ลูก(อิ๊งค์) ไม่รอด – พ่อ(ทักษิณ) รอด?

ถูกนำมาแปรค่าเป็น “สัญญาน” ในการจับทิศทางการเมืองในช็อตถัดจากวันนี้ ทั้งวันพรุ่งนี้ (22ส.ค.) ที่จะมีคดี “ม.112” ของ “ทักษิณ ชินวัตร” และ วันที่ 29 ส.ค.ที่ศาล ”นัดวินิจฉัยคดีคลิปเสียงฮุนเซน” รวมถึง 9 ก.ย.ที่จะมีการตัดสินคดี “คนชั้น14” ที่ “ทักษิณ” ตกเป็นจำเลย ของศาลฎีกานักการเมือง ที่คดีของ 2 พ่อลูก ถูกจับตาว่าจะส่งผลทางการเมืองไทยไม่ว่าจะรอดหรือไม่รอด

โดยหากรอดจะสามารถซื้อเวลาทางการเมืองไปได้อีกระยะในท่ามกลางปัญหาเครดิตรัฐบาล แต่หากไม่รอดก็จะเกิดความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองทันที

โดยคนลูก “นายกอิ๊งค์ แพทองธาร ชินวัตร” วันนี้(21ส.ค.) นอกจากช่วงเช้าจะไปทำบุญไหว้พระขอพร พร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัวรวมถึงคุณพ่อ “ทักษิณ”ในโอกาสวันคล้ายวันเกิดครบ 39 ปี ยังใจดีสู้ศาล เดินทางมาตามนัด ไต่สวนพยานบุคคล 2 ปากคือ “นายกอิ๊งค์”และ และ “นายฉัตรชัย บางชวด” เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในคดีนี้ที่ 36 สว. ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ความเป็นรัฐมนตรีของ “อิ๊งค์” สิ้นสุดลงเฉพาะตัวหรือไม่ที่ก่อนหน้านี้ศาลรัฐธรรมนูญได้สั่ง “พักงาน” ในตำแหน่งนายกฯของ”อิ๊งค์”โดยวันนี้ ศาลใช้เวลาไต่สวนกว่า 1 ชั่วโมง 30 นาที ที่เจ้าตัว

เมื่อออกมาพบ “นักข่าว”นอกจากไม่แสดงอาการใดๆ นอกจากยิ้มรับและไหว้ทักทาย แต่ไม่ได้ให้สัมภาษณ์ท่ามกลาง ประชาชน มารอให้กำลังใจ บอก “นายกฯ สู้ ๆ” โดย ผู้สื่อข่าวถามว่า กำลังใจยังดีหรือไม่ และทุกอย่างเรียบร้อยดีใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี ไม่ตอบ เพียงแค่ยิ้ม และพยักหน้ารับ ก่อนเดินทางกลับทันที

โดยการไต่สวนครั้งนี้ที่ไม่ได้มีการถ่ายทอดออกมาด้านนอก มีการคาดการณ์จากหลายฝ่าย ว่า จะเป็นประเด็นที่”นายกอิ๊งค์”ยื่นคำชี้แจงต่อศาล ที่ยืนยันว่าไม่ได้กระทำการฝ่าฝืนจริยธรรม และไม่ได้ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติภูมิในตำแหน่งนายกฯ รวมถึงปมการเจรจากับฮุนเซน ที่ออกปากขออะไรก็ได้ที่”อิ๊งค์”ชี้แจงในคำชี้แจงว่าเป็นเจตนาให้คู่เจรจาได้เสนอเงื่อนไขออกมา ก่อนตามหลักการเจรจาเชิงผลประโยชน์ โดยใช้เทคนิคตั้งคำถามเพื่อค้นหาความต้องการที่แท้จริง

โดยไม่มีเจตนาดำเนินการตามเงื่อนไขที่เสนอมาทุกกรณี ซึ่งรวมถึงประเด็น “แม่ทัพภาคที่ 2” ที่ยืนยันเป็นเทคนิคเจรจา ไม่ได้เป็นการตำหนิในทางลบ หรือแสดงให้เห็นว่าแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลโดยการสนทนามีความตั้งใจที่จะรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ ไม่มีเจตนาเพื่อผลประโยชน์ส่วนตนหรือครอบครัว

เรียกว่าการมาขึ้นศาลของ”อิ๊งค์”มีการวิเคราะห์ก่อนหน้านี้กับตัวเลขที่จะออกมาทั้ง 5:4 และ 4:5 คือรอดและไม่รอด รวมถึงข่าวลือรอดก่อนค่อยลาออก หลังจากที่มีกระแสกดดันให้ “อิ๊งค์” ลาออกก่อนวันนัดวินิจฉัย เพื่อไม่ให้คดีจริยธรรมติดตัวแบบ “เศรษฐา”

ในขณะที่บางฝ่ายวิเคราะห์ไปถึงการมาไต่สวนเทียบสมัย”ทักษิณ”คดีซุกหุ้นที่ “ทักษิณ”ไปศาล ผลออกมา “รอด”ด้วย “บกพร่องโดยสุจริต”กับสมัย”ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ที่ไม่ไปไต่สวนที่ศาลและ “ไม่รอด”

ในขณะที่ “วงนอก”อย่าง”เทพไท เสนพงศ์”วิเคราะห์ผ่านFBว่า จากสัญชาติญานมองว่า คดี “คลิปเสียงฮุนเซน”เป็นการฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรง เป็นคดีที่ทำให้ประเทศชาติเสียหาย ประเมินว่า คดีนี้เมื่อศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องไว้พิจารณา และให้หยุดปฎิบัติหน้าที่ น่าจะมีคำวินิจฉัย ให้พ้นจากตำแหน่งไปด้วย ในความผิดฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรง ส่วนคดี “ม.112”ของ “ทักษิณ” น่าจะรอด หรือน่าจะชนะคดี แต่เชื่อว่าศาลชั้นต้นนายทักษิณชนะคดี

แต่อัยการสูงสุด สามารถที่จะอุทธรณ์ได้ ก็ต้องไปสู้ในชั้นอุทธรณ์หรือศาลฎีกาอีก ซึ่งระยะเวลาอีกยาวนานพอสมควร ในขณะที่ “คดีคนชั้น14”มองว่า เมื่อศาลนัดวันฟังคำสั่งแล้ว ยังให้นายทักษิณและผู้บัญชาการ เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯคนปัจจุบัน มารับฟังด้วย ก็เป็นเหตุที่บ่งชี้ได้ว่า นายทักษิณ ยังไม่ได้ถูกคุมขังตามหมายศาลศาลฎีกา น่าจะมีคำสั่งให้นายทักษิณกลับไปจำคุกใหม่ และว่า ถ้าหาก3คดีสำคัญนี้ ทั้ง2พ่อลูก อาจรอดเพียง1คดีไม่รอด2คดีนั้น ย่อมส่งผลต่อสถานการณ์ทางการเมืองของประเทศไทยอย่างปฏิเสธไม่ได้

ในขณะที่“ธนาพล อิ๋วสกุล”อดีตบก.ฟ้าเดียวกันเพื่อน “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ”ก็โพสFB วิเคราะห์2พ่อลูกเช่นกันโดยสรุปว่า “ปาฏิหาริย์” มีจริง สำหรับทักษิณ ชินวัตรในเดือนสิงหาคม 2544 แต่“ปาฏิหาริย์” ไม่มีจริง สำหรับแพทองธาร ชินวัตรในเดือนสิงหาคม 2568 โดย ย้อนรอย ไปถึงสิ่งที่ทำให้ทักษิณ รอดจากคดีซุกหุ้น 3 สิงหาคม 2544 และระบุว่า ด้วยเหตุนี้ “อุ๊งอิ๊งค์” จึงจะไม่รอดคดี “คลิปอังเคิล”

โดยเขาวิเคราะห์ตอนท้ายว่า ทักษิณ ในปี 2544 ยังไม่ใช่ศัตรูทางการเมืองของชนชั้นนำ แต่ มาเป็นหลังปี 2548 แต่ “อุ๊งอิ๊งค์” เข้ามารับตำแหน่ง ปี 2567 เพราะพ่อ ถึงอย่างไรทักษิณก็คือศัตรูของชนชั้นนำ ดูได้จากชื่อของทักษิณ จากการอภิปรายของ “สส.ชวพล” แค่ “อุ๊งอิ๊งค์” ขึ้นมาเป็นนายกฯก็เป็นศัตรูแล้ว เพียงแต่ว่า จับมือสามัคคีกันชั่วคราวเพื่อหยุด “พรรคส้ม”เท่านั้น

ก่อนทิ้งท้ายย้ำแบบฟันธงว่า ทั้งหมดทั้งปวง คือจะบอกว่า“ปาฏิหาริย์” ไม่มีจริง ในเดือนสิงหาคึม 2568 “อุ๊งอิ๊งค์” ไม่รอด ต้องหลุดจากตำแหน่งนายก ถ้าไม่ลาออกก่อน ก็จะโดนศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้หลุดจากตำแหน่ง.

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook: https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews