ไทม์ไลน์คดีบังคับโทษ ‘ทักษิณ ชินวัตร’
เช้าวันที่ 4 กรกฎาคม 2568 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเริ่มต้นการไต่สวนพยานนัดแรกในคดีหมายเลขดำที่ บค.1/2568 ซึ่งพิจารณาประเด็นเกี่ยวกับการบังคับโทษจำคุกของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยมุ่งเน้นตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการเข้ารับการรักษานอกเรือนจำ ณ โรงพยาบาลตำรวจ ตั้งแต่คืนแรกของการควบคุมตัว
ในวันเดียวกันนี้ นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัว ให้สัมภาษณ์ก่อนการไต่สวน โดยระบุว่าได้เตรียมเอกสาร “ประวัติการรักษาฉบับสมบูรณ์” มายื่นต่อศาลเพิ่มเติม เพื่อประกอบการพิจารณาในประเด็นอาการป่วยที่กล่าวอ้างก่อนและระหว่างถูกควบคุมตัว ทั้งนี้ เอกสารดังกล่าวไม่ได้เปิดเผยต่อสาธารณะ โดยให้เหตุผลว่าเป็นข้อมูลสุขภาพส่วนบุคคล และอยู่ภายใต้การคุ้มครองตามกฎหมาย
แม้ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดของแหล่งที่มาของประวัติการรักษา แต่ทนายความได้ชี้แจงว่าเป็นข้อมูลที่ทางกรมราชทัณฑ์เคยได้รับไปก่อนแล้ว และพร้อมให้ความร่วมมือกับศาลอย่างเต็มที่ เพื่อให้การพิจารณาดำเนินไปด้วยความโปร่งใสและมีหลักฐานยืนยันข้อเท็จจริงครบถ้วน
นอกจากการเตรียมเอกสาร ทางฝ่ายจำเลยยังได้เสนอรายชื่อพยานเพิ่มอีก 10 ปาก เพื่อขอให้ศาลพิจารณารับไว้ไต่สวน อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดของพยานเหล่านี้ เนื่องจากอยู่ในระหว่างการรอคำวินิจฉัยจากศาลว่าจะอนุญาตหรือไม่ โดยหากศาลอนุญาต รายชื่อและบทบาทของพยานแต่ละรายจะได้รับการแจ้งให้สาธารณชนรับทราบในโอกาสต่อไป
สำหรับการไต่สวนในวันนี้ พยานที่ศาลเรียกมาเป็นกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์จากทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ รวมถึงแพทย์เวรและพยาบาลประจำเรือนจำ ซึ่งล้วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการตรวจร่างกายและการวินิจฉัยอาการของผู้ต้องขังรายนี้ในช่วงแรกของการควบคุมตัว
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2566 ทักษิณ ชินวัตร เดินทางกลับประเทศไทยเป็นครั้งแรกในรอบ 17 ปี และเข้ารับฟังคำพิพากษาในคดีอาญาทั้งสามคดี ซึ่งมีคำพิพากษาให้จำคุกรวม 8 ปี ต่อมาในช่วงค่ำวันเดียวกันถูกส่งตัวไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และอยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่เพียงไม่กี่ชั่วโมง ก่อนจะมีคำสั่งจากแพทย์ให้ย้ายไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจในช่วงเช้ามืดของวันที่ 23 สิงหาคม ด้วยเหตุผลด้านอาการป่วยเฉียบพลัน
การรักษานอกเรือนจำที่ชั้น 14 ของโรงพยาบาลตำรวจดำเนินต่อเนื่องเป็นเวลานานกว่า 120 วัน โดยไม่มีการย้ายกลับไปยังเรือนจำแม้แต่ครั้งเดียว จนกระทั่งมีคำสั่งพักโทษในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 หลังจากได้รับพระราชทานอภัยโทษลดโทษจำคุกเหลือ 1 ปีในเดือนกันยายนปีก่อนหน้า
ประเด็นนี้นำมาซึ่งคำถามจากหลายภาคส่วนในสังคมเกี่ยวกับความเท่าเทียมในการบังคับโทษและการใช้สิทธิตามกฎหมายของผู้ต้องขัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการตีความกฎกระทรวงและระเบียบกรมราชทัณฑ์เกี่ยวกับการรักษานอกเรือนจำว่าอาจเปิดช่องให้มีการเลือกปฏิบัติได้
การเปิดกระบวนการไต่สวนของศาลฎีกาในปี 2568 จึงมีความสำคัญต่อภาพลักษณ์ของกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะในประเด็นการรักษาความโปร่งใส การตรวจสอบกระบวนการ และความเสมอภาคในการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังทุกคนโดยไม่เลือกปฏิบัติ
ในช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ ศาลได้นัดไต่สวนพยานรวม 6 นัด โดยวันที่ 4 กรกฎาคมเป็นนัดแรก ส่วนวันที่ 8 และ 15 กรกฎาคมจะเป็นการไต่สวนกลุ่มเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ระดับต่าง ๆ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในช่วงเวลาที่เกิดข้อสงสัยขึ้น หากศาลอนุญาตพยานเพิ่มเติมอีก 10 ปากตามคำร้องของฝ่ายจำเลย รายละเอียดของคดีนี้อาจได้รับการขยายขอบเขตมากขึ้น และอาจนำไปสู่บทสรุปที่มีความชัดเจนยิ่งขึ้นต่อสาธารณชน
- 22 ส.ค. 2566เดินทางกลับไทย รับฟังคำพิพากษา จำคุก 8 ปี
- 23 ส.ค. 2566ถูกย้ายไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ ภายหลังมีอาการป่วยขณะอยู่ในเรือนจำไม่ถึง 24 ชั่วโมง
- ก.ย. 2566ได้รับพระราชทานอภัยโทษ ลดโทษเหลือ 1 ปี
- ก.พ. 2567ได้รับการพักโทษ กลับไปพักที่บ้านพักส่วนตัว
- เม.ย.–ก.ค. 2568ศาลฎีกาเริ่มไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีบังคับโทษและการรักษานอกเรือนจำ
- 4 ก.ค. 2568นัดไต่สวนพยานกลุ่มแพทย์และพยาบาล พร้อมฝ่ายจำเลยยื่นขอเพิ่มพยานอีก 10 ปากและเอกสารการรักษา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ประวัติ อดิศักดิ์ ตันติวงศ์ ประธานศาลฎีกาคนที่ 51
- ผบ.ตร.สั่งสอบ 2 แพทย์ตำรวจ ปมมติแพทยสภากรณีรักษาทักษิณ
- ศาลฎีกาสั่งจำคุก “สิระ เจนจาคะ” 6 เดือน 20 วัน ไม่รอลงอาญา
- แพทยสภา ยืนยันมติเดิม ลงโทษแพทย์ 3 ราย กรณีรักษา “ทักษิณ” ชั้น 14 รพ.ตำรวจ
- 13 มิ.ย.นี้ ‘วิญญัติ’ ตัวแทนทักษิณ ขึ้นศาลฎีกาฯ นัดพร้อมคดีการเมือง