นายวิโรจน์ ตั้งข้อสังเกตว่า เป็นเพียงเทคนิคการบริหารจัดการภายในที่สะท้อนการเมืองแบบดีลเก้าอี้ มากกว่าจะเป็นแนวทางรับผิดชอบต่อประชาชน พร้อมระบุว่า รัฐบาลชุดนี้ตั้งแต่ต้นจนถึงวันนี้ ดำเนินนโยบายด้วย “เทคนิค” มากกว่าหลักการ ตั้งแต่เทคนิคการหาเสียงและเทคนิคการเจรจา
ส่วนเคลื่อนไหวในเวทีเจรจาไทย-กัมพูชาผ่านคณะกรรมการ GBC นายวิโรจน์ มองว่า หากการหารือสามารถช่วยลดความตึงเครียดได้ พรรคประชาชนก็พร้อมสนับสนุนโดยไม่มีอคติ เพราะยึดแนวทางการแก้ปัญหาด้วยเหตุผลและเอกสารอ้างอิง เช่น MOU ปี 2543 ที่เป็นกรอบในการเจรจาระหว่างสองประเทศ
ส่วนการเจรจาทางการค้ากับสหรัฐฯ นายวิโรจน์ ตั้งคำถามว่าไทยสามารถต่อรองได้ผลหรือไม่ โดยเฉพาะในประเด็นภาษีตอบโต้ที่อาจสูงถึง 36–37% หากไทยไม่สามารถเจรจาขยายเส้นตายได้ เขาชี้ว่าการเจรจารอบแรกที่ไม่สำเร็จไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่รัฐบาลต้องกลับมาเร่งทำการบ้านและเปิดการเจรจารอบต่อไป เพราะผลกระทบต่อภาคการผลิตและส่งออกอาจรุนแรงจนยากเยียวยา พร้อมหวังว่าประเทศไทยจะเป็นหนึ่งประเทศที่ถูกเลื่อนให้กำหนดการนั้นออกไปเพื่อยืดเวลาต่อไปได้