โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

“กัณวีร์” จี้รัฐบาลเลิกเป็นเป้านิ่ง ใช้การทูตเชิงรุกสู้กัมพูชา พร้อมระวังเขมรอ้างเหตุกล่าวหาไทยเปิดฉากปะทะ นำเรื่องร้อง UN

Manager Online

เผยแพร่ 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา • MGR Online

“กัณวีร์” แนะรัฐบาลใช้การทูตเชิงรุกสู้กัมพูชา อย่าเป็นเป้านิ่งให้เขาเดินเกมทั้งเรื่องฟ้องศาลโลก และสมัชชาใหญ่สหประชาติ ทั้งต้องเดินงานความมั่นคงให้ครบทุกมิติ อย่าทำแค่ด้านการทหาร เตือนระวังกัมพูชาหาข้ออ้างว่าไทยเปิดฉากปะทะ เอาเรื่องไปฟ้อง UN ซ้ำ

จากกรณีที่กัมพูชาได้ยื่นร้องต่อสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UNGA) เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.68 อ้างว่าทหารไทยรุกล้ำอธิปไตยเข้าไปยิงทหารกัมพูชาเสียชีวิตที่บริเวณสามเหลี่ยมมรกต เมื่อเช้ามืดวันที่ 28 พ.ค.68 เป็นเหตุให้สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาก็ตึงเครียดขึ้น และกัมพูชาจำเป็นต้องนำข้อพิพาทชายแดนกับไทย 4 จุด ยื่นฟ้องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ(ICJ) และต่อมาวันที่ 19 มิ.ย.68 ฝ่ายได้ได้ทำหนังสือถึง UNGA ตอบโต้ข้อกล่าวหากัมพูชาดังกล่าวนั้น ล่าสุด วันนี้(5 ก.ค.) นายกัณวีณ์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก กัณวีร์ สืบแสง Kannavee Suebsang แสดงความเห็นต่อเรื่องนี้ว่า ไทยต้องเดินเกมทางการทูตและงานความมั่นคงอย่างรู้เท่าทัน และต้องเหนือชั้นกว่า ไม่ปล่อยให้กัมพูชานำเหตุที่ไปฟ้องสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UNGA) โดยทำตัวเป็นลูกไล่ที่เค้าไปฟ้อง UNGA และศาลโลกอย่างอ่อนเชิง

สุดท้ายก็จริงอย่างที่ผมได้คาดการณ์ไว้ว่ากัมพูชา ต้องการนำข้อพิพาทชายแดนไทยกัมพูชา เข้าสู่สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ หรือ UNGA โดยส่งจดหมายไปยัง UNGA เป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมข้อกล่าวอ้างที่เป็นเหตุผลให้นำข้อพิพาท 4 พื้นที่ขึ้นสู่ศาลโลก

แต่ดีนะครับที่ไทยก็มีหนังสือชี้แจงไปอย่างทันท่วงที อันนี้ถือว่ายังทันอยู่

อย่างที่ทุกท่านติดตามปัญหาสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ตั้งแต่เหตุปะทะที่พื้นที่ช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ค.68 จนบานปลายไปสู่มาตรการการเปิด-ปิด ด่านพรมแดน และกัมพูชานำพื้นที่พิพาททั้งที่ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด ปราสาทตาควาย และพื้นที่ช่องบก ฟ้องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ICJ

ผมเคยเตือนรัฐบาลไทยไปแล้วว่า เกมทั้งหมดกัมพูชาต้องการนำข้อพิพาทนี้ไปสู่ UNGA และ UNSC ดังนั้นรัฐบาลไทยต้องมีมาตรการทางการทูตเชิงรุกที่ทั้งรับมือและจัดการปัญหานี้ทางการทูตนำการทหาร และต้องเปลี่ยนงานทหารล้วนๆ เป็นงานความมั่นคงให้ได้ !!

อย่างที่ผมเคยบอกไว้นะครับว่า ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ต้องมีมิติทางการทูตเข้ามาเกี่ยวข้อง จากที่ผ่านมาการที่กัมพูชาไม่นำข้อพิพาททั้ง 4 พื้นที่เข้าหารือใน JBC แต่นำยื่นฟ้องต่อศาลโลก ทำให้ไทยเสียเปรียบไปแล้ว และการที่กัมพูชานำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุม UNGA และมีการบรรจุเป็นวาระในหัวข้อ การป้องกันการขัดกันด้วยอาวุธ (Prevention of armed conflict) ลงวันที่ 16 มิ.ย.68 พร้อมแนบหนังสือที่ยื่นไปศาลโลก เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

สรุปใจความสำคัญกัมพูชาให้ฟังสักเล็กน้อยครับ เค้ากล่าวอ้างหนังสือที่ส่งไปยังศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.68 เพื่อนำ 4 พื้นที่พิพาท ระหว่างไทย-กัมพูชา เข้าสู่การพิจารณาของศาลโลก

โดยอ้างว่า เมื่อวันที่ 28 พ.ค.68 ได้เกิดการเผชิญหน้าด้วยอาวุธร้ายแรงในพื้นที่มุมไบ หรือช่องบก โดยไทยเป็นฝ่ายเริ่มเปิดฉากยิงใส่ทหารกัมพูชาที่ประจำการอยู่ในดินแดนอธิปไตยของกัมพูชา ส่งผลให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต หลังจากนั้นกองกำลังติดอาวุธหนักหลายพันนายไปประจำการทั้งสองฝั่งชายแดน จนทำให้เกิดข้อกังวลว่าจะทำให้เกิดการสู้รบเหมือนในปี 2551-2554 ซึ่งไม่เพียงจะเป็นภัยร้ายแรงต่อทั้งสองประเทศ แต่ยังรวมถึงสันติภาพความมั่นคงและเสถียรภาพโดยรวมในภูมิภาคด้วย

กัมพูชาอ้างว่าได้สนับสนุนการแก้ไขข้อพิพาทโดยสันติวิธีผ่านการเจรจาที่สอดคล้องกับกฏหมายระหว่างประเทศมาโดยตลอด และพยายามเจรจาทวิภาคีมาหลายครั้งแต่ล้มเหลว เนื่องจากขาดเจตจำนงทางการเมืองจากทางการไทย ที่พึ่งพาแผนที่ที่ร่างขึ้นฝ่ายเดียวอย่างต่อเนื่อง มีการกระทำที่ละเมิดอธิปไตยของกัมพูชา รวมถึงการคุกคามจากแม่ทัพภาคที่ 2 ของไทย ที่จะแก้ไขปัญหาข้อพิพาทโดยใช้กำลัง เป็นตัวอย่างของพฤติกรรมที่ไม่เป็นมิตร และพัฒนาการน่ากังวลคือความรู้สึกชาตินิยมสุดโต่งที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างแพร่หลาย ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการแสดงความเห็นที่ไม่รับผิดชอบของกองทัพไทยและบุคคลทางการเมืองบางคน ที่เสี่ยงต่อการปลุกปั่นให้เกิดความเกลียดชังทางชาติพันธุ์และความขัดแย้งตามมาได้

กัมพูชายกเหตุผลเหล่านี้เสนอต่อ UNGA และเน้นย้ำว่า รัฐบาลกัมพูชาไม่มีทางเลือกที่ต้องนำ 4 พื้นที่พิพาทสู่ศาลโลก และนำเรื่องนี้เข้าที่ที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ UNGA

ในขณะที่รัฐบาลไทยก็ส่งคำชี้แจงไปอย่างรวดเร็ว ตามจดหมายลงวันที่ 19 มิ.ย.68 ที่ระบุว่า ไทยยึดมั่นต่อกฏบัตรสหประชาชาติ โดยเฉพาะการแก้ไขข้อพิพาทโดยสันติ งดเว้นการใช้กำลังและเคารพในอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศสมาชิกทั้งหมด โดยยืนยันว่า ไทยและกัมพุชามีความสัมพันธ์มายาวนาน แต่ได้แก้ไขความขัดแย้งผ่านการเจรจาอย่างสันติ พร้อมยืนยันตามแถลงการณ์ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 พ.ค.68 ว่าการปะทะกันระยะสั้นระหว่างทหารไทยและกัมพูชา ในพื้นที่ช่องบก เกิดขึ้นในขณะที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามปกติภายในเขตอธิปไตยไทย เพื่อตอบโต้การยิงของทหารกัมพูชาที่เข้าไปในดินแดนไทย และกองกำลังไทยต้องบังคับใช้มาตรการป้องกันตนเองอย่างสมส่วนและเหมาะสม สอดคล้องกับกฏหมายระห่างประเทศ โดยการกระทำของทหารกัมพูชาถือเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทยอย่างชัดเจน

นอกจากนี้รัฐบาลไทยย้ำว่า การที่กัมพูชาส่งทหารไปประจำการในพื้นที่เป็นการละเมิด MOU 2543 อย่างชัดเจน โดยเฉพาะการฝ่าฝืนข้อ 5 ว่าด้วยทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะไม่ดำเนินการใดๆ ที่จะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมของเขตแดน และการตัดสินใจของกัมพูชาในการยื่นเรื่องต่อศาลโลก ชัดเจนว่าทำไปโดยไม่สุจริตใจ บ่อนทำลายกระบวนการของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือ JBC ที่ประชุมไปเมื่อวันที่ 14-15 มิ.ย.2568 และยังขัดต่อเจตนารมณ์ใน MOU 2543 ที่ต้องยุติปัญหาโดยสันติวิธีผ่านการเจรจา

ฝ่ายไทยย้ำว่าต้องการแก้ปัญหาความขัดแย้งกับกัมพูชาอย่างสันติ ผ่านกลไกทวิภาคี ทั้งระดับ คณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) คณะกรรมการชายแดนระดับภูมิภาค (RBC) และคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วย การกำหนดเขตแดนทางบก (JBC) รวมถึงไม่ยอมรับเขตอำนาจของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ

จดหมายของฝ่ายไทยชี้แจงได้ครบถ้วนนะครับ จริงๆ หากรัฐบาลพูดชัดแบบนี้ตั้งแต่ต้น และดำเนินนโยบายทางการทูตด้วยความระมัดระวัง ไม่ตกเป็นเป้านิ่งให้กัมพูชา เปิดเกมรุกให้เรื่องไปถึงศาลโลก และ UNGA

สถานการณ์นับจากนี้จึงต้องระมัดระวังไม่ให้กัมพูชา ใช้เหตุการณ์ชายแดนไปเป็นข้ออ้างฟ้อง UNGA ว่าไทยเป็นฝ่ายละเมิดเปิดฉากปะทะ สิ่งที่จะยืนยันได้ก็ต้องเป็นหลักฐานข้อเท็จจริงตามที่ไทยได้ชี้แจงไป และเดินเกมรุกทางการทูต ในขณะที่ทางการทหารเราก็ต้องเข้มแข็งและเดินเกมอย่าระมัดระวังในการรักษาอธิปไตยทั้งในชายแดนและในเวทีโลก

อีกเรื่องที่ขอเสนอคือต้องมองข้ามงานการทหารให้ไปสู่งานความมั่นคงให้ได้ ความมั่นคงมันมีบริบทมากกว่าการทหาร มันต้องมองด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรมและงานการต่างประเทศ เอาบริบทข้อเท็จจริงมาพิจารณาให้ดี หากมองเรื่องข้อพิพาทกับกัมพูชาเรื่องเขตแดนที่เป็นข้ออ้างของกัมพูชาในการสร้างสถานการณ์แล้ว เราต้องเล่นให้เป็น เดินเกมการทำงานอย่างมืออาชีพ

ผมเคยบอกไปนานแล้วตั้งแต่ต้นๆ ว่าไม่ต้องนำเรื่องมาตรการการเปิด-ปิดชายแดนมาเป็นสารัตถะสำคัญ หากจะปิดเอาแค่ปิดในพื้นที่ที่มีการเผชิญหน้าทางทหารเพียงเท่านั้น ที่อื่นต้องนิ่งเฉย อย่าไปเล่นเกมเค้า เอามาตรการอื่นมาทำ อาทิ การปราบปรามสถานการณ์อาชญากรรมข้ามชาติต่างๆ มาเป็นตัวตั้งและต้องทำรอบประเทศ ไม่ใช่แค่กัมพูชา เราต้องเล่นเหนือครับ !!

ปราบธุรกิจเทาดำให้สิ้นซาก เพราะมันกระทบกับโลกใบนี้ทั้งใบ เน้นงานสิทธิมนุษยชนและงานมนุษยธรรมรอบประเทศ ตัดความสัมพันธ์อันยาวนานระหว่างไทย-กัมพูชาเรื่องความร่วมมือการกดปราบข้ามชาติ (Transnational Repression—TNR) ไม่ร่วมมือกับกัมพูชาในการมอบผู้ลี้ภัยทางการเมืองกลับไปตายในกัมพูชา ไม่เป็นเบี้ยรองบ่อนให้เค้าใช้ประเทศไทยในการทำการประหัตประหารคนของกัมพูชาในดินแดนไทย

เร่งสร้างการพัฒนาเมืองชายแดนให้เข้มแข็ง ออกนโยบายการสร้างเมืองคู่แฝด (sister cities) ทั่วประเทศ เสริมอำนาจชุมชุนให้มีความรู้สึกถึงความเป็นหุ้นส่วนการร่วมพัฒนา โดยใช้วิถีและอัตลักษณ์ชุมชน เพื่อเร่งสร้างสันติภาพที่ยั่งยืนโดยชุมชนท้องถิ่นด้วยการพัฒนาอย่างสากล มองมิติการพัฒนาเชิงเศรษฐกิจฐานรากชุมชนให้กระจายแผ่ไปชายแดนรอบประเทศ

มาตรการพิจารณาปกป้องการนำสินค้าเข้ามายังประเทศในบางรายการที่อุ้มชูคนไทยรอบชายแดน และในขณะเดียวกันตรวจสอบจุดแข็งประเทศเพื่อนบ้านและพร้อมช่วยเหลือในบางอย่าง เพื่อสร้างความเข้าใจอันดีต่อกัน และรวมถึงการศึกษาบริเวณชายแดนที่มีลูกหลานของเพื่อนบ้านที่ยังต้องพึ่งพิงระบบการศึกษาในไทยบริเวณชายแดน ทำให้ดีมีระบบสร้างคุณธรรมตามหลักมนุษยธรรมไปด้วย

เราต้องเล่นเหนือในด้านอื่นๆ ที่เป็นงานความมั่นคง อย่าห่วงเลยครับงานการทหาร ทหารไทยเอาอยู่ไม่มีบกพร่องอย่างแน่นอน แต่งานด้านอื่นๆ เพื่อเสริมความมั่นคงทั้งชายแดนและส่วนกลางของเราที่จะช่วยให้เราแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบผ่านการพัฒนา จำเป็นต้องเข้มแข็งให้มากกว่านี้ ถือคติผู้ใหญ่ให้ความเมตตาต่อเด็ก เมื่อเด็กงอแงเราต้องใช้หลักเมตตาธรรมสั่งสอนให้เด็กเข้าใจถึงความเป็นจริง และสักวัน “เด็ก” คนนั้นจะเป็นคนดีในสังคมโลกนี้ต่อไป

หวังว่าผู้บริหารประเทศจะเข้าใจในสิ่งที่ผมพยายามจะสื่อสารนะครับ

website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก Manager Online

Google เจอศาลตัดสิน ต้องจ่ายชดเชย 314 ล้านดอลลาร์ ปมแอบดูดข้อมูล Android โดยไม่บอกผู้ใช้

37 นาทีที่แล้ว

นักวิทย์ฯ พระสงฆ์และผู้คนในชุมชน ร่วมจัดพิธีไว้อาลัยธารน้ำแข็ง Yala ในเนปาล หนึ่งในธารน้ำแข็งที่ถูกประกาศว่ากำลังจะตาย

41 นาทีที่แล้ว

ผลโพลชี้ 73% ไฟเขียว "นโยบายคริปโตฯ ทรัมป์" ดันราคาตลาดพุ่งแรง

51 นาทีที่แล้ว

เมีย “เติ้ล ตะวัน” โวย ถูกโซเชียลฉะแรง เมียพี่วางตัวดี เมียน้องสร้างเรื่องงามหน้า ด่าผิดคนแล้ว!

59 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

วิดีโอ

การกลับมาของเรียลลิตี้ The Face ยุคคนไม่ดูทีวี

Thai PBS

อาลัย ส.ต.ท.ธัญเทพ วัย 24 มุ่งมั่นเป็นตำรวจ เลือกลงยะลา ถูกคนร้ายซุ่มยิงดับ

Khaosod
วิดีโอ

"ณเดชน์" ไม่กดดันถูกเทียบเสียงพากย์กับมืออาชีพ

Thai PBS

ป่วนนราธิวาสต่อเนื่อง ลอบเผารถเก๋งต้องสงสัย พื้นที่รือเสาะ

Khaosod

นักวิทย์ฯ พระสงฆ์และผู้คนในชุมชน ร่วมจัดพิธีไว้อาลัยธารน้ำแข็ง Yala ในเนปาล หนึ่งในธารน้ำแข็งที่ถูกประกาศว่ากำลังจะตาย

Manager Online

สุดโหด เปิดนาทีสังหาร ส.ต.ท. ขณะออกตรวจ คนร้ายซุ่มฝั่งตรงข้าม ลั่นไกปลิดชีวิต

Khaosod

"ศิริโชค" เล่านาที "ไฟไหม้รถยนต์" รอผลสอบสาเหตุ เกิดจากความบกพร่องหรือวางเพลิง

Thairath - ไทยรัฐออนไลน์

ตำรวจทางหลวงจับรถบัสรับส่งพนักงานติดภาษีปลอม ช่างซ่อมซวย ขับแทนวันแรกก็โดนรวบ

Manager Online

ข่าวและบทความยอดนิยม

สสส. ผนึก เครือข่ายประกาศเจตนารมณ์ 12 ประเด็น 34 เป้าหมาย สร้างพลังชุมชนอภิวัฒน์ระบบสุขภาวะที่ยั่งยืน

Manager Online

“สมศักดิ์”ซัด นโยบายกัญชายึกยัก เอาให้ชัด จะเลือกอนาคตชาติ หรือกลุ่มผลประโยชน์ จี้ ออก พ.ร.บ. ควบคุม สร้างมาตรฐานการใช้ สยบปัญหารอบด้าน

Manager Online

‘อรรถกร’ลุยสั่งการ ส.ป.ก.สระแก้ว เร่งจัดสรรที่ดินแปลงว่างอย่างเป็นธรรม เดินหน้าลดความเหลื่อมล้ำ พร้อมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้เกษตรกร

Manager Online
ดูเพิ่ม
Loading...