“มาริษ” จ่อบินเจนีวา แจงประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคี
สำนักข่าวไทย Online
อัพเดต 24 สิงหาคม 2568 เวลา 23.19 น. • เผยแพร่ 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา • สำนักข่าวไทย อสมทสวีเดน 24 ส.ค.-“มาริษ” เตรียมบินเจนีวาต่อ แจงประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคี-องค์การสิทธิมนุษยชน-กาชาด ย้ำไทยรักสันติ ทำตามกฎหมายระหว่างประเทศ ฟ้องเขมรใช้ทุ่นระเบิด-โจมตีพลเรือนไทย
นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่าหลังการเยือนสวีเดนอย่างเป็นทางการแล้วจะเดินทางไปเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในวันที่ 26 ส.ค.นี้ โดยมีเป้าหมายหลัก 3 ประการคือ ไปชี้แจงให้กับประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคีให้เข้าใจสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ซึ่งกัมพูชาใช้ยุทธศาสตรฺของการใช้ วัตถุระเบิดสังหารบุคคน ที่ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ และอนุสัญญาออตตาวาและในโอกาสนี้จะพบกับสำนักงานข้าหลวงใหญ่สืทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการใช้ทุ่นระเบิดสังหาร การละเมิดสิทธิมนุษยชนด้วยการโจมตีเป้าหมายพลเรือน ของกัมพูชา รวมทั้งการใช้โซเชียลมีเดีย ซึ่งเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (icrc )ก็ได้ออกมาพูดชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยอย่างมาก และไม่สนับสนุนให้มีการใช้สงครามข่าวสารในการต่อสู้ โดยใช้พลเรือนเป็นตัวกระทำให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่างกัน ซึ่งในโอกาสนี้ตนจะได้พบปะกับประธาน crc พอดี ซึ่งเคยพบกันที่กรุงเทพมหานครแล้ว และทางประธานทราบว่าตนจะมาเจนีวาก็สามารถมาพูดคุยกันต่อได้ ซึ่งจะได้อธิบายทั้ง 2 ประการเหล่านี้เพราะ icrc เป็นองค์กรหลักที่ดูกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งทั้งสามองค์กรที่เราวางกลยุทธ์ จะเข้ามาพูดคุย ชี้แจงก็เพื่อยืนยัน ใน ท่าทีบทบาท ของประเทศไทยที่ชัดเจนว่าเราเป็นประเทศ ที่รักสันติ เราต้องการ แก้ไขปัญหาระหว่างกันอย่างสันติวิธี แต่ต้องมีความจริงใจ และเราก็ปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศ รวมทั้งยูเอ็นชาร์เตอร์ และหลักการของอาเซียน ซึ่งสิ่งที่ตนกังวล คือการใช้สงครามข่าวสารที่จะทำให้สังคมมีความแตกแยกยิ่งขึ้น ซึ่งไม่เป็นสิ่งที่ดีและปรารถนา เพราะไม่สอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ
ส่วนที่กัมพูชา รับข้อตกลง 3 ข้อในการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคไทย-กัมพูชา (rbc)นั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า ตรงนี้เป็นผลมาจากการกดดันในทุกด้าน ด้วยการใช้มาตรการต่างๆ ของรัฐบาลไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรการทางการทูต การต่างประเทศสอดคล้องและสนับสนุนมาตรการทางทหาร ขณะเดียวกันมาตรการทางทหารก็สนับสนุนทำให้ความสำเร็จ ของรัฐบาลในการชี้แจงให้ชาวโลกได้เข้าใจข้อเท็จจริงทั้งหมด ซึ่งการทำงานทั้งสองด้านขณะนี้ไปด้วยกัน ทำให้ประชาคมโลกได้เข้าใจ ในความตั้งใจของรัฐบาลไทยว่า เราเป็นประเทศที่รักสันติ จะเห็นได้ว่าการปฏิบัติการทางทหาร ไม่ได้ถูกประเทศไหนตำหนิเลย ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนได้เดินสายที่ทุกประเทศเข้าใจว่า การใช้มาตรการทางของเราเป็นการตอบโต้ตามสัดส่วนความเป็นจริง ไม่ ได้มีเป้าหมายที่จะทำลายล้างฝ่ายพลเรือน ดังนั้นสิ่งที่ตนเตรียมมาชี้แจง ถือเป็นประโยชน์อย่างยิ่งที่จะทำให้ประชาคมโลกเข้าใจ ถึงแนวทางและท่าทีของประเทศไทย ซึ่งดำเนินการทุกอย่างสอดคล้องกับความตกลงระหว่างประเทศ กฎหมายระหว่างประเทศ.-312.-สำนักข่าวไทย