นักกายภาพบำบัดเผยสาเหตุที่ไม่ควรนั่งไขว่ห้างบนเครื่องบิน เสี่ยงเกิดลิ่มเลือดอุดตัน
ท่านั่งไขว่ห้างนับเป็นท่านั่งยอดนิยม แม้ว่าในบางโอกาสอาจถูกมองว่าไม่สุภาพ แต่ เบธานี ทอมลินสัน นักกายภาพบำบัดจาก AXA Health ออกมาเตือนว่า อาจผู้โดยสารเครื่องบินนั่งในท่านี้เป็นเวลานานๆ อาจส่งผลเสียมากกว่าที่คิด
จากการวิจัยพบว่า ชาวสหราชอาณาจักรในวัยผู้ใหญ่มากกว่า 1 ใน 10 คนมีปัญหาเกี่ยวกับข้อต่อในร่างกาย และความเจ็บปวดที่ข้อต่อนี้อาจแย่ลงกว่าเดิมได้หากต้องนั่งอยู่นิ่งๆ เป็นเวลานานบนเครื่องบิน
ทอมลินสันอธิบายถึงความเสี่ยงที่มาพร้อมกับการนั่งไขว่ห้างบนเครื่องบิน โดยเตือนว่า "ควรหลีกเลี่ยงการนั่งไขว่ห้างบนที่นั่งบนเครื่องบิน เพราะจะส่งผลกระทบต่อการไหลเวียนของเลือดและเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำส่วนลึก (DVT)"
ผู้เชี่ยวชาญด้านกายภาพบำบัดยังแนะนำให้พยายามยกขาขึ้นสูงและเลือกท่านั่งผ่อนคลายในรูปแบบอื่นแทน "หากมีที่พักเท้าใต้ที่นั่งข้างหน้า ให้ใช้มันเพื่อยกขาให้สูงขึ้นเล็กน้อย" เธอกล่าวเสริม "อย่าลืมผ่อนคลายหัวไหล่และพิงหลังกับพนักที่นั่งเพื่อพยุงตัวในขณะที่นั่ง"
ทอมลินสันชี้ว่า "การรู้วิธีการจัดท่าทางร่างกายและทำท่าบริหารขณะนั่งเพื่อให้ข้อต่อได้ขยับนั้นเป็นสิ่งสำคัญ” โดยอธิบายว่า หนึ่งในวิธีหนึ่งช่วยบรรเทาอาการตึงหรือติดขัดของข้อต่อคือการยืนในท่าที่ถูกต้อง "เมื่อลุกขึ้นยืน ให้สลับน้ำหนักตัวไปมาระหว่างเท้าแต่ละข้าง งอเข่าเล็กน้อย และยืดเหยียดเบาๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการลงน้ำหนักที่ร่างกายส่วนล่างมากเกินไป"
สำหรับการเดินทางระยะไกลที่ต้องใช้เวลานานหลายชั่วโมง ทอมลินสันแนะนำว่า "ผู้โดยสารควรขยับร่างกายทุกๆ 1-2 ชั่วโมงบนเครื่องบินเพื่อให้ข้อต่อเคลื่อนไหว การอยู่ในท่าเดิมเป็นเวลาหลายชั่วโมงอาจทำให้ข้อต่อแข็งและบวม โดยเฉพาะบริเวณหัวเข่า ข้อเท้า และสะโพก
"การออกกำลังกายขณะนั่งอยู่บนเครื่องบินจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและลดความเสี่ยงของภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำส่วนลึก (DVT) ซึ่งเป็นชนิดของลิ่มเลือดที่มักเกิดขึ้นในระหว่างการนั่งอยู่กับที่เป็นเวลานาน"
นอกจากนี้ ทอมลินสันยังแนะนำว่า ผู้โดยสารควรทำท่าบริหารร่างกายแบบง่ายๆ ขณะอยู่บนที่นั่งบนเครื่องบิน เช่น การยืดคอ หมุนหัวไหล่ และกอดเข่า (ท่าบริหารด้วยการยกเข่าข้างหนึ่งขึ้นสูงแล้วโอบแขนทั้งสองข้างรอบหัวเข่าและหน้าแข้ง ทำสลับกัน) เพื่อผ่อนคลายข้อต่อ
ที่มา : dailymail.co.uk
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES