ส่อง 10 ‘เศรษฐีพันล้าน’ ที่แจ้งเกิดจากยุคทองของ ‘AI’

ในยุคที่โลกกำลังมุ่งสู่ยุคของปัญญาประดิษฐ์ (AI) สิ่งที่ตามมาก็คือ เศรษฐีรุ่นใหม่ ที่สามารถสร้างโอกาสจาก AI โดย Bloomberg ได้ประเมินว่าบริษัท AI ขนาดใหญ่ที่สุด 4 แห่ง ได้สร้างเศรษฐีพันล้านอย่างน้อย15 คน ซึ่งมีสินทรัพย์สุทธิรวมกันกว่า3.8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.23 ล้านล้านบาท) และตั้งแต่การมาของ AI ก็มีสตาร์ทอัพยูนิคอร์นเพิ่มขึ้นมาอีกกว่าสิบแห่ง โดย Positioning ได้คัด 10 เศรษฐีพันล้าน ที่แจ้งเกิดกับ AI

Alexandr Wang (1.2 แสนล้านบาท)

Alexandr Wang (28 ปี): ผู้ก่อตั้ง Scale AI เจ้าของแพลตฟอร์มสำหรับการสอน และพัฒนา AI โดยนับตั้งแต่ที่ Meta เข้าลงทุนใน Scale AI เป็นมูลค่า 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 5.1 แสนล้านบาท เพื่อขอซื้อหุ้น 49% ส่งผลให้ Scale AI มีมูลค่าสูงถึง 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 9.84 แสนล้านบาท คาดว่าตัว Alexandr Wang มีทรัพย์สินรวมกว่า 3.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.2 แสนล้านบาท)

Lucy Guo (4 หมื่นล้านบาท)

Lucy Guo (30 ปี): ผู้ร่วมก่อตั้ง Scale AI ขึ้นแท่น มหาเศรษฐีหญิงที่อายุน้อยที่สุดในโลก ด้วยทรัพย์สินกว่า 1.25 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4 หมื่นล้านบาท) แซงหน้า Taylor Swift โดยเธอเคยเป็นเพื่อนร่วมงานของ Alexandr Wang ในบริษัท Quora ก่อนที่ Wang จะชักชวนให้เธอมาร่วมทำ Scale AI

Mira Murati (4.3 หมื่นล้านบาท)

Mira Murati (36 ปี): อดีตประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของ OpenAI แถมยังเคยขึ้นมาดำรงตำแหน่งซีอีโอเฉพาะกิจแทน Sam Altman แต่ในเดือนกันยายน 2024 ที่ผ่านมา Murati ก็ได้ออกจาก OpenAI ก่อนจะเปิดตัวบริษัท Thinking Machines Lab ในเดือนกุมภาพันธ์ และในเดือนกรกฎาคม สามารถระดมทุนได้ถึง 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นการระดมทุนระดับ Seed Round ที่มีมูลค่าสุดในประวัติศาสตร์ ส่งผลให้บริษัทมีมูลค่า 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ราว 3.9 แสนล้านบาท มีการประเมินว่ามูลค่าทรัพย์สินสุทธิของเธออยู่ที่ประมาณ 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4.3 หมื่นล้านบาท)

Dario Amodei (3.9 หมื่นล้านบาท)

Dario Amodei (42 ปี): ซีอีโอ Anthropic AI บริษัทที่อยู่เบื้องหลัง Frontier Large Language Model หรือ Claude AI โดย Anthropic AI ถือเป็นบริษัท AI ที่ Amazon และ Google หนุนหลัง เพื่อสู้กับ OpenAI ล่าสุด บริษัทกำลังเจรจาระดมทุน 5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งอาจทำให้บริษัทมีมูลค่าสูงถึง 1.7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 5.5 ล้านล้านบาท) ซึ่งเกือบสามเท่าของมูลค่าในเดือนมีนาคม ซึ่งถ้าการระดมทุนสำเร็จจะทำให้ Dario Amodei และผู้ก่อตั้งอีก 6 รายจะมีทรัพย์สินอย่างน้อย 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.9 หมื่นล้านบาท)

Michael Truell (3.2 หมื่นล้านบาท)

Michael Truell (25 ปี): ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Anysphere บริษัทผู้อยู่เบื้องหลัง Cursor โปรแกรมแก้ไขโค้ด AI ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก โดยมีรายได้ประจำปีสูงถึง 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (9.7 พันล้านบาท) หลังจากเปิดตัวได้เพียงสองปี จากการระดมทุนครั้งล่าสุดในเดือนมิถุนายน คาดว่า Anysphere มีมูลค่า 9.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.2 แสนล้านบาท) ทำให้คาดว่า Truell ได้กลายเป็นเศรษฐีพันล้าน

Ilya Sutskever (1.3 แสนล้านบาท)

Ilya Sutskever (38 ปี): ผู้ร่วมก่อตั้งและอดีตหัวหน้านักวิทยาศาสตร์ของ OpenAI และเคยเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง DNNresearch ก่อนจะถูกซื้อโดย Google ก่อนจะลาออกเพื่อร่วมก่อตั้ง Safe Superintelligence ซึ่งมีมูลค่ากว่า 3.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1 ล้านล้านบาท) ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งปีหลังจากก่อตั้ง มีการคาดการณ์ว่า เขาน่าจะถือหุ้นในบริษัทประมาณ 13% ซึ่งจะทำให้มูลค่าทรัพย์สินของเขาอยู่ที่ประมาณ 4.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.3 แสนล้านบาท)

Brett Adcock (4.5 หมื่นล้านบาท)

Brett Adcock (39 ปี): ถือเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทเทคโนโลยีหลายแห่ง อาทิ Vettery ตลาดจัดหางานออนไลน์ที่ใช้ AI เข้ามาช่วย ก่อนที่บริษัทจะถูกขายไปในปี 2018, บริษัท Archer Aviation บริษัทพัฒนารถบินไฟฟ้า (eVTOL) โดยบริษัทได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กด้วยมูลค่ากว่า 2.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (8.8 หมื่นล้านบาท) ล่าสุด Figure AI ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2022 เพื่อสร้างหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์เอนกประสงค์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI โดยข้อมูลล่าสุดจาก Forbes ในปี 2024 ประเมินว่าเขามีทรัพย์สินสุทธิประมาณ 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (4.5 หมื่นล้านบาท)

Liang Wenfeng (3.2 หมื่นล้านบาท)

Liang Wenfeng (40 ปี): นอกจากเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง High-Flyer ซึ่งเป็นบริษัทเฮดจ์ฟันด์ที่ใช้กลยุทธ์การลงทุนเชิงปริมาณ (quantitative hedge fund) และเป็นผู้ก่อตั้งและซีอีโอ DeepSeek มีการคาดการณ์ว่า Wenfeng มีทรัพย์สินสุทธิอย่างน้อย 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.2 หมื่นล้านบาท) โดยส่วนใหญ่มาจากสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท DeepSeek และ High-Flyer

Yao Runhao (4.2 หมื่นล้านบาท)

Yao Runhao (37 ปี): เป็นเศรษฐีพันล้านจากธุรกิจเกมออนไลน์ บริษัทของเขาคือ Paper Games มีมูลค่าประมาณ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (6.5 หมื่นล้านบาท) และสร้างรายได้ 850 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (2.7 หมื่นล้านบาท) ในปีที่ผ่านมา ข้อมูลจาก Forbes ในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 ระบุว่าเขามีทรัพย์สินสุทธิประมาณ 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (4.2 หมื่นล้านบาท)

Michael Intrator (2 แสนล้านบาท)

Michael Intrator (56 ปี): เป็นผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ CoreWeave ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้บริการคลาวด์คอมพิวติ้งที่เน้นการขายพลังประมวลผลให้กับบริษัท AI เป็นหลัก ปัจจุบัน CoreWeave มีลูกค้าสำคัญอย่าง Microsoft และ ข้อมูลจาก Forbes ระบุว่า CoreWeave ได้เข้าตลาดหลักทรัพย์ในเดือนมีนาคมด้วยมูลค่าประมาณ 2.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (7.5 แสนล้านบาท) และ Michael Intrator ถือหุ้นอยู่ประมาณ 11% ซึ่งทำให้เขามีทรัพย์สินสุทธิประมาณ 6.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2 แสนล้านบาท) ในปี 2025

จริง ๆ ยังมีมหาเศรษฐีที่เกิดจาก AI อีกหลายรายที่หลายคนคุ้นชื่อ อาทิ Sam Altman แห่ง OpenAI ซึ่งการเติบโตของเศรษฐีพันล้านในยุค AI สะท้อนให้เห็นถึงพลังการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่มีต่อระบบเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ตาม ความร่ำรวยที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนี้ยังนำมาซึ่งคำถามสำคัญเกี่ยวกับความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ผลกระทบต่อการจ้างงาน และการกระจายผลประโยชน์จากเทคโนโลยี AI อย่างเป็นธรรม