PRIME เร่งขายบริษัทย่อย เพื่อจ่ายผู้ถือหุ้นกู้
นายสมประสงค์ ปัญจะลักษณ์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทไพร์มโรดเพาเวอร์จำกัด (มหาชน) หรือ PRIME เปิดผยว่าบริษัทฯ มีความตั้งใจแน่วแน่ที่จะชำระเงินคืนแก่ผู้ถือหุ้นกู้ตามกำหนดการที่วางไว้ โดยยึดหลักธรรมาภิบาลและคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นและเสถียรภาพทางการเงินที่แข็งแกร่งของกลุ่มบริษัทอย่างยั่งยืนต่อไป
ทั้งนี้ที่ี่ประชุมคณะกรรมการบริษัทไพร์มโรดเพาเวอร์จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 7/2568 ซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมาได้มีมติอนุมัติให้บริษัทไพร์มโรดกรุ๊ปจำกัด (PRGหรือ “ผู้ขาย”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยจำหน่ายหุ้นสามัญทั้งหมดที่ PRG ถืออยู่ในบริษัทย่อย 3 บริษัทได้แก่บริษัทสตาร์โซลาร์จำกัด (STS) บริษัทสมาร์ทโซลาร์จำกัด (SMS) และบริษัทไอดีลโซลาร์จำกัด (IDS) ในมูลค่ารวมทั้งสิ้น 686ล้านบาทให้แก่ GREENYELLOW CHSPP PTE.LTD. (GREENYELLOWหรือ “ผู้ซื้อ”) ซึ่งไม่ใช่บุคคลที่เกี่ยวโยงกันของบริษัทฯ
โดย STS, SMS และ IDS ดำเนินธุรกิจโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นที่ดิน สำหรับหน่วยงานราชการและสหกรณ์การเกษตร 4 แห่งดังนี้
1.โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน สำหรับหน่วยงานราชการและสหกรณ์ภาคการเกษตรในอำเภอเสนาจังหวัดพระนครศรีอยุธยา (โครงการ BSA-08)ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 5 เมกะวัตต์
2.โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน สำหรับหน่วยงานราชการและสหกรณ์ภาคการเกษตรในอำเภอลาดบัวหลวงจังหวัดพระนครศรีอยุธยา (โครงการ LBL-05)ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 5 เมกะวัตต์
3.โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินสำหรับหน่วยงานราชการและสหกรณ์ภาคการเกษตรในอำเภอเสนาจังหวัดพระนครศรีอยุธยา (โครงการ BSA-01) ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 5 เมกะวัตต์
4.โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินสำหรับหน่วยงานราชการและสหกรณ์ภาคการเกษตรในอำเภอลาดหลุมแก้วจังหวัดปทุมธานี (โครงการ LAK-09)ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 3 เมกะวัตต์
อย่างไรก็ตามการเข้าทำธุรกรรมข้างต้นนี้ เข้าข่ายเป็นรายการจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ตามประกาศรายการได้มาหรือจำหน่ายไป ดังนั้นบริษัทได้จัดส่งหนังสือเวียนไปถึงผู้ถือหุ้นของบริษัท ภายใน 21 วันนับตั้งแต่วันที่เปิดเผยรายการต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ
ทั้งนี้ผู้ซื้อจะชำระเงินสดจำนวนทั้งสิ้น 686,180,800 บาท (หกร้อยแปดสิบหกล้านหนึ่งแสนแปดหมื่นแปดร้อยบาท) โดยจะแบ่งการชำระเงินเป็น 3 งวด ดังนี้
งวดที่ 1 มูลค่าประมาณ 617.56 ล้านบาท เมื่อมีการโอนหุ้นของ STS, SMS และ IDS ให้กับทางผู้ซื้อ โดยคาดว่าจะได้รับภายในเดือนพฤศจิกายน 2568
งวดที่ 2 มูลค่าประมาณ 34.31 ล้านบาท เมื่อครบกำหนด 30 วัน หลังจากการโอนหุ้น โดยคาดว่าจะได้รับภายในเดือนธันวาคม 2568
งวดที่ 3 มูลค่าประมาณ 34.31 ล้านบาท เมื่อครบกำหนด 6 เดือน หลังจากการโอนหุ้น โดยคาดว่าจะได้รับภายในเดือนพฤษภาคม 2569
“บริษัทจะใช้เงินที่ได้รับจากธุรกรรมการจำหน่ายหุ้นบริษัทย่อยดังกล่าวนี้ส่วนหนึ่งจะเป็นเงินทุนสำรองเพื่อชำระคืนเงินต้นร้อยละ 30 ของหุ้นกู้และดอกเบี้ยหุ้นกู้ของบริษัทจำนวน 4 รุ่นได้แก่ PRIME253B PRIME253A PRIME25DA และ PRIME25DB”
นายสมประสงค์กล่าวด้วยว่าบริษัทได้ดำเนินการตามแผนการจัดการกระแสเงินสดเพื่อจัดการหนี้สินที่จะถึงกำหนดชำระ ทั้งนี้การเข้าทำธุรกรรมดังกล่าวนี้นับเป็นหนึ่งในแผนการบริหารจัดการที่บริษัทได้ติดตามและให้ความสำคัญในการดำเนินการตามแผนการจัดการกระแสเงินสดเพื่อจัดการหนี้สินที่จะถึงกำหนดชำระซึ่งบริษัทได้ดำเนินการดังนี้คือการหาผู้ร่วมทุนและการจำหน่ายสินทรัพย์บางส่วนของโครงการโรงไฟฟ้าภายใต้กลุ่มบริษัท การติดตามลูกหนี้ค้างชำระจากการดำเนินงานของกลุ่มบริษัท การเจรจาขอสินเชื่อโครงการสำหรับโครงการโรงไฟฟ้ากับนักลงทุนและสถาบันการเงิน ควบคู่กับการดำเนินนโยบายบริหารสภาพคล่องทางการเงินอย่างเข้มงวดและรัดกุมทุกขั้นตอนเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการบริหารจัดการทางการเงิน
“บริษัทขอให้คำมั่นถึงความมุ่งมั่นและตั้งใจจริงในการชำระคืนแก่ผู้ถือหุ้นกู้ตามกำหนด โดยยึดหลักธรรมาภิบาลและคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่ายอย่างแน่นอน”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง