"จตุรงค์ สุขเอียด" ขอโพสต์ล่าสุด ผู้ประกาศบางคน อาจมีสะเทือน
จตุรงค์ สุขเอียด อดีตนักข่าวชื่อดัง ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก จตุรงค์ สุขเอียด ระบุว่า
ผู้ประกาศข่าว จะมีโอกาสว่าทีมงานออกอากาศ เพราะอะไร
ทั้งที่ เวลาอ่านข่าว บนจอโทรทัศน์ มีมารยาทกำกับอยู่
เราถูกสอนว่า คนทำสื่อต้อง มีมารยาท ต่อคนดู ทั้งภาษากาย ภาษาสื่อสาร
แล้วต้องไม่คิดว่า มีคนแบบเดียวที่ดูอยู่
เพราะจอโทรทัศน์หรือตอนนี้อยู่กับทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย ทุกระดับการศึกษา และทุกชั้นวรรณะ
เราถูกสอนว่า เวลาปรากฎตัวบนสื่อสาธารณะที่ทุกคนเข้าถึงได้
ต้องใช้ภาษาที่ฟังได้ทั้งคนไม่มีการศึกษา จนถึงระดับด็อกเตอร์ และคนในรั้ว ในวัง
เพราะเราไม่สามารถรู้ได้ว่า ตอนนั้น ใครเราฟังหรือเห็น ดู เราอยู่บ้าง
ทางที่ดี จึงต้องดูดี เรียบร้อย พูดด้วยความสุภาพ ภาษาที่สุภาพ ไม่ปนคำสบถก่นด่า เพราะเด็กๆเล็กๆ คนดีๆเขาจะได้ฟังเราได้ด้วย
ดังนั้น การทำข่าวสมัยก่อนๆ จึงกำกับและป้องกันความผิดพลาดทั้งที่คนประกาศ และคนผลิตภาพประกอบด้วย
บทข่าว….
บทข่าวคือ บทที่เขียนโดยผ่านการกลั่นกรองแล้วว่า จะสื่อสารอะไร คำไหน เรียงลำดับอย่างไร
ผู้ประกาศ ที่ดีจึงควรอ่านทุกคำตามบทนั้น ไม่ตัด ไม่ต่อ ไม่เติม เว้นที่มีคำผิด ก็สามารถทบทวน หรือแก้ไขได้ โดยการถามบรรณาธิการให้ชัดเจนก่อน เพราะบทก็คือคีย์ของการสื่อสาร ที่ให้ผู้ประกาศเป็นผู้นำเสนอ
ผู้ประกาศจึง ไม่ใช่ใครก็ได้ที่พูดมีเสียงดัง
แต่คนๆนั้นต้อง มีภูมิรู้ สุภาพและมีจรรยาที่น่ารับฟัง ข่าวจึงจะมีคนฟังจนจบ เพื่อจะได้รับทราบประโยชน์จากการนำเสนอ
ในข่าวที่มีบทกำกับ ก็จะกำกับภาพประกอบข่าวเอาไว้ด้วยแล้ว
โดยทีมโปรดิวส์เซอร์ และตัดต่อเป็นผู้เรียบเรียงภาพประกอบให้ตรงบท
ดังนั้น พอนักข่าวที่ลงพื้นที่คือคนที่รู้จริงที่สุด จะเขียนบทส่งมา
พอมาถึงบรรณาธิการ ช่วยกรองคำและประเด็นชั้นหนึ่งแล้ว ส่งบทต่อให้โปรดิวส์เซอร์ ไปคุยกับตัดต่อ ที่ดูภาพจากช่างภาพแล้ว ถ้าขาดหรือภาพจริงใช้ไม่ได้ ไม่เหมาะสม เขาจะเซ็นเซอร์หรือทำกราฟฟิกประกอบแทนในประโยคนั้นๆ
พอเสร็จ ก่อนเข้าห้องส่ง ผู้ประกาศก็เอาบทมาทวนก่อน ซ้อมอ่านก่อน
แบบนี้ ก็ไม่มีอะไรต้องเรียกภาพกลางจอ ไม่ต้องตะโกนหาฟุตเทจแบบปัจจุบันทันด่วน
เว้นแต่กำลังอ่านอยู่แล้ว มีเรื่องด่วนแทรกมา อันนี้ ทั่วไปเข้าใจ…..
เหตุที่ข่าว มีบทกำกับเพราะเกือบทั้งหมด มันจบลงแล้ว หรือ เกิดขึ้นมาก่อนเวลาข่าวแล้ว
ถ้าไม่จบ ก็ตัดเข้ารายงานสดจากทีมในพื้นที่ให้ภาคสนามเล่าสดๆ
บทข่าวนอกจากคนฟังจะได้รับข่าวที่กำชับ ไม่มีการต่อเติม ไม่ปนความรู้สึกของผู้ประกาศลงไปได้แล้ว
ยังช่วยแก้ปัญหาความผิด หมิ่นประมาทจากคำพูดของคนอ่านได้
ยกเว้นเนื้อหา แต่ถ้ากรองมาดี ฟ้องก็สู้ตามหลักฐานของทีมข่าวที่มีได้
ผู้ประกาศข่าวบางคน ไม่ชอบอ่าน ตามบท เพราะคิดว่า รู้มากกว่า นักข่าวภาคสนาม
บางคนรู้เกินข่าวที่นักข่าวส่งมา สั่งรื้อบท มาเล่าเองหมด ปัญหา พอภาพไม่ตรง ก็ต้องรื้อภาพด้วย
สิ่งที่ที่คนดูคนฟังได้รับมาด้วยคือของเสีย..เห้ย ห่าๆ….ประกอบข่าว
คนธรรมดา ยันเจ้า
ที่ฟังอยู่ก็ต้องรับรู้ได้ฟังเสียงเหล่านี้ไปด้วย
ผมจึงไม่เห็นด้วยกับการไม่เคารพนักข่าวภาคสนาม ไม่เคารพคนเบื้องหลัง เพราะผมทำมาทั้ง2ส่วนแล้ว
ถึงเราจะอ่านเก่งกว่า เขา แต่ไม่ได้ลงไปทำข่าวนั้นเองๆ พูดให้เสียงแห้ง ก็สู้คนอยู่ในพื้นที่ไม่ได้หรอกครับ
ดังนั้นการทำงานเป็นทีมย่อมดีกว่าจริงไหมครับ
คุยกันให้จบก่อนออนแอร์แก้ได้
ไม่มีคนเบื้องหลังก็ไม่มีคุณ ….จำไว้ นะครับ